ก่อนอื่นขอออกตัวเลยว่าไม่เคยเขียนรีวิวหนังมาก่อน แต่ว่าประทับใจหนังเรื่อง Rush มาก เพิ่งดูจบมาสดๆร้อนๆเลยอยากมาแชร์ความรู้สึกให้คนรักหนังหรือคนที่กำลังตัดสินใจลองอ่านดู
ขอเกริ่นหน่อยว่าจริงๆแล้วเริ่มแรกกะจะไปดูเรื่อง White House Down แต่ไปเซิชดูคะแนนใน imdb แล้วก็เปลี่ยนใจ เลือกเรื่อง Rush แทน
สองเรื่องนี้คนละแนวเลย แต่ถ้ามีเวลาอาจไปดู White House Down คราวหลัง ถ้าหนังยังไม่ออกโรงเสียก่อน
องค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกดูเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ Teaser ที่ปล่อยออกมา เห็นตอนที่ไปดูหนังเรื่องก่อนหน้า ก็คิดอยู่แล้วว่าน่าดูใช้ได้อยู่
Casts
ทุกตัวแสดงทำได้ดี เล่นไหลลื่น ไม่ขัด จังหวะการปล่อยมุกเป๊ะ..ทำให้บางคำพูดหรือท่าทางที่ดูเหมือนไม่มีอะไรกลายเป็นมีอะไรขี้นมาได้
ขอกล่าวเน้นที่สองตัวแสดงหลักก็แล้วกัน
Chris Hemsworth
สวมบทบาท James Hunt ได้ดี คือนอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ให้กับคาแรคเตอร์ Heartthrob แล้ว
หนุ่ม Chris ยังสื่อให้เห็นถึงอารมณ์หนุ่มรักสนุก เจ้าสำราญ มองโลกในแง่ดี ออกมาได้แบบไม่ขัดเขิน
แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามีบางซีนยังไม่ใช่ ยังเล่นได้ไม่สุด แต่ภาพรวมถือว่าสวมบทบาทได้อย่างดี
Daniel Bruhl
คนนี้ขอชื่นชมหน่อย คือเล่นเป็นคู่แข่งกับ Chris ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ตัวหนังเหมือนจะแอบสื่อให้เป็น villain แบบเบาๆ
แต่ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่ทำเอาเราแอบเชียร์อยู่ลีกๆไม่ได้ ดูไปก็ดีใจไปกับความสำเร็จทั้งการงานและครอบครัวของ Nikki
คือถึงคนๆนี้บุคลิกจะขวางโลกไปบ้าง แต่เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ รู้สึกว่าสมควรแล้วกับรางวัลและความสุขที่ได้รับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนใกล้จบมีการฉายภาพถ่าย James Hunt กับ Nikki Lauda ตัวจริง ชื่นชมทีมแคสต์กับทีมช่างแต่งหน้าทำผมเลย นักแสดงที่เลือกมาคล้ายตัวจริงของนักแข่งทั้งสองคนมาก
Visuals
ในฐานะคนดูทั่วไป ไม่ได้รู้เรื่องเชิงลึกเกี่ยวกับการถ่ายภาพหรือองค์ประกอบศิลป์
ภาพในหนังเรื่องนี้ถ่ายออกมาได้ดูดี มีหลายฉากที่ภาพสวยมาก ทึ่งกับมุมบางมุมที่ถ่ายออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ..แอบคิดว่าเอากล้องไปซุกไว้ตรงไหนเนี่ย
มีบ้างที่ตอนแข่ง ดูไปนานๆแล้วลายตา บางช็อตเหมือนพยายามเล่น visual effects มากไปนิด
แต่ก็ชอบตรงที่มีการตัดภาพได้ไม่น่าเบื่อ เปลี่ยนการนำเสนอ เพราะข้อจำกัดของหนังเรื่องนี้คือ ต้องเทเนื้อเรื่องไปที่สนามแข่งและรถแข่งที่กำลังแล่นอยู่บนสนาม.. ถ้าพลาด ทำจุดนี้ได้ไม่ดี มีโอกาสมากที่คนดูจะเบื่อ
ส่วนตัวแล้วเราให้ผ่าน ทำได้ดีเลย
Plot
สำหรับหนังเชิงชีวประวัติ ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าพล็อตและไดอาล็อคในเรื่องส่งผลมากต่อการเดินเรื่องและการดึงความสนใจของคนดู แล้วเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีมาก(อีกแล้ว)
ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะเลือกดูหนังชีวประวัติ(ถึงแม้จะเป็นชีวประวัติที่มีความเร็วและความน่าตื่นเต้นเข้ามาเกี่ยวข้องก็เถอะ) ยิ่งกว่านั้นคือดันเป็นหนังชีวประวัติที่ทำออกมาได้สนุกซะด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เริ่มเรื่องมา เป็นฉากสั้นๆของวันแข่งที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่อง แล้วก็ตัดฉับกลับไปเล่าย้อนอดีต.. จุดนี้เราชอบมาก เหมือนสร้าง suspense ให้ผู้ชมอยากรู้ว่า ตกลงแล้ววันนั้นมันมีเหตุการณ์สำคัญอะไร
อีกอย่างคือลุ้นมากว่าอะไรจะเกิดขี้น ใครจะได้ Championship ไปครอง.. ซึ่งถ้าใครอยากไปลุ้นตรงจุดนี้ ก็อย่าเผลอไปอ่านผลการแข่งขันเสียก่อนนะ
Impression
เหมือนรีวิวนี้จะเน้นชมซะมาก แต่เพราะไปดูโดยไม่มีความคาดหวังใดๆไปล่วงหน้า พอดูจบออกมาจากโรงกลับทำให้เรามีรอยยิ้มแต้มใบหน้าและรู้สึกอิ่มเอมใจ ประทับใจบอกไม่ถูก
อีกอย่างอาจเนื่องด้วยช่วงหลังๆ ค่อนข้างผิดหวังกับหนังที่ได้ดู พอมาเจอเรื่องที่ถูกใจเลยปลื้มเป็นพิเศษ
ใครได้ดูแล้วหรือคิดจะไปดูหรือกำลังลังเลว่าจะไปดูดีมั้ย เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้เลยค่ะ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของตัวหนังมากขี้นไม่มากก็น้อย
[CR] [Film Review สปอยล์เล็กน้อย] RUSH ..จากเรื่องจริงของนักแข่งรถ Formula1
ขอเกริ่นหน่อยว่าจริงๆแล้วเริ่มแรกกะจะไปดูเรื่อง White House Down แต่ไปเซิชดูคะแนนใน imdb แล้วก็เปลี่ยนใจ เลือกเรื่อง Rush แทน
สองเรื่องนี้คนละแนวเลย แต่ถ้ามีเวลาอาจไปดู White House Down คราวหลัง ถ้าหนังยังไม่ออกโรงเสียก่อน
องค์ประกอบในการตัดสินใจเลือกดูเรื่องนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ Teaser ที่ปล่อยออกมา เห็นตอนที่ไปดูหนังเรื่องก่อนหน้า ก็คิดอยู่แล้วว่าน่าดูใช้ได้อยู่
Casts
ทุกตัวแสดงทำได้ดี เล่นไหลลื่น ไม่ขัด จังหวะการปล่อยมุกเป๊ะ..ทำให้บางคำพูดหรือท่าทางที่ดูเหมือนไม่มีอะไรกลายเป็นมีอะไรขี้นมาได้
ขอกล่าวเน้นที่สองตัวแสดงหลักก็แล้วกัน
Chris Hemsworth
สวมบทบาท James Hunt ได้ดี คือนอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ให้กับคาแรคเตอร์ Heartthrob แล้ว
หนุ่ม Chris ยังสื่อให้เห็นถึงอารมณ์หนุ่มรักสนุก เจ้าสำราญ มองโลกในแง่ดี ออกมาได้แบบไม่ขัดเขิน
แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามีบางซีนยังไม่ใช่ ยังเล่นได้ไม่สุด แต่ภาพรวมถือว่าสวมบทบาทได้อย่างดี
Daniel Bruhl
คนนี้ขอชื่นชมหน่อย คือเล่นเป็นคู่แข่งกับ Chris ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ตัวหนังเหมือนจะแอบสื่อให้เป็น villain แบบเบาๆ
แต่ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่ทำเอาเราแอบเชียร์อยู่ลีกๆไม่ได้ ดูไปก็ดีใจไปกับความสำเร็จทั้งการงานและครอบครัวของ Nikki
คือถึงคนๆนี้บุคลิกจะขวางโลกไปบ้าง แต่เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ รู้สึกว่าสมควรแล้วกับรางวัลและความสุขที่ได้รับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Visuals
ในฐานะคนดูทั่วไป ไม่ได้รู้เรื่องเชิงลึกเกี่ยวกับการถ่ายภาพหรือองค์ประกอบศิลป์
ภาพในหนังเรื่องนี้ถ่ายออกมาได้ดูดี มีหลายฉากที่ภาพสวยมาก ทึ่งกับมุมบางมุมที่ถ่ายออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ..แอบคิดว่าเอากล้องไปซุกไว้ตรงไหนเนี่ย
มีบ้างที่ตอนแข่ง ดูไปนานๆแล้วลายตา บางช็อตเหมือนพยายามเล่น visual effects มากไปนิด
แต่ก็ชอบตรงที่มีการตัดภาพได้ไม่น่าเบื่อ เปลี่ยนการนำเสนอ เพราะข้อจำกัดของหนังเรื่องนี้คือ ต้องเทเนื้อเรื่องไปที่สนามแข่งและรถแข่งที่กำลังแล่นอยู่บนสนาม.. ถ้าพลาด ทำจุดนี้ได้ไม่ดี มีโอกาสมากที่คนดูจะเบื่อ
ส่วนตัวแล้วเราให้ผ่าน ทำได้ดีเลย
Plot
สำหรับหนังเชิงชีวประวัติ ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าพล็อตและไดอาล็อคในเรื่องส่งผลมากต่อการเดินเรื่องและการดึงความสนใจของคนดู แล้วเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีมาก(อีกแล้ว)
ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะเลือกดูหนังชีวประวัติ(ถึงแม้จะเป็นชีวประวัติที่มีความเร็วและความน่าตื่นเต้นเข้ามาเกี่ยวข้องก็เถอะ) ยิ่งกว่านั้นคือดันเป็นหนังชีวประวัติที่ทำออกมาได้สนุกซะด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Impression
เหมือนรีวิวนี้จะเน้นชมซะมาก แต่เพราะไปดูโดยไม่มีความคาดหวังใดๆไปล่วงหน้า พอดูจบออกมาจากโรงกลับทำให้เรามีรอยยิ้มแต้มใบหน้าและรู้สึกอิ่มเอมใจ ประทับใจบอกไม่ถูก
อีกอย่างอาจเนื่องด้วยช่วงหลังๆ ค่อนข้างผิดหวังกับหนังที่ได้ดู พอมาเจอเรื่องที่ถูกใจเลยปลื้มเป็นพิเศษ
ใครได้ดูแล้วหรือคิดจะไปดูหรือกำลังลังเลว่าจะไปดูดีมั้ย เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้เลยค่ะ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของตัวหนังมากขี้นไม่มากก็น้อย