“นมัสเต จ๊ะเอ๋ บ๊ายบาย” เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นภายใต้โครงการบวชพุทธสาวิกาสองแผ่นดิน โดยเสถียรธรรมสถาน
และสร้างขึ้นในโอกาสฉลองปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม โดยมีการถ่ายทำใน 3 ประเทศคือ ไทย อินเดีย และเนปาล
ตอนดูตัวอย่างเรื่องนี้จบก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะดูสักเท่าไร แต่ด้วยความที่ชื่นชอบน้องออมเป็นทุนเดิม
และคิดถึงพุทธคยาที่เคยไปมาเมื่อสองปีที่แล้ว จึงตัดสินใจไปดู
หนังเริ่มจากการเล่าเรื่องของสาวน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่าเกน (ณัฐนา คูวงษ์วัฒนาเสรี)
เธอนำพาให้รู้จักเพื่อนชายรุ่นพี่ของเธอสองคน ก้อง (วรินกร ปลื้มจิตต์) และชีระ (วชิระ ค่ายคำ)
ช่วงแรกของหนังวนเวียนอยู่กับสามคนนี้ สลับกับชีวิตของพลอย (ออม - สุชาร์ มานะยิ่ง)
หนังเดินเรื่องชีวิตของคนสองฝั่งที่ไม่รู้จักกันไปพร้อมๆกัน
บทภาพยนตร์ช่วงแรกพยายามไม่ทำให้คนหลับ โดยการใส่มุกตลกของก้องและชีระเข้ามาเต็มที่
แทบไม่น่าเชื่อว่ามุกของหม่ำ จ๊กม๊ก แก๊งสามช่า จะเอามาใส่ลงไปจนหนังเลอะเทอะ ตลกฝืดๆ และใส่มุกแบบผิดที่ผิดทาง
ตัวละครก้องและชีระ จึงกลายเป็นตลกคาเฟ่ ที่ได้โลดแล่นบนจอใหญ่ มันเป็นส่วนด้อยของหนัง แต่วัยรุ่นอาจจะชอบอะไรเกรียนๆเช่นนี้
ส่วนสาวน้อยเกน เริ่มต้นมาเธอดูเด่น แต่ไปๆมาๆตัวละครนี้แทบจะถูกกลืนหายไปเลย เสียดายหน้าตา และฝีมือที่น่าจะแสดงอะไรได้มากกว่านี้
ออม สุชาร์ ในบทของพลอย เธอแสดงได้อย่างชิวๆ ไม่มีอะไรน่าห่วงแต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำมากนัก
ตัวละครเด่นกลับเป็นน้องปอปอ (ด.ญ. สาธิมา อุดมเวศย์) แม้ว่าบางช่วงออกจะเป็นการท่องบทไปสักหน่อย
แต่เข้าใจได้ว่ายังเด็ก และคงเป็นงานแสดงแรกๆของเธอ แต่เธอก็ทำได้ดีน่าชมเชย
การลำดับภาพยังไม่ราบรื่นเท่าไร แต่ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามมาก เสียดายที่ถ่ายทำตรงพุทธคยาน้อยเกินไป
ถ้ามีภาพมุมกว้างให้ชมมากกว่านี้ จะสวยงามมากขึ้นครับ
แต่ที่ผมขอยกให้ว่ายอดเยี่ยมคือ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ โดยนิมิตร จิตรานนท์ และวรินกร ปลื้มจิตต์
ผมให้ห้าดาวเลยสำหรับการทำดนตรีประกอบในเรื่องนี้ เส้นเสียงสอดรับกับภาพที่ปรากฏงดงามในใจ
แม้หลับตาฟังก็ยังรู้สึกอิ่มในอารมณ์ เสียดายที่คนเก่งๆ อย่างกบ นิมิตร จากเราไป เร็วเกินไป
ส่วนวรินกร ปลื้มจิตต์ หนึ่งในคนแต่งสกอร์เพลงให้กับหนังเรื่องนี้ ขอบอกว่าอนาคตไกลครับ
บทสรุปของหนังเรื่องนี้ มันสรุปให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ อยู่ที่คุณจะสรุปกับชีวิตของตัวเองอย่างไรต่อไป
สามดาวครึ่ง สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ควรรีบไปดูกัน เพราะฉายน้อยรอบและน้อยโรง
ราคาตั๋ว 99 บาททุกที่นั่ง รายได้ทั้งหมด เพื่อนำธรรมะกลับสู่หัวใจเด็กและเยาวชนครับ...
[CR] รีวิว นมัสเต จ๊ะเอ๋ บ๊ายบาย
และสร้างขึ้นในโอกาสฉลองปีพุทธชยันตี 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ธรรม โดยมีการถ่ายทำใน 3 ประเทศคือ ไทย อินเดีย และเนปาล
ตอนดูตัวอย่างเรื่องนี้จบก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะดูสักเท่าไร แต่ด้วยความที่ชื่นชอบน้องออมเป็นทุนเดิม
และคิดถึงพุทธคยาที่เคยไปมาเมื่อสองปีที่แล้ว จึงตัดสินใจไปดู
หนังเริ่มจากการเล่าเรื่องของสาวน้อยคนหนึ่งที่ชื่อว่าเกน (ณัฐนา คูวงษ์วัฒนาเสรี)
เธอนำพาให้รู้จักเพื่อนชายรุ่นพี่ของเธอสองคน ก้อง (วรินกร ปลื้มจิตต์) และชีระ (วชิระ ค่ายคำ)
ช่วงแรกของหนังวนเวียนอยู่กับสามคนนี้ สลับกับชีวิตของพลอย (ออม - สุชาร์ มานะยิ่ง)
หนังเดินเรื่องชีวิตของคนสองฝั่งที่ไม่รู้จักกันไปพร้อมๆกัน
บทภาพยนตร์ช่วงแรกพยายามไม่ทำให้คนหลับ โดยการใส่มุกตลกของก้องและชีระเข้ามาเต็มที่
แทบไม่น่าเชื่อว่ามุกของหม่ำ จ๊กม๊ก แก๊งสามช่า จะเอามาใส่ลงไปจนหนังเลอะเทอะ ตลกฝืดๆ และใส่มุกแบบผิดที่ผิดทาง
ตัวละครก้องและชีระ จึงกลายเป็นตลกคาเฟ่ ที่ได้โลดแล่นบนจอใหญ่ มันเป็นส่วนด้อยของหนัง แต่วัยรุ่นอาจจะชอบอะไรเกรียนๆเช่นนี้
ส่วนสาวน้อยเกน เริ่มต้นมาเธอดูเด่น แต่ไปๆมาๆตัวละครนี้แทบจะถูกกลืนหายไปเลย เสียดายหน้าตา และฝีมือที่น่าจะแสดงอะไรได้มากกว่านี้
ออม สุชาร์ ในบทของพลอย เธอแสดงได้อย่างชิวๆ ไม่มีอะไรน่าห่วงแต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำมากนัก
ตัวละครเด่นกลับเป็นน้องปอปอ (ด.ญ. สาธิมา อุดมเวศย์) แม้ว่าบางช่วงออกจะเป็นการท่องบทไปสักหน่อย
แต่เข้าใจได้ว่ายังเด็ก และคงเป็นงานแสดงแรกๆของเธอ แต่เธอก็ทำได้ดีน่าชมเชย
การลำดับภาพยังไม่ราบรื่นเท่าไร แต่ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามมาก เสียดายที่ถ่ายทำตรงพุทธคยาน้อยเกินไป
ถ้ามีภาพมุมกว้างให้ชมมากกว่านี้ จะสวยงามมากขึ้นครับ
แต่ที่ผมขอยกให้ว่ายอดเยี่ยมคือ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ โดยนิมิตร จิตรานนท์ และวรินกร ปลื้มจิตต์
ผมให้ห้าดาวเลยสำหรับการทำดนตรีประกอบในเรื่องนี้ เส้นเสียงสอดรับกับภาพที่ปรากฏงดงามในใจ
แม้หลับตาฟังก็ยังรู้สึกอิ่มในอารมณ์ เสียดายที่คนเก่งๆ อย่างกบ นิมิตร จากเราไป เร็วเกินไป
ส่วนวรินกร ปลื้มจิตต์ หนึ่งในคนแต่งสกอร์เพลงให้กับหนังเรื่องนี้ ขอบอกว่าอนาคตไกลครับ
บทสรุปของหนังเรื่องนี้ มันสรุปให้คุณตั้งแต่ต้นจนจบ อยู่ที่คุณจะสรุปกับชีวิตของตัวเองอย่างไรต่อไป
สามดาวครึ่ง สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ควรรีบไปดูกัน เพราะฉายน้อยรอบและน้อยโรง
ราคาตั๋ว 99 บาททุกที่นั่ง รายได้ทั้งหมด เพื่อนำธรรมะกลับสู่หัวใจเด็กและเยาวชนครับ...