รัชดา - อุบัติเหตุบนท้องถนน - ตรงตัวครับ
รัชดา - มอเตอร์ไซค์ -ผมใช้มอเตอร์ไซค์ครับ
สวนลุมพินี - โรงพยาบาล - ลองอ่านข้อความที่ซ่อนอยู่ครับ
ศาลาประชาคม - อ่านดูเกี่ยวกับคู่กรณีผม น่าจะเข้าใจครับ
รัชดา - รถยนต์ - ถ้าเปลี่ยนจากรถไอติมเป็นรถยนต์ย้อนศร(เดี๋ยวนี้มีเยอะครับ) ผมคงไม่รอด
เลยอยากให้อ่านกันครับ
สวัสดีครับน้าๆทุกคน อาจจะไม่ได้เห็นผมบ่อยนัก และอาจจะไม่ได้รู้จักว่า ผมเป็นใครอะไรยังไง
ผมชื่อนัทครับ เป็นนักเรียนปวช.อยู่ที่วิทยาลัยหนึ่งแถวๆคลองตัน ใช้ Ninja 250 เป็นพาหนะหลัก ขับมาได้ปีกว่าครับ เคยล้มสอง ไม่เคยชนเลย
แต่มีประสบการณ์ที่เลวร้าย อยากเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ครับ
จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้าย ก่อนขี่เกิน 150KM/H นี่มันเมื่อไหร่
หลังๆมานี่ไม่เคยเกินร้อย ความ"กลัว" ที่เมื่อก่อนไม่มี มาตอนนี้มันระแวงไปทุกอย่าง ปกติที่โล่งๆ ยาวๆ นี่อัดตลอด แต่พอมาตอนนี้ ความรู้สึกที่เรียกว่า "ระแวง กับ กลัว" มันมาจากไหนไม่รู้ ทำแม่รถจะโล่งแค่ไหน ขอช้าไว่ก่อน มองหน้ามองหลัง มองแทบจะ360องศา
ใครจะว่าป๊อดว่าอ่อน เรื่องของคุณครับ สิ่งที่ผมรักคือตัวผม ไม่ใช่คุณ ฉะนั้นอยากทำอะไรทำไป บอกเลยว่าผมเลิกแล้วครับนิสัยแบบนั้น ขอขับชิลๆดีกว่า ผมรักชีวิตของผม หากอุบัติเหตุครั้งนั้น ผมไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ ผมคงไม่มีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ (เสื้อการ์ด ถุงมือ หมวกกันน๊อค )
ครั้งนึงผมเคยเป็นพวกบ้าพลัง โล่งอัด โล่งอัด ตลอดครับ
วิ่งเส้นเดิมเพื่อไปเรียนตลอด เช้าเย็น แทบไม่มีออกนอกทาง
ก็เหมือนเดิมครับ เวลาเช้าๆ เจ็ดโมง ผมวิ่งเส้นอ่อนนุช จะไปพัฒนาการเพื่อไปรับแฟนตามปกติ
ผมวิ่งชิดซ้ายมา เพราะพึ่งเลี้ยวซ้ายยูเทิร์นมาจากตลาดเอี่ยมสมบัติ ถนนโล่งมาก
ก็ตามเดิมครับ ถนนโล่ง ขอบิดหน่อยแล้วกัน พอพุ่งขึ้นไปก็ตามปกติครับ รถโล่ง ความมันส์ลงมือ ตอนนั้นเข็มกำลังขึ้นเรื่อยๆ น่าจะประมาณร้อยหน่อยๆ
ข้างหน้ามีรถตู้จอดอยู่ข้างทางคันนึง ผมก็หักออกกลาง(ถนนสามเลน) เหมือนเคย
ปรากฎว่าที่ไม่ปกติ มีลุงขายไอติมปั่นรถไอติมย้อนศรออกมาจากหลังรถครับ จังหวะนั้นผมทำอะไรไม่ได้ ไม่มีโอกาศให้เบรค(แต่มาดูที่หลังว่ารถมีรอยเบรคเหมือนกัน คงตกใจเบรคเอง) ผมได้ยินเสียง ตู๊ม ! ตัวผมลอยขึ้นฟ้า แล้วหลังจากนั้นผมก็วูบไป
..... หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงหวอ ได้ยินเสียงคน รู้สึกตัวว่าตัวเองนอนอยู่ที่พื้น พร้อมเสียงคนจำนวนมาก ผมลุกขึ้นมานั่ง สายตามองไปรอบๆ ได้ยินเสียงคนพูดว่า
"เฮ้ยๆ ไม่เป็นไรมั้ง ลุกได้แล้ว" ผมหันไปหาต้นเสียง เห็นลุงขายไอติมนอนพิงอยู่กับรถ ที่หัวมีเลือดออก ผมพยายามจะลุก แต่ก็ไม่สำเร็จ .... ผมวูบไปอีกครั้งนึง...
ผมรู้สึกตัวอีกที เมื่อมีหน่วยกู้ภัยที่กากมาก ดึงผมขึ้นรถพยาบาล(พร้อมที่ดามคอ และขา) ผมชนเส้นอ่อนนุช ขอด่าว่าเลว เพราะมันไปส่งโรงพยาบาลนึงที่ไกลมาก หากผมเป็นผู้ป่วยอาการโคม่า และใกล้เสียชีวิต ผมคงเสียชีวิตแล้วครับ เพราะใกลมาก จากที่เกิดเหตุมีหลายโรงพยาบาลใกล้ๆ แต่กลับไม่ไปส่ง เพราะเพียง "ไม่ได้เงิน" หากมีคนบอกว่า เอาน่า เค้าไปส่งก็ดีแค่ไหนละ ผมอยากถามกลับไปว่า
ที่ทำนี่ เพราะอยากทำสาธารณะกุศล หรืออยากได้เงินครับ ถ้าไม่ได้ทำด้วยใจ เลิกเถอะ เข้าใจว่าต้องทำมาหากิน แต่ดูหน่อยครับ กรณีไหน ควรไม่ควร
เมื่อผมโดนขึ้นรถ ผมพยายามคิดว่า "ฝันไป" พยายามหลับ เพื่อตื่นขึ้นมาจะได้ไม่มาพบกับความจริงแบบนี้ แต่ไม่สำเร็จ
ไปถึงโรงพยาบาล ปวดหัว และปวดคอมาก รวมทั้งปวดเมื่อยจากการกระแทกตามตัวขยับตัวไม่ได้
ผมไปนอนรอบริเวณล๊อบบี้อยู่พักหนึ่ง จนมีคนพาไปห้องฉุกเฉิน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ แค่จะพูดยังไม่มีแรง แต่ก็มีบุรุษพยาบาล(น่าจะใช่) ท่านนึงคอยคุยกับผมเสมอว่า "ไม่เป็นไรมากๆ นิดหน่อยๆ โทรบอกญาติแล้ว เดี๋ยวก็หายๆ " ขอบคุณมากครับ
ทำการเอกซเรย์แทบทั้งตัว คอ แขน ขา ปรากฎว่าไม่มีอะไรแตกหัก หมอและพยาบาลงงมาก เพราะจากที่กู้ภัยแจ้งมา ต้องเป็นเยอะแน่ๆ
ผมนอนICU อยู่สองวัน ถูกดามคอ ดามขา เพราะนึกว่าหักไว้ก่อน ขยับตัวแทบไม่ได้ ปวดคอ ปวดหลัง มีญาติมาเยี่ยมตลอด
ลุงที่ผมชน เป็นลุงแก่ๆ อายุเจ็ดสิบ มีเลือดคั่งในสมอง มีแผลใหญ่ที่ข้อเท้า ลุงแกค่อนข้างจะดื้อ ขณะนอนอยู่ห้องICU (ห้องข้างๆผม) แกเอาแต่ดิ้น บอกจะกลับบ้าน ดึงสายน้ำเกลือออก แกะแผล ทำให้แผลไม่ได้หายซักที (หนึ่งความยุ่งยาก)
กลับกัน ลุงแกบอกเวียนหัว มึนหัว ทางโรงพยาบาลก็เอาแต่บอก ต้องผ่าสมอง เอ็กซเรย์สมองดู เพราะหัวกระแทก(แต่ก่อนหน้านั้นดูดเลือดที่คั่งออกไปหมดแล้ว)
จนมาถึงบ้างอ้อว่า "ลุงแกเป็นเบาหวาน + ความดัน ต้องกินยาตลอด" ทำให้ผมเกิดคำถามว่า "ทำไมโรงพยาบาลมันกากจังวะ -- เรื่องง่ายๆไม่ทำ ไม่เช็คก่อน ไปทำให้มันยาก หรืออยากได้ตัง
ที่ห่วยเลยคือ ลุงคนนั้นดันดื้อโครตๆครับ เอาแต่จะหนี แกะนู่นแกะนี่ จนทำให้ไม่หายซักที
บอกก่อนนะครับ ผมไม่มีประกัน แต่ยินดีจะทำตามกฎหมาย(ถูกว่าถูก ผิดว่าผิด ถ้าผิด ยินดีรับผิดชอบ)
จากนั้นผมก็ถูกย้ายไปห้องพิเศษ จะขอออกเลย ทางโรงพยาบาลบอก ไม่ได้ ต้องรอดูอาการ
พอย้ายไปห้องพิเศษปุ๊บ (ต้องจ่ายค่าห้อง) แล้ว ดันมาบอก ออกได้นะ วันี้แหละ ไม่เป็นไรแล้ว แต่ต้องรอหมอจนถึงเย็นนะ ถึงจะได้(หาเงินกันง่ายนี่หว่า) ผมถึงได้ออกมาครับ
หลังจากนั้นสามสี่วัน ผมไปเรียนตามปกติ รถส่งเข้าศูนย์
ผมมีอาการปวดหัวมึนๆ นั่งเรียนไม่ได้ จะอ้วก เพลียมาก เรียนไม่รู้เรื่อง
กะว่ามันน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากที่หัวกระแทก เดี๋ยวเอาไว้ไปตอนหมอนัด
มีอยู่วันนึง ผมลืมเอายาไปด้วยครับ เลยไม่ได้กินทั้งวัน
ปรากฎว่า อาการนั้นเป็นเพราะยาครับ เลยเลิกกินไป หายเป็นปลิดทิ้ง
หลังจากนั้ลุงแกก็ออกจากโรงพยาบาลครับ ผมกับพ่อบอก มีอะไรช่วยได้จะช่วยเต็มที่ อย่างพาไปหาหมอ นู่นนี่ ซื้อยา ซือข้าว จนลุงแกหายดี(ลุงแกขายไอติม แต่พอมีแผลจึงปั่นจักรยานขายไม่ได้ แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฝ่ายผม + พรบ.เป็นคนจ่ายทั้งหมดครับ ) จึงไปเคลียคดีที่โรงพัก ปรากฎว่า จากการดูหลักฐาน ผมเป็นฝ่ายถูก ลุงแกก็โวยวายว่า เอ้า แล้วทำงี้ได้ไง กรูจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย โดนชนแล้วยังต้องจ่ายอีกหรอ แต่พ่อผมก็ยอมครับ บอกว่าถ้าเอาผิดลุงแกไม่มีจ่ายแน่ เรามีก็ยอมๆไป ช่วยเหลือกันไป
ลุงแกถึงยอมลงครับไม่เถียงอะไรต่อ คดีจบ เรื่องจบ แต่ลุงแกไม่จบครับ
หลายๆครั้งผมขับรถ(อีกคัน) ผ่านเจอลุงแกขายไอติมตามปกติ (แต่ไม่ได้ทัก)
มีอยู่ครั้งนึง พ่อผมนอนอยู่ในบ้าน(ไม่สบาย) ผมนั่งอยู่หน้าบ้าน เจอลุงแกทำท่าเดินกะเผลกๆมา บอกผมว่า มาเอาตังพันนึง
ผมก็ถาม อ้าวลุง เอาตังไรอะ
ลุงบอก ก็พ่อเอ็งบอกกูไว้ว่าจะให้อาทิตละพันอะ
ผมเลยงง อ้าวลุง ลุงหายแล้ว ขายของได้แล้วหนิ เดินเหินได้แล้ว เอาตังไรอีก เรื่องก็จบแล้ว คดีเคลียแล้ว
ลุงบอกเฮ้ยจบไร กูยังไม่หายเลย ยังเป็นแผลอยู่เลย(ใช่ครับ เป็นแผลจริง แต่น้อยมาก --)
ผมบอก อ้าวก็ผมเห็นลุงขายของอยู่อะ มางี้จะเอาตังไรอีกอะลุง
ลุง(ทำท่าแบบ
รู้ได้ไงวะ) อ้าวแล้วพ่อเอ็งอยู่ไหน ไปเรียกมา ลุงจะเอาตัง
ผม พ่อผมไม่สบายลุง ไว้วันหลังค่อยคุยกันดีกว่า
ลุง(เดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย)
หลังจากนั้นก็เริ่มใช้อารมคุยกันครับ
ผม เฮ้ย ลุง ถอยเลยๆ เข้าบ้านผมได้ไง รองเท้าก็ไม่ถอด แล้วจะเข้าไปทำไรลุง
ลุง ก็จะไปเอาตังไงจากพ่อเอ็ง
ผม(เริมโมโห) ผมบอกว่าพ่อผมไม่สบาย ลุง (เอามือดันลุงแกไว้)
ลุง อ้าว เอ็งพูดงั้ได้ไงวะ นี่
ชนแล้วหนีนี่หว่า กูเจ็บตัวแล้วยังไม่ได้ตังอีก
ผม ไม่ได้ไรลุง ลุงผิดชัดๆ ผมก็ช่วยทุกอย่าง ค่าหมอ ค่ายา ค่าอยู่ ค่ากิน ลุงหายแล้วก็จบดิลุง
ลุง ไม่ได้ ไม่งั้นกูจะฟ้องตำรวจว่าไม่ให้ตังกู
ผม ไม่ให้ไรลุง ให้ไปเยอะแล้ว ลุงจะเอาอะไรอีก ลุงไม่กะทำมาหากินเลยหรอ
ลุง ก็กูยังไม่หาย
ผม ไม่หายไรลุง ผมก็เห็นอยู่ว่าลุงไม่เป็นไรแล้ว
บอกเลยจุดๆนี้ ถ้าเป็นรุ่นๆเดียวกันคงวางมวยแล้วครับ แต่เห้นลุงแกแก่แล้ว
ลุง จำไว้นะ กูเจ็บตัวแล้วยังไม่จ่ายตังกูอีก กูฟ้องตำรวจแน่ เรื่องนี้ไม่จบแน่
ผม (เรื่องจบแล้ว ทุกอย่างเคลียแล้ว) ลุงคิดว่าลุงทำได้เอาเลยลุง ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมไม่ผิด แถมยังช่วยลุงขนาดนี้ ลุงจะเอาอะไรอีก
ลุง ถ้าไม่ผิด แล้วทำไมไม่บอกตำรวจละ
ผม ก็ถ้าผมบอกไปลุงจะรับผิดชอบไหวปะละ
ลุง ไม่ไหว(เสียงอ่อย)
ผม ใช่มะลุง ผมก็อยากให้ทุกอย่างจบ ฉะนั้นลุงจะเอาอะไรอีก
ลุง (ตะโกนเสียงดัง) เออกูไม่เอาก็ได้ จำไว้ เรื่องนี้ไม่จบแน่
ผม เอาเลยลุง จะบอกใครก็ตามสบาย
หลังจากนั้นลุงแกก็เดินออกไป แล้วไม่โผล่มาอีกเลยครับ(คาดว่าไปแจ้งตำรวจแล้วโดนตำรวจพูดมาเหมือนที่ผมพูด เลยหายไป)
เรื่องถึงจบครับ ไม่เถียงหรอกครับว่า โห่ ผมเห็นแก่ตัว เงินแค่นี้ ทำไมไม่ช่วยลุง
เนี่ยแหละครับปัญหาของประเทศเรา"กูจน กูไม่ผิด" ทำให้เป็นนิสัยเสียแบบนี้ไงครับ
ช่วยหมดทุกอย่าง ดันไม่พอ ซะงั้น เห้อออ
เอาหละครับ กลับมาเรื่องรถดีกว่า
มีคนถาม เอ้า ก็สลบไม่ใช่อ่อ แล้วงี้จะมั่นใจได้ไงว่าหมวกช่วยได้
ก็ใช่ไงครับ หมวกที่ผมใส่อยู่มันแค่หมวกระดับล่างๆ กลางๆ สภาพแย่ละ ล้มมาสาม(ก่อนจะมาชนครั้งนี่ล้มสไลด์มาครั้งนึง ชนหมาครั้งนึง หัวกระแทกทั้งสองรอบ) ละ มันได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่ครับ
กับกัน ลองคิดดูนะ เกิดวันนั้น ผมไม่ได้ใส่หมวก ไม่ได้ใส่เสื้อการ์ด และถุงมือ ผมจะมีสภาพยังไง
หัว - ผมใส่ LS2 FF370 Easy ตัวเปิดคาง ราคาราวๆสี่พัน ไม่ต้องสืบ หัวฟาด + แถไปขนาดนั้น ผมคงไม่มีชีวิตรอด และสภาพหัวผมคงดูไม่จืดครับ
ลำตัว - เสื้อการ์ด Alpinestar การ์ดแข็ง มีโหนกหลัง ไม่กี่พันจาก 320 ต้องขอบคุณการ์ดหลัง การ์ดศอก และข้อมือ ที่ทำให้กระดูกแขนขาผมไม่แตกไม่หัก หลังไม่หัก ไม่ช้ำ (แม้แต่นิดเดียว) และขอบคุณผ้าคอนดูร่าหนาๆ ร้อนๆ ที่ทำให้แขนและลำตัวผมไม่มีแม้แต่แผลถลอก (กลับกัน เสื้อการ์ดส่วนนั้นมีรอยแถเยอะมาก ถ้าเปลี่ยนมันเป็นแขนเพียวๆ คงเข้ากระดูก) ก่อนหน้านี้ผมชนหมา ล้มสไลด์นิดเดี่ยวด้วยความเร็วไม่ถึงร้อย แต่ไม่ได้ใส่เสื้อการ์ด เลยแถเพียวๆเป็นหมูแดงทั้งตัว
มือ - ถุงมือ Scoyco หนังผสมผ้าคู่ละไม่ถึงพัน ถ้าไม่ได้ถุงมือ มือคงผมตึงเพราะแผลถลอก หยิบจับอะไรไม่ได้อีกเป็นเดือน เผลอๆกระดูกจะแตกอีก
ลำตัวส่วนขา - จุดนี้เพียวๆ ไม่มีอะไรเลย เพราะเป็นกางเกงนักศึกษา เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกางเกงการ์ดคงดีกว่านี้ แต่ยังโชคดีว่าไม่มีแผล แค่กางเกงขาดเท่านั้น
เท้า และข้อเท้า - หากผมใส่รองเท้าเซฟตี้หุ้มข้อคงจะดี เสียใจที่เป็นแค่รองเท้าหนังหัวเหล็กหุ้มข้อเท่านั้น ทำให้ขาผมพลิก และมีแผลนิดเดียวเท่านั้น
ปัจจุบัน เรื่องผ่านมาสองสามเดือนแล้ว
ผมกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ผมใจเย็นมากขึ้น ขี้ระแวง มากขึ้น
"กลัว มากขึ้น" ครับ
เรื่องนี้อาจะไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไร แต่สำหรับผม มันก็เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตครั้งนึงเลยครับ
ขอบคุณครับ (มีต่อกระทู้สองนะครับ ผมสปอล์ยไว้เพราะค่อนข้างหยาบ เพราะเป็นข้อความสรุปย่อที่ผมโพสลงเฟสหลังจากรถชนครับ แต่อ่านอันนั้นน่าจะเข้าใจมากขึ้น )
ประสบการณ์ "ชนหนัก" ครั้งแรกในชีวิต และจะขอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับเหตุการณ์แย่ๆที่ตามมา
รัชดา - มอเตอร์ไซค์ -ผมใช้มอเตอร์ไซค์ครับ
สวนลุมพินี - โรงพยาบาล - ลองอ่านข้อความที่ซ่อนอยู่ครับ
ศาลาประชาคม - อ่านดูเกี่ยวกับคู่กรณีผม น่าจะเข้าใจครับ
รัชดา - รถยนต์ - ถ้าเปลี่ยนจากรถไอติมเป็นรถยนต์ย้อนศร(เดี๋ยวนี้มีเยอะครับ) ผมคงไม่รอด
เลยอยากให้อ่านกันครับ
สวัสดีครับน้าๆทุกคน อาจจะไม่ได้เห็นผมบ่อยนัก และอาจจะไม่ได้รู้จักว่า ผมเป็นใครอะไรยังไง
ผมชื่อนัทครับ เป็นนักเรียนปวช.อยู่ที่วิทยาลัยหนึ่งแถวๆคลองตัน ใช้ Ninja 250 เป็นพาหนะหลัก ขับมาได้ปีกว่าครับ เคยล้มสอง ไม่เคยชนเลย
แต่มีประสบการณ์ที่เลวร้าย อยากเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ครับ
จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้าย ก่อนขี่เกิน 150KM/H นี่มันเมื่อไหร่
หลังๆมานี่ไม่เคยเกินร้อย ความ"กลัว" ที่เมื่อก่อนไม่มี มาตอนนี้มันระแวงไปทุกอย่าง ปกติที่โล่งๆ ยาวๆ นี่อัดตลอด แต่พอมาตอนนี้ ความรู้สึกที่เรียกว่า "ระแวง กับ กลัว" มันมาจากไหนไม่รู้ ทำแม่รถจะโล่งแค่ไหน ขอช้าไว่ก่อน มองหน้ามองหลัง มองแทบจะ360องศา
ใครจะว่าป๊อดว่าอ่อน เรื่องของคุณครับ สิ่งที่ผมรักคือตัวผม ไม่ใช่คุณ ฉะนั้นอยากทำอะไรทำไป บอกเลยว่าผมเลิกแล้วครับนิสัยแบบนั้น ขอขับชิลๆดีกว่า ผมรักชีวิตของผม หากอุบัติเหตุครั้งนั้น ผมไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ ผมคงไม่มีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ (เสื้อการ์ด ถุงมือ หมวกกันน๊อค )
ครั้งนึงผมเคยเป็นพวกบ้าพลัง โล่งอัด โล่งอัด ตลอดครับ
วิ่งเส้นเดิมเพื่อไปเรียนตลอด เช้าเย็น แทบไม่มีออกนอกทาง
ก็เหมือนเดิมครับ เวลาเช้าๆ เจ็ดโมง ผมวิ่งเส้นอ่อนนุช จะไปพัฒนาการเพื่อไปรับแฟนตามปกติ
ผมวิ่งชิดซ้ายมา เพราะพึ่งเลี้ยวซ้ายยูเทิร์นมาจากตลาดเอี่ยมสมบัติ ถนนโล่งมาก
ก็ตามเดิมครับ ถนนโล่ง ขอบิดหน่อยแล้วกัน พอพุ่งขึ้นไปก็ตามปกติครับ รถโล่ง ความมันส์ลงมือ ตอนนั้นเข็มกำลังขึ้นเรื่อยๆ น่าจะประมาณร้อยหน่อยๆ
ข้างหน้ามีรถตู้จอดอยู่ข้างทางคันนึง ผมก็หักออกกลาง(ถนนสามเลน) เหมือนเคย
ปรากฎว่าที่ไม่ปกติ มีลุงขายไอติมปั่นรถไอติมย้อนศรออกมาจากหลังรถครับ จังหวะนั้นผมทำอะไรไม่ได้ ไม่มีโอกาศให้เบรค(แต่มาดูที่หลังว่ารถมีรอยเบรคเหมือนกัน คงตกใจเบรคเอง) ผมได้ยินเสียง ตู๊ม ! ตัวผมลอยขึ้นฟ้า แล้วหลังจากนั้นผมก็วูบไป
..... หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงหวอ ได้ยินเสียงคน รู้สึกตัวว่าตัวเองนอนอยู่ที่พื้น พร้อมเสียงคนจำนวนมาก ผมลุกขึ้นมานั่ง สายตามองไปรอบๆ ได้ยินเสียงคนพูดว่า
"เฮ้ยๆ ไม่เป็นไรมั้ง ลุกได้แล้ว" ผมหันไปหาต้นเสียง เห็นลุงขายไอติมนอนพิงอยู่กับรถ ที่หัวมีเลือดออก ผมพยายามจะลุก แต่ก็ไม่สำเร็จ .... ผมวูบไปอีกครั้งนึง...
ผมรู้สึกตัวอีกที เมื่อมีหน่วยกู้ภัยที่กากมาก ดึงผมขึ้นรถพยาบาล(พร้อมที่ดามคอ และขา) ผมชนเส้นอ่อนนุช ขอด่าว่าเลว เพราะมันไปส่งโรงพยาบาลนึงที่ไกลมาก หากผมเป็นผู้ป่วยอาการโคม่า และใกล้เสียชีวิต ผมคงเสียชีวิตแล้วครับ เพราะใกลมาก จากที่เกิดเหตุมีหลายโรงพยาบาลใกล้ๆ แต่กลับไม่ไปส่ง เพราะเพียง "ไม่ได้เงิน" หากมีคนบอกว่า เอาน่า เค้าไปส่งก็ดีแค่ไหนละ ผมอยากถามกลับไปว่า
ที่ทำนี่ เพราะอยากทำสาธารณะกุศล หรืออยากได้เงินครับ ถ้าไม่ได้ทำด้วยใจ เลิกเถอะ เข้าใจว่าต้องทำมาหากิน แต่ดูหน่อยครับ กรณีไหน ควรไม่ควร
เมื่อผมโดนขึ้นรถ ผมพยายามคิดว่า "ฝันไป" พยายามหลับ เพื่อตื่นขึ้นมาจะได้ไม่มาพบกับความจริงแบบนี้ แต่ไม่สำเร็จ
ไปถึงโรงพยาบาล ปวดหัว และปวดคอมาก รวมทั้งปวดเมื่อยจากการกระแทกตามตัวขยับตัวไม่ได้
ผมไปนอนรอบริเวณล๊อบบี้อยู่พักหนึ่ง จนมีคนพาไปห้องฉุกเฉิน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ แค่จะพูดยังไม่มีแรง แต่ก็มีบุรุษพยาบาล(น่าจะใช่) ท่านนึงคอยคุยกับผมเสมอว่า "ไม่เป็นไรมากๆ นิดหน่อยๆ โทรบอกญาติแล้ว เดี๋ยวก็หายๆ " ขอบคุณมากครับ
ทำการเอกซเรย์แทบทั้งตัว คอ แขน ขา ปรากฎว่าไม่มีอะไรแตกหัก หมอและพยาบาลงงมาก เพราะจากที่กู้ภัยแจ้งมา ต้องเป็นเยอะแน่ๆ
ผมนอนICU อยู่สองวัน ถูกดามคอ ดามขา เพราะนึกว่าหักไว้ก่อน ขยับตัวแทบไม่ได้ ปวดคอ ปวดหลัง มีญาติมาเยี่ยมตลอด
ลุงที่ผมชน เป็นลุงแก่ๆ อายุเจ็ดสิบ มีเลือดคั่งในสมอง มีแผลใหญ่ที่ข้อเท้า ลุงแกค่อนข้างจะดื้อ ขณะนอนอยู่ห้องICU (ห้องข้างๆผม) แกเอาแต่ดิ้น บอกจะกลับบ้าน ดึงสายน้ำเกลือออก แกะแผล ทำให้แผลไม่ได้หายซักที (หนึ่งความยุ่งยาก)
กลับกัน ลุงแกบอกเวียนหัว มึนหัว ทางโรงพยาบาลก็เอาแต่บอก ต้องผ่าสมอง เอ็กซเรย์สมองดู เพราะหัวกระแทก(แต่ก่อนหน้านั้นดูดเลือดที่คั่งออกไปหมดแล้ว)
จนมาถึงบ้างอ้อว่า "ลุงแกเป็นเบาหวาน + ความดัน ต้องกินยาตลอด" ทำให้ผมเกิดคำถามว่า "ทำไมโรงพยาบาลมันกากจังวะ -- เรื่องง่ายๆไม่ทำ ไม่เช็คก่อน ไปทำให้มันยาก หรืออยากได้ตัง
ที่ห่วยเลยคือ ลุงคนนั้นดันดื้อโครตๆครับ เอาแต่จะหนี แกะนู่นแกะนี่ จนทำให้ไม่หายซักที
บอกก่อนนะครับ ผมไม่มีประกัน แต่ยินดีจะทำตามกฎหมาย(ถูกว่าถูก ผิดว่าผิด ถ้าผิด ยินดีรับผิดชอบ)
จากนั้นผมก็ถูกย้ายไปห้องพิเศษ จะขอออกเลย ทางโรงพยาบาลบอก ไม่ได้ ต้องรอดูอาการ
พอย้ายไปห้องพิเศษปุ๊บ (ต้องจ่ายค่าห้อง) แล้ว ดันมาบอก ออกได้นะ วันี้แหละ ไม่เป็นไรแล้ว แต่ต้องรอหมอจนถึงเย็นนะ ถึงจะได้(หาเงินกันง่ายนี่หว่า) ผมถึงได้ออกมาครับ
หลังจากนั้นสามสี่วัน ผมไปเรียนตามปกติ รถส่งเข้าศูนย์
ผมมีอาการปวดหัวมึนๆ นั่งเรียนไม่ได้ จะอ้วก เพลียมาก เรียนไม่รู้เรื่อง
กะว่ามันน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากที่หัวกระแทก เดี๋ยวเอาไว้ไปตอนหมอนัด
มีอยู่วันนึง ผมลืมเอายาไปด้วยครับ เลยไม่ได้กินทั้งวัน
ปรากฎว่า อาการนั้นเป็นเพราะยาครับ เลยเลิกกินไป หายเป็นปลิดทิ้ง
หลังจากนั้ลุงแกก็ออกจากโรงพยาบาลครับ ผมกับพ่อบอก มีอะไรช่วยได้จะช่วยเต็มที่ อย่างพาไปหาหมอ นู่นนี่ ซื้อยา ซือข้าว จนลุงแกหายดี(ลุงแกขายไอติม แต่พอมีแผลจึงปั่นจักรยานขายไม่ได้ แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฝ่ายผม + พรบ.เป็นคนจ่ายทั้งหมดครับ ) จึงไปเคลียคดีที่โรงพัก ปรากฎว่า จากการดูหลักฐาน ผมเป็นฝ่ายถูก ลุงแกก็โวยวายว่า เอ้า แล้วทำงี้ได้ไง กรูจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย โดนชนแล้วยังต้องจ่ายอีกหรอ แต่พ่อผมก็ยอมครับ บอกว่าถ้าเอาผิดลุงแกไม่มีจ่ายแน่ เรามีก็ยอมๆไป ช่วยเหลือกันไป
ลุงแกถึงยอมลงครับไม่เถียงอะไรต่อ คดีจบ เรื่องจบ แต่ลุงแกไม่จบครับ
หลายๆครั้งผมขับรถ(อีกคัน) ผ่านเจอลุงแกขายไอติมตามปกติ (แต่ไม่ได้ทัก)
มีอยู่ครั้งนึง พ่อผมนอนอยู่ในบ้าน(ไม่สบาย) ผมนั่งอยู่หน้าบ้าน เจอลุงแกทำท่าเดินกะเผลกๆมา บอกผมว่า มาเอาตังพันนึง
ผมก็ถาม อ้าวลุง เอาตังไรอะ
ลุงบอก ก็พ่อเอ็งบอกกูไว้ว่าจะให้อาทิตละพันอะ
ผมเลยงง อ้าวลุง ลุงหายแล้ว ขายของได้แล้วหนิ เดินเหินได้แล้ว เอาตังไรอีก เรื่องก็จบแล้ว คดีเคลียแล้ว
ลุงบอกเฮ้ยจบไร กูยังไม่หายเลย ยังเป็นแผลอยู่เลย(ใช่ครับ เป็นแผลจริง แต่น้อยมาก --)
ผมบอก อ้าวก็ผมเห็นลุงขายของอยู่อะ มางี้จะเอาตังไรอีกอะลุง
ลุง(ทำท่าแบบ รู้ได้ไงวะ) อ้าวแล้วพ่อเอ็งอยู่ไหน ไปเรียกมา ลุงจะเอาตัง
ผม พ่อผมไม่สบายลุง ไว้วันหลังค่อยคุยกันดีกว่า
ลุง(เดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย)
หลังจากนั้นก็เริ่มใช้อารมคุยกันครับ
ผม เฮ้ย ลุง ถอยเลยๆ เข้าบ้านผมได้ไง รองเท้าก็ไม่ถอด แล้วจะเข้าไปทำไรลุง
ลุง ก็จะไปเอาตังไงจากพ่อเอ็ง
ผม(เริมโมโห) ผมบอกว่าพ่อผมไม่สบาย ลุง (เอามือดันลุงแกไว้)
ลุง อ้าว เอ็งพูดงั้ได้ไงวะ นี่ชนแล้วหนีนี่หว่า กูเจ็บตัวแล้วยังไม่ได้ตังอีก
ผม ไม่ได้ไรลุง ลุงผิดชัดๆ ผมก็ช่วยทุกอย่าง ค่าหมอ ค่ายา ค่าอยู่ ค่ากิน ลุงหายแล้วก็จบดิลุง
ลุง ไม่ได้ ไม่งั้นกูจะฟ้องตำรวจว่าไม่ให้ตังกู
ผม ไม่ให้ไรลุง ให้ไปเยอะแล้ว ลุงจะเอาอะไรอีก ลุงไม่กะทำมาหากินเลยหรอ
ลุง ก็กูยังไม่หาย
ผม ไม่หายไรลุง ผมก็เห็นอยู่ว่าลุงไม่เป็นไรแล้ว
บอกเลยจุดๆนี้ ถ้าเป็นรุ่นๆเดียวกันคงวางมวยแล้วครับ แต่เห้นลุงแกแก่แล้ว
ลุง จำไว้นะ กูเจ็บตัวแล้วยังไม่จ่ายตังกูอีก กูฟ้องตำรวจแน่ เรื่องนี้ไม่จบแน่
ผม (เรื่องจบแล้ว ทุกอย่างเคลียแล้ว) ลุงคิดว่าลุงทำได้เอาเลยลุง ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ผมไม่ผิด แถมยังช่วยลุงขนาดนี้ ลุงจะเอาอะไรอีก
ลุง ถ้าไม่ผิด แล้วทำไมไม่บอกตำรวจละ
ผม ก็ถ้าผมบอกไปลุงจะรับผิดชอบไหวปะละ
ลุง ไม่ไหว(เสียงอ่อย)
ผม ใช่มะลุง ผมก็อยากให้ทุกอย่างจบ ฉะนั้นลุงจะเอาอะไรอีก
ลุง (ตะโกนเสียงดัง) เออกูไม่เอาก็ได้ จำไว้ เรื่องนี้ไม่จบแน่
ผม เอาเลยลุง จะบอกใครก็ตามสบาย
หลังจากนั้นลุงแกก็เดินออกไป แล้วไม่โผล่มาอีกเลยครับ(คาดว่าไปแจ้งตำรวจแล้วโดนตำรวจพูดมาเหมือนที่ผมพูด เลยหายไป)
เรื่องถึงจบครับ ไม่เถียงหรอกครับว่า โห่ ผมเห็นแก่ตัว เงินแค่นี้ ทำไมไม่ช่วยลุง
เนี่ยแหละครับปัญหาของประเทศเรา"กูจน กูไม่ผิด" ทำให้เป็นนิสัยเสียแบบนี้ไงครับ
ช่วยหมดทุกอย่าง ดันไม่พอ ซะงั้น เห้อออ
เอาหละครับ กลับมาเรื่องรถดีกว่า
มีคนถาม เอ้า ก็สลบไม่ใช่อ่อ แล้วงี้จะมั่นใจได้ไงว่าหมวกช่วยได้
ก็ใช่ไงครับ หมวกที่ผมใส่อยู่มันแค่หมวกระดับล่างๆ กลางๆ สภาพแย่ละ ล้มมาสาม(ก่อนจะมาชนครั้งนี่ล้มสไลด์มาครั้งนึง ชนหมาครั้งนึง หัวกระแทกทั้งสองรอบ) ละ มันได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่ครับ
กับกัน ลองคิดดูนะ เกิดวันนั้น ผมไม่ได้ใส่หมวก ไม่ได้ใส่เสื้อการ์ด และถุงมือ ผมจะมีสภาพยังไง
หัว - ผมใส่ LS2 FF370 Easy ตัวเปิดคาง ราคาราวๆสี่พัน ไม่ต้องสืบ หัวฟาด + แถไปขนาดนั้น ผมคงไม่มีชีวิตรอด และสภาพหัวผมคงดูไม่จืดครับ
ลำตัว - เสื้อการ์ด Alpinestar การ์ดแข็ง มีโหนกหลัง ไม่กี่พันจาก 320 ต้องขอบคุณการ์ดหลัง การ์ดศอก และข้อมือ ที่ทำให้กระดูกแขนขาผมไม่แตกไม่หัก หลังไม่หัก ไม่ช้ำ (แม้แต่นิดเดียว) และขอบคุณผ้าคอนดูร่าหนาๆ ร้อนๆ ที่ทำให้แขนและลำตัวผมไม่มีแม้แต่แผลถลอก (กลับกัน เสื้อการ์ดส่วนนั้นมีรอยแถเยอะมาก ถ้าเปลี่ยนมันเป็นแขนเพียวๆ คงเข้ากระดูก) ก่อนหน้านี้ผมชนหมา ล้มสไลด์นิดเดี่ยวด้วยความเร็วไม่ถึงร้อย แต่ไม่ได้ใส่เสื้อการ์ด เลยแถเพียวๆเป็นหมูแดงทั้งตัว
มือ - ถุงมือ Scoyco หนังผสมผ้าคู่ละไม่ถึงพัน ถ้าไม่ได้ถุงมือ มือคงผมตึงเพราะแผลถลอก หยิบจับอะไรไม่ได้อีกเป็นเดือน เผลอๆกระดูกจะแตกอีก
ลำตัวส่วนขา - จุดนี้เพียวๆ ไม่มีอะไรเลย เพราะเป็นกางเกงนักศึกษา เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกางเกงการ์ดคงดีกว่านี้ แต่ยังโชคดีว่าไม่มีแผล แค่กางเกงขาดเท่านั้น
เท้า และข้อเท้า - หากผมใส่รองเท้าเซฟตี้หุ้มข้อคงจะดี เสียใจที่เป็นแค่รองเท้าหนังหัวเหล็กหุ้มข้อเท่านั้น ทำให้ขาผมพลิก และมีแผลนิดเดียวเท่านั้น
ปัจจุบัน เรื่องผ่านมาสองสามเดือนแล้ว
ผมกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ผมใจเย็นมากขึ้น ขี้ระแวง มากขึ้น
"กลัว มากขึ้น" ครับ
เรื่องนี้อาจะไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไร แต่สำหรับผม มันก็เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตครั้งนึงเลยครับ
ขอบคุณครับ (มีต่อกระทู้สองนะครับ ผมสปอล์ยไว้เพราะค่อนข้างหยาบ เพราะเป็นข้อความสรุปย่อที่ผมโพสลงเฟสหลังจากรถชนครับ แต่อ่านอันนั้นน่าจะเข้าใจมากขึ้น )