ปล่าวหรอกครับไม่ได้เชื่อไปตามคำทำนายของบรรดาหมอดูที่ว่า8ตุลาฯโลกาวินาศ รัฐบาลจะไปไม่รอด
และไม่คิดว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือบรรดา"มือที่มองไม่เห็น"ต่างๆจะ มีความสามารถล้มรัฐบาลไปได้
แม้ว่าำวกเค้าจะถึงกับ หน้ามืดตามัวใช้"วิธีพิเศษ"ล้มจนได้ มีทหารหน้ามืดทำรัฐประหาร
ผมก็เชื่อว่าล้มไม่ได้จริงๆหรอก
นอกจากจะยิ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลนั้นกลายเป็นฝ่ายชอบธรรมมากขึ้น แม้ว่ากำจัดรัฐบาลนี้ไป ก็จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
แต่ที่ผมห่วงนั้น คือห่วงความอ่อนแอจากภายในของรัฐบาลเอง ความอ่อนแอที่ทุกคนมองเห็นได้ชัดว่าพลาดมาคือจุดตายของรัฐบาลได้ง่ายๆ
เช่นเรื่องการคอรัปชั่น และความล้มเหลวในการบริหาร
ในส่วนของเรื่องคอรัปชั่นนั้น หากเกิดขึ้นจริงก็คงยังพอมีทางรับมือแก้ไขด้วยการตัดไฟแต่ต้นลมได้ไม่ยากนัก
ประกอบกับมีคนคอยจ้องตรวจสอบตาไม่กระพริบตลอดเวลาอยู่แล้ว คงไม่มีโอกาสที่จะปล่อยให้ลามจนรัฐบาลล้มไปได้ง่ายๆนัก
ที่น่าห่วงที่สุดก็คือเรื่องการบริหารจัดการนี่แหละครับ
ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมีสูงขึ้นกว่าเดิม เพราะเห็นว่าได้เงินแล้ว ได้โอกาสแล้ว เวลาก็นานพอแล้ว
หากยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่ทำให้ประชาชนมั่นใจในความสามารถในการบริหารจัดการ
ถึงแม้จะมี"พรรคฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เอาไหน" แต่มันก็สั่นคลอนรัฐบาลได้ไม่ยากเลย
หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็แน่นอนที่มีคนพร้อมจะขยายให้มันใหญ่จนล้มรัฐบาลได้แน่นอน
ผมห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือ ภัยน้ำท่วมที่กำลังจะมานี่แหละ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องสุดวิสัย แต่มันจะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองอย่างแน่นอน
ยิ่งเมื่อประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่นี้ได้รับความเดือดร้อน เค้าก็คงทำใจลำบากที่จะสนับสนุนรัฐบาลต่อไป หากเค้าเห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ไม่ดีเท่าที่เค้าคาดหวังกัน
หนทางแก้ตัวก็น้อยกว่าครั้งก่อน จะอ้างว่าเพิ่งรับหน้าที่ไม่ทันตั้งตัวก็ไม่ได้ หรือจะอ้างว่าสุดวิสัยก็ไม่ได้
และต่อให่นายกฯทุ่มเทแก้ไขแบบครั้งก่อนก็คงยากที่จะเรียกคะแนนสงสารได้อย่างคราก่อน
อย่าลืมว่าที่รัฐบาลนี้อยู่ได้ก็ด้วยประชาชนเป็นฐาณรากที่มั่นคง
หากฐาณรากเกิดความเดือดร้อน แล้วรัฐบาลไม่สามารถบรรเทาให้เค้าได้ รัฐบาลก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ
ฝ่ายตรงข้ามเค้าก็รู้ดังที่เห็นจากความพยายามจุดประเด็นความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ ที่ไม่ต่างกับเป็นการ"ซ้อมรบ"ดูความพร้อมของทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพนั้นถึงแม้จะมีจริงแต่ความรุนแรงยังไม่ถึงขั้น อย่างที่อีกฝ่ายพยายามจะให้เป็นกันจริงๆ
มันจึงยังไม่มีผลอะไรกับความเชื่อมั่นนัก
แต่เรื่องน้ำท่วมรุนแรงนี่คงไม่ต้องให้โหรคนไหนมาทำนายหรอกครับ มันท่วมแน่ๆ มาแน่ๆ โอกาสที่จะรุนแรงเหมือนครั้งก่อนก็มีแน่ๆ
และ เมื่อมีกลุ่มคนที่พร้อมจะ ทำให้ปัญหาความเดือดร้อนที่ใหญ่อยู่แล้วดูใหญ่กว่าเดิม
ยิ่งหากมีโอกาสที่จะทำให้มันรุนแรงขึ้นดูจากท่าทีของพวกเค้าแล้ว ผมเชื่อว่าพวกเค้าก็คงไม่พลาดกันหรอก
ในใจอาจจะนั่งแช่งให้มันเกิดความเดือดร้อนรุนแรงอยู่แล้วด้วยซ้ำ หากว่ามันจะหมายถึงโอกาสที่จะล้มรัฐบาลได้
ทั้งประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลก็คาดหวังอะไรจากรัฐบาลมากกว่าเดิม
มันไม่ยากเลยที่จะทำให้พวกเค้า รู้สึก"หวั่นไหว"และเห็นคล้อยตามไปได้ง่ายๆว่า รัฐบาลนี้ไม่ดีพอสำหรับพวกเค้าอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่าสนั้น รัฐบาลนี้มีจุดอ่อนเรื่องการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ในเชิงรุกอย่างที่เห็นกัน
ผมว่ามันน่าเป็นห่วงไม่น้อยเลย
คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่างๆในรัฐบาลก็ทำงานกันอย่างคนไม่เป็นงาน(แต่เสนอหน้ามาทำ) กับแค่ปัญหาธรรมดาๆตามหน้าที่รับผิดชอบยังไม่ค่อยได้เห็นการทำงานกันอย่างจริงจัง ปล่อยให้นายกหญิงแบกรับออกหน้าไปซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดจะต้องเข็นให้ทำงาน นี่ไม่ไหวแล้ว
ถึงเวลาคับขันก็คงลอยตัวกันปล่อยให้นายกฯรับไปคนเดียวเหมือนเดิม
ปัญหาเหล่านี้แหละครับที่บั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่ารัฐประหารเสียอีก
เพราะรัฐประหารน่ะ ล้มแล้วก็มีโอกาสกลับมาแกร่งกว่าเดิม
แต่หากล้มไปเพราะความบกพร่องของตัวเองนี่จะกลับมาเกิดยังยาก ตัวอย่างก็มีให้เห็นไม่ใช่เหรอ
แต่ยังไงก็ขอเอาใจช่วยรัฐบาลให้อยู่รอดนะครับ รีบแก้ไขจุดอ่อนซะก่อนที่จะสายเกินไป
และอยากให้ประชาชนคนไทยไม่ว่าจะฝ่ายไหนหันมาเอาใจช่วยให้รัฐบาลนี้อยู่รอดไปจบครบวาระแล้วค่อยว่ากันใหม่เถอะนะครับ
เพราะหากเกิดเหตุไปไม่รอด ในขณะที่ทางเลือกยังไม่เอาไหนอยู่อย่างนี้
คนที่รับเคราะห์ก็คือเราคนไทยทุกคนนี่แหละ
ความมั่นคงของรัฐบาลที่น่าเป็นห่วง
และไม่คิดว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือบรรดา"มือที่มองไม่เห็น"ต่างๆจะ มีความสามารถล้มรัฐบาลไปได้
แม้ว่าำวกเค้าจะถึงกับ หน้ามืดตามัวใช้"วิธีพิเศษ"ล้มจนได้ มีทหารหน้ามืดทำรัฐประหาร
ผมก็เชื่อว่าล้มไม่ได้จริงๆหรอก
นอกจากจะยิ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลนั้นกลายเป็นฝ่ายชอบธรรมมากขึ้น แม้ว่ากำจัดรัฐบาลนี้ไป ก็จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
แต่ที่ผมห่วงนั้น คือห่วงความอ่อนแอจากภายในของรัฐบาลเอง ความอ่อนแอที่ทุกคนมองเห็นได้ชัดว่าพลาดมาคือจุดตายของรัฐบาลได้ง่ายๆ
เช่นเรื่องการคอรัปชั่น และความล้มเหลวในการบริหาร
ในส่วนของเรื่องคอรัปชั่นนั้น หากเกิดขึ้นจริงก็คงยังพอมีทางรับมือแก้ไขด้วยการตัดไฟแต่ต้นลมได้ไม่ยากนัก
ประกอบกับมีคนคอยจ้องตรวจสอบตาไม่กระพริบตลอดเวลาอยู่แล้ว คงไม่มีโอกาสที่จะปล่อยให้ลามจนรัฐบาลล้มไปได้ง่ายๆนัก
ที่น่าห่วงที่สุดก็คือเรื่องการบริหารจัดการนี่แหละครับ
ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลมีสูงขึ้นกว่าเดิม เพราะเห็นว่าได้เงินแล้ว ได้โอกาสแล้ว เวลาก็นานพอแล้ว
หากยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่ทำให้ประชาชนมั่นใจในความสามารถในการบริหารจัดการ
ถึงแม้จะมี"พรรคฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เอาไหน" แต่มันก็สั่นคลอนรัฐบาลได้ไม่ยากเลย
หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นก็แน่นอนที่มีคนพร้อมจะขยายให้มันใหญ่จนล้มรัฐบาลได้แน่นอน
ผมห่วงที่สุดตอนนี้ก็คือ ภัยน้ำท่วมที่กำลังจะมานี่แหละ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องสุดวิสัย แต่มันจะต้องกลายเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองอย่างแน่นอน
ยิ่งเมื่อประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่นี้ได้รับความเดือดร้อน เค้าก็คงทำใจลำบากที่จะสนับสนุนรัฐบาลต่อไป หากเค้าเห็นว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ไม่ดีเท่าที่เค้าคาดหวังกัน
หนทางแก้ตัวก็น้อยกว่าครั้งก่อน จะอ้างว่าเพิ่งรับหน้าที่ไม่ทันตั้งตัวก็ไม่ได้ หรือจะอ้างว่าสุดวิสัยก็ไม่ได้
และต่อให่นายกฯทุ่มเทแก้ไขแบบครั้งก่อนก็คงยากที่จะเรียกคะแนนสงสารได้อย่างคราก่อน
อย่าลืมว่าที่รัฐบาลนี้อยู่ได้ก็ด้วยประชาชนเป็นฐาณรากที่มั่นคง
หากฐาณรากเกิดความเดือดร้อน แล้วรัฐบาลไม่สามารถบรรเทาให้เค้าได้ รัฐบาลก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ
ฝ่ายตรงข้ามเค้าก็รู้ดังที่เห็นจากความพยายามจุดประเด็นความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพ ที่ไม่ต่างกับเป็นการ"ซ้อมรบ"ดูความพร้อมของทั้งสองฝ่าย เพียงแต่ความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพนั้นถึงแม้จะมีจริงแต่ความรุนแรงยังไม่ถึงขั้น อย่างที่อีกฝ่ายพยายามจะให้เป็นกันจริงๆ
มันจึงยังไม่มีผลอะไรกับความเชื่อมั่นนัก
แต่เรื่องน้ำท่วมรุนแรงนี่คงไม่ต้องให้โหรคนไหนมาทำนายหรอกครับ มันท่วมแน่ๆ มาแน่ๆ โอกาสที่จะรุนแรงเหมือนครั้งก่อนก็มีแน่ๆ
และ เมื่อมีกลุ่มคนที่พร้อมจะ ทำให้ปัญหาความเดือดร้อนที่ใหญ่อยู่แล้วดูใหญ่กว่าเดิม
ยิ่งหากมีโอกาสที่จะทำให้มันรุนแรงขึ้นดูจากท่าทีของพวกเค้าแล้ว ผมเชื่อว่าพวกเค้าก็คงไม่พลาดกันหรอก
ในใจอาจจะนั่งแช่งให้มันเกิดความเดือดร้อนรุนแรงอยู่แล้วด้วยซ้ำ หากว่ามันจะหมายถึงโอกาสที่จะล้มรัฐบาลได้
ทั้งประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลก็คาดหวังอะไรจากรัฐบาลมากกว่าเดิม
มันไม่ยากเลยที่จะทำให้พวกเค้า รู้สึก"หวั่นไหว"และเห็นคล้อยตามไปได้ง่ายๆว่า รัฐบาลนี้ไม่ดีพอสำหรับพวกเค้าอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่าสนั้น รัฐบาลนี้มีจุดอ่อนเรื่องการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ในเชิงรุกอย่างที่เห็นกัน
ผมว่ามันน่าเป็นห่วงไม่น้อยเลย
คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่างๆในรัฐบาลก็ทำงานกันอย่างคนไม่เป็นงาน(แต่เสนอหน้ามาทำ) กับแค่ปัญหาธรรมดาๆตามหน้าที่รับผิดชอบยังไม่ค่อยได้เห็นการทำงานกันอย่างจริงจัง ปล่อยให้นายกหญิงแบกรับออกหน้าไปซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดจะต้องเข็นให้ทำงาน นี่ไม่ไหวแล้ว
ถึงเวลาคับขันก็คงลอยตัวกันปล่อยให้นายกฯรับไปคนเดียวเหมือนเดิม
ปัญหาเหล่านี้แหละครับที่บั่นทอนความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่ารัฐประหารเสียอีก
เพราะรัฐประหารน่ะ ล้มแล้วก็มีโอกาสกลับมาแกร่งกว่าเดิม
แต่หากล้มไปเพราะความบกพร่องของตัวเองนี่จะกลับมาเกิดยังยาก ตัวอย่างก็มีให้เห็นไม่ใช่เหรอ
แต่ยังไงก็ขอเอาใจช่วยรัฐบาลให้อยู่รอดนะครับ รีบแก้ไขจุดอ่อนซะก่อนที่จะสายเกินไป
และอยากให้ประชาชนคนไทยไม่ว่าจะฝ่ายไหนหันมาเอาใจช่วยให้รัฐบาลนี้อยู่รอดไปจบครบวาระแล้วค่อยว่ากันใหม่เถอะนะครับ
เพราะหากเกิดเหตุไปไม่รอด ในขณะที่ทางเลือกยังไม่เอาไหนอยู่อย่างนี้
คนที่รับเคราะห์ก็คือเราคนไทยทุกคนนี่แหละ