เมื่อจอมผู้กำกับระเบิดภูเขา เผากระท่อม บอมโลกา อย่างคุณพี่ไมเคิล เบย์ จะอยากทำหนังที่ไม่มีการระเบิดภูเขา เผากระท่อม บอมโลกากับเขาบ้าง จึงกลายมาเป็น Pain and Gain หนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของการลักพาตัวและฆาตกรรมโดยเทรนเนอร์ฟิตเนต ขอรีวิวเป็นข้อๆด้วยความรวดเร็ว
1. ถึงแม้จะเป็นหนังที่ไร้หุ่นยนตร์ ไร้ระเบิด ไร้ฉากขับรถไล่ล่าแบบล้างผลาญ แต่ทุกอย่างยังคงความเป็น เบย์ ได้อย่างครบถ้วน ทั้งภาพ การตัดต่อ (เอกลักษณ์ของเฮียเค้าคือ ฉุบฉับ พั่บ พรึ่บ สามวิเปลี่ยนฉาก) ฉาก แสง สี เสียง ทุกอย่างล้วนเป็นหนังเบย์ทั้งสิ้น โดยเรื่องนี้ออกแนวอาชญากรรมให้อารมณ์ Bad Boy 2 ซึ่งไม่มีฉากยิง ฉากระเบิดและขับรถไล่ล่ากัน แต่หนังก็ยังให้อารมณ์อลังการงานสร้าง ซึ่งคนที่แฟนหนังของเบย์อยู่แล้วน่าจะถูกใจ
2. หากเพื่อนๆชอบสไตล์การเล่าเรื่อง และอารมณ์ความรุนแรงในแบบของเบย์ ในซึ่งขอยก Bad Boy 2 ขึ้นมาเทียบอีกครั้ง เพราะความรุนแรงเทียบเท่ากันได้เลยครับ โดยเฉพาะอารมณ์ตลกร้ายของเบย์ที่จะค่อยๆไล่ความแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากความตั้งใจให้เป็นหนังตลกร้ายจะกลายเป็นหนังที่เน้นความรุนแรงจนเหมือนจะไร้ความจำเป็น ผู้ที่ไม่ชิน หรือรับไม่ได้ หรือไม่ชอบ อาจจะรู้สึกสะอิดสะเอียนได้
3. หนังเรื่องนี้ทั้งจิก ทั้งกัด ทั้งกระซวก ประชดประชัน ความเป็นอเมริกัน และ "อเมริกันดรีม" ได้แสบสันต์ดียิ่งนัก เปรียบเปรยความทะเยอทะยานของอเมริกาได้กับนักเพาะกายที่กระ
กระสนเพิ่มกล้ามให้ใหญ่ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจวิธีการ บวกกับอีโก้ และความหลงตัวเองอันเหลือล้น จนประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่พร้อมที่จะปริแตกเหมือนกล้ามเนื้อที่อัดฉีดสเรียรอยด์เป็นถังๆ แทนที่เลือดในร่างกาย
4. เราจะได้เห็นเดอะร็อคทำตัวบื้อๆกันบ้าง
ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าผมค่อนข้างเป็นแฟนคลับเบย์อยู่พอสมควร (อาจจะเซ็งๆไปมากกับหนังหุ่นยนตร์ของเฮียแก) และก็ค่อนข้างชอบ Bad Boy 2 (ซึ่งก็ขัดกับนักวิจารณ์มากมาย) สำหรับ Pain and Gain เป็นหนังที่บ้าคลั่ง มีความพยายาม มีความรุนแรง และผมสนุกไปกับมันครับ
>>> B <<<
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=721886917828355&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&theater
[CR] รีวิว Pain and Gain หนังล่ำๆ แรงๆ โหดๆ ของเฮีย ไมเคิล เบย์
เมื่อจอมผู้กำกับระเบิดภูเขา เผากระท่อม บอมโลกา อย่างคุณพี่ไมเคิล เบย์ จะอยากทำหนังที่ไม่มีการระเบิดภูเขา เผากระท่อม บอมโลกากับเขาบ้าง จึงกลายมาเป็น Pain and Gain หนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของการลักพาตัวและฆาตกรรมโดยเทรนเนอร์ฟิตเนต ขอรีวิวเป็นข้อๆด้วยความรวดเร็ว
1. ถึงแม้จะเป็นหนังที่ไร้หุ่นยนตร์ ไร้ระเบิด ไร้ฉากขับรถไล่ล่าแบบล้างผลาญ แต่ทุกอย่างยังคงความเป็น เบย์ ได้อย่างครบถ้วน ทั้งภาพ การตัดต่อ (เอกลักษณ์ของเฮียเค้าคือ ฉุบฉับ พั่บ พรึ่บ สามวิเปลี่ยนฉาก) ฉาก แสง สี เสียง ทุกอย่างล้วนเป็นหนังเบย์ทั้งสิ้น โดยเรื่องนี้ออกแนวอาชญากรรมให้อารมณ์ Bad Boy 2 ซึ่งไม่มีฉากยิง ฉากระเบิดและขับรถไล่ล่ากัน แต่หนังก็ยังให้อารมณ์อลังการงานสร้าง ซึ่งคนที่แฟนหนังของเบย์อยู่แล้วน่าจะถูกใจ
2. หากเพื่อนๆชอบสไตล์การเล่าเรื่อง และอารมณ์ความรุนแรงในแบบของเบย์ ในซึ่งขอยก Bad Boy 2 ขึ้นมาเทียบอีกครั้ง เพราะความรุนแรงเทียบเท่ากันได้เลยครับ โดยเฉพาะอารมณ์ตลกร้ายของเบย์ที่จะค่อยๆไล่ความแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากความตั้งใจให้เป็นหนังตลกร้ายจะกลายเป็นหนังที่เน้นความรุนแรงจนเหมือนจะไร้ความจำเป็น ผู้ที่ไม่ชิน หรือรับไม่ได้ หรือไม่ชอบ อาจจะรู้สึกสะอิดสะเอียนได้
3. หนังเรื่องนี้ทั้งจิก ทั้งกัด ทั้งกระซวก ประชดประชัน ความเป็นอเมริกัน และ "อเมริกันดรีม" ได้แสบสันต์ดียิ่งนัก เปรียบเปรยความทะเยอทะยานของอเมริกาได้กับนักเพาะกายที่กระกระสนเพิ่มกล้ามให้ใหญ่ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจวิธีการ บวกกับอีโก้ และความหลงตัวเองอันเหลือล้น จนประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่พร้อมที่จะปริแตกเหมือนกล้ามเนื้อที่อัดฉีดสเรียรอยด์เป็นถังๆ แทนที่เลือดในร่างกาย
4. เราจะได้เห็นเดอะร็อคทำตัวบื้อๆกันบ้าง
ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าผมค่อนข้างเป็นแฟนคลับเบย์อยู่พอสมควร (อาจจะเซ็งๆไปมากกับหนังหุ่นยนตร์ของเฮียแก) และก็ค่อนข้างชอบ Bad Boy 2 (ซึ่งก็ขัดกับนักวิจารณ์มากมาย) สำหรับ Pain and Gain เป็นหนังที่บ้าคลั่ง มีความพยายาม มีความรุนแรง และผมสนุกไปกับมันครับ
>>> B <<<
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=721886917828355&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&theater