ทำไมพักหลังๆนี้ มีคนเอาการบ้านเอางานตัวเองมาให้ทำเยอะจัง ? โดยที่บางคนแทบไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อนบ้างเลย

กระทู้นี้ตั้งขึ้นมา เพราะ อยากจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในเรื่องการเอางานหรือการบ้านมาให้คนในห้องนี้ช่วยทำ โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ (ขอพูดเฉพาะแค่ งาน หรือการบ้านวิชาภาษาอังกฤษนะครับ)

ออกตัวก่อนนะครับ ผมก็ไม่ได้เก่งภาษา หรือเก่งอะไรมาจากไหน  ผมก็ยังเรียนอยู่ ยังไม่ได้เรียนจบหรอกครับ ผมก็เป็นเด็กยุค Gen Y เหมือนกัน และทุกวันนี้ก็เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย  แต่พูดถึงเรื่องประสบการณ์ในเรื่องต่างๆนานา ผมก็ยังต้องขวนขวายหาอยู่อีกเยอะ

แต่อย่างน้อยผมก็มีความหวังดี และรู้สึกเป็นห่วง ที่อยากจะมาแสดง มาแชร์ มาบอก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในห้องนี้ กับอีกหลายๆคน ที่ชอบเอาการบ้าน เอางานตัวเองมาให้คนในห้องนี้ช่วยดูให้

คือ ผมเข้าใจนะครับว่าหลายคนอาจต้องการความช่วยเหลือจากเว็บบอร์ดนี้ ในเรื่องของการทำงานหรือการบ้าน ซึ่งผมคิดว่ามันก็ปกติดี ไม่ได้ผิดแปลกอะไร  ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไป กับการที่เราจะช่วยเหลือกันในส่วนนี้

แต่ทุกวันนี้ที่ผมเห็น และมีความรู้สึกเป็นห่วงกับสังคมไทยในอนาคต และเป็นห่วงเด็กไทยในเจเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ การที่ผมเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคน ชอบเอางานเอาการบ้านเป็นบทความ เป็นเอสเส เป็นพารากราฟ มาให้คนในห้องนี้ทำ... มันไม่ได้เหมือนการมาสอบถาม หรือการมาขอให้ช่วยตรวจ ช่วยดู ช่วยเช็คให้ แต่มันเป็นการเอางานของตัวเองมาขอให้คนอื่นทำแทน !

บางอันที่ผมอ่านเจอ มันก็ยากจริงๆ บทความค่อนข้าง academic พอสมควร  แต่ผมก็เห็นบางคนเอามาให้ช่วยดูบ้างเป็นบางพารากราฟ (ผมคิดว่าคงตันมากจริงๆ เลยเอามาให้ช่วยดู) ซึ่งอันนี้สำหรับส่วนตัวผมก็ถือว่าโอเค ไม่เป็นอะไรครับ

บางอันที่ผมเจอ คนที่เอามาให้ช่วยดู เค้าก็เขียน ก็ทำมาด้วยตัวเองก่อน แล้วค่อยมาขอให้คนอื่นช่วยดูให้  ซึ่ง ณ จุดนี้ ผมขอชื่นชมจริงๆ และรู้สึกขอบคุณแทนหลายๆท่าน ที่ช่วยเหลือ เพื่อน/พี่/น้อง คนนั้นในห้องนี้  ในการทำงานทำการบ้านภาษาอังกฤษให้เค้าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

แต่กับบางกระทู้ เนื้อหาไม่ได้ยากเลย หรือบางทีอาจจะยากไปบ้าง ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นน้องๆระดับมัธยม หรือไม่ก็ระดับนักศึกษาที่ลงเรียนตัววิชาภาษาอังกฤษนั่นเอง.... แต่เล่นส่งงานส่งการบ้านตัวเองมาดื้อๆ มาถึงก้ให้ช่วยแปลหน่อย จากไทยเป็นอังกฤษ จากอังกฤษเป็นไทย บางทีก็มีแต่งประโยคบ้าง (แต่งประโยค ที่เค้ามีประโยค มีบริบท มีคำมาให้อยู่แล้ว)..... นี่แหละครับ รู้สึกเป็นห่วง จริงๆนะ

เข้าใจนะครับ ว่าแต่ละคนเก่งไม่เหมือนกัน ถนัดต่างกัน ทักษะทางภาษาก็ต่างกัน มีทั้งคนที่ชอบภาษา และคนที่ไม่ชอบแต่ต้องเรียนก็มี

แต่ไม่มีใครที่ไม่เจอปัญหาหรอกครับ จะชอบ ไม่ชอบ จะเก่งมาก เก่งน้อย... ยังไงๆ ทุกคนก็เจอปัญหาอยู่ดี เพียงแต่ปัญหาที่เจอมันก็จะต่างกัน และวิธีแก้ไขปัญหาของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน


ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ธุระส่วนตัวอะไรของผมที่ต้องเข้ามาบอก เข้ามาพูดในเรื่องนี้ และผมก็ไม่ได้ทีส่วนได้ส่วนเสีย หรือเดือดร้อนอะไรด้วยด้วยครับ แต่อย่างน้อยก้แค่รู้สึกเป็นห่วง และหวังดี (ผมเชื่อว่าหลายคนที่เอางานเอาการบ้านมาให้คนในห้องนี้ช่วยทำช่วยแปลให้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆหลายคนก็อายุไม่ห่างกับผมมากนักหรอกครับ เพราะ ผมก็ยังเรียนอยู่เหมือนกัน)

ส่วนตัวผมนั้น ผมอยู่และคลุกคลีกับเพื่อนฝรั่งเยอะครับ... ผมเคยรับทำงานพวกแนวๆประชุม สัมนา นิทรรศการ ที่ต้องคลุกคลีกับต่างชาติ ก็ทำมาแล้วครับ.... ทุกวันนี้ก็ยังคลุกคลีกับงานที่อยู่ในองค์กรฝรั่งครับ  ไม่ใช่แต่เฉพาะชาวฝรั่งนะครับที่ผมรู้จัก และคลุกคลีเยอะ  แต่เพื่อนบ้านเอเชีย หรืออาเซียนเรา ก็เคยได้มีโอกาสทำงาน หรือรู้จักกันมาด้วยแล้วครับ


ผมจะไม่พูดไกลตัวถึงชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่งละกันนะครับ  เอาใกล้ๆในเอเชียพอแล้วกัน
ส่วนตัวผม ผมอยากบอกว่า 'ประชาคมอาเซียน' นี่ไม่ธรรมดานะครับ  ผมได้มีโอกาสเคยเห็นเคยรู้จักเพื่อนบ้างอาเซียนของเรามาแล้ว และผมรู้ว่าเค้ารู้อะไรเกี่ยวกับบ้านเรา และเรื่องราวนอกบ้านเค้าเยอะมากครับ... ที่สำคัญภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาหลักทั่วโลก เพื่อนบ้านอาเซียนเค้าแข็งกว่าเรานะครับ


ผมเลยอยากฝากไว้หน่อยครับ ถ้าอยากให้คนเค้ามาช่วยดูงาน ตรวจงาน แก้งานให้... ก็อยากจะบอกว่าให้ลองทำเองก่อน ให้ลองช่วยตัวเองก่อนครับ.... หากเราอยากให้คนอื่นเค้าช่วยเรา บางเรื่องบางอย่างเราก็ควรที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน เพราะถ้าวันนี้เราคิดที่จะไม่ช่วยเหลือตัวเองก่อน ต่อไปในวันข้างหน้าเราจะลำบากมากกว่านี้เยอะ


ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องเก่งภาษาเท่ากันหมด  หรือทุกคนต้องมีทักษะทางภาษาเท่าๆกับคนที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก หรือคนที่ไปเรียนจบนอก หรือคนที่เป็นอาจารย์ หรือคนที่ทำงานคลุกคลีในแวดวงสายงาน บริษัท และองค์ที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติ

สำหรับหลายๆคน คนทั่วไปอย่างเราๆ ผมคิดว่าพูดจา ฟังออก เขียนได้ ในระดับหนึ่งที่สามารถสื่อสารได้ก็น่าจะโอเคแล้วครับ แล้วค่อยไปต่อยอดทีหลังเอาได้  เพราะฉะนั้น ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วัยเรียนตอนนี้ มันก็ยังทันพอที่จะช่วยเราได้ในอนาคตให้มีความรู้ มีทักษะทางภาษาที่เพิ่มขึ้นมาได้ถึงในจุดหนึ่งนะครับ

ผมเคยมองระบบการศึกษาบ้านเรา ที่อาจจะมีส่วนทำให้เด็กไทยขาดทักษะทางภาษาอังกฤษและเทีบเท่ากับเพื่อนบ้านหรือต่างชาติไม่ได้

แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า ระบบการศึกษา จะถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการที่จะส่งการบ้านให้คนอื่นทำ หรือแม้แต่เรื่องของความเป็นเมืองขึ้น ที่มีคนเคยอ้างอย่างจริงจังว่า เพราะ บ้านเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใครทำให้ไม่เก่งภาษา (อันนี้ก็ตลกมากเลยครับ).... ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วครับ  นี่ศตวรรษที่ 21 ยุคโลกาภิวัฒน์แล้ว

หนังสือ เพลง ภาพยนตร์ สื่อต่างๆ หรือแม้กระทั่งชาวต่างชาติ... สิ่งเหล่านี้อยู่แค่เอื้อมครับ จับต้องได้ และมีมากมายก่ายกองนับไม่ถ้วนให้เราได้เข้าไปเรียนรู้ ได้เข้าไปศึกษา และสัมผัสด้วยตัวเอง

ถ้าคุณสามารถใช้อินเตอร์เน็ต ในการมาตั้งกระทู้ โพสต์กระทู้ เอาการบ้าน เอางานมาให้คนอื่นช่วยทำได้  คุณก็น่าจะใช้ประโยชน์จากอินเตอร์ ในการที่จะให้คุณช่วยเหลือตัวเองในการทำงานได้เช่นกันครับ !

ฝากไว้เท่านี้นะครับ  ขอให้ทุกคนโชคดี !  ยิ้ม

ปล. เชิญแสดงความคิดเห็นกันตามสบายเลยครับ แต่ขอแบบสุภาพ และมีเหตุผลกันนะครับ  ขอบคุณครับ ยิ้ม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่