[บทความบอลเยอรมัน 2013-09-15] เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์หมายเลขหนึ่งของยุโรป

ช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนหน้าตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปิดตัวลงมหากาพย์การย้ายทีมระหว่าง แกเร็ธ เบล ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวลส์ กับ เรอัล มาดริด จบสิ้นลงเรียบร้อยด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกใหม่ถึง 85.3 ล้านปอนด์ (ราว 4,265 ล้านบาท) สร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับสาวก ''ราชันชุดขาว'' ได้ไม่น้อย


  
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งแฟนบอลเรอัล มาดริด กว่า 20,000 คน กลับรวมตัวกันประท้วงในระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวนักเตะที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกคนใหม่อย่างเป็นทางการที่มีเนื้อหาใจความเสียงดังฟังชัดว่า ''Ozil no se vende. Ozil no se vende!'' หรือถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า ''โอซิลไม่ได้มีไว้ขาย'' นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากสาวก ''ราชันชุดขาว'' กลับไม่ทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรรู้สึกยี่หระเลยแม้แต่น้อย เมื่ออีก 1 ชั่วโมงให้หลังทีมประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ปล่อยตัว เมซุต โอซิล เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเยอรมันไปให้กับอาร์เซน่อลเป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัว 42.5 ล้านปอนด์ (ราว 2,125 ล้านบาท) อันเป็นสถิติการซื้อตัวนักเตะสูงสุดของสโมสร ''เดอะ กันเนอร์ส''

''อาส'' สื่อดังแดนกระทิงดุจัดการทำโพลสำรวจผลปรากฏว่ามีแฟนบอลเรอัล มาดริด สูงถึง 66% เลยทีเดียวที่ไม่พอใจกับการกระทำอันอุกอาจของบอร์ดบริหารในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงตัวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์หมายเลขหนึ่งของทีมด้วยที่ออกอาการฉุนขาดทันทีเมื่อรู้ว่าเพื่อนซี้ที่รู้ใจเขาทั้งในและนอกสนามที่สุดคนหนึ่งได้จากไปแล้ว

คำตามที่ตามมาก็คือ อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้แฟนบอลเรอัล มาดริด ออกอาการหัวเสียถึงขนาดนี้ ทั้งที่พวกเขาก็เพิ่งคว้าตัวว่าที่ซูเปอร์สตาร์ของโลกรายใหม่มาเสริมทัพสดๆ ร้อนๆ

มองผิวเผินอาจไม่เห็นชัด แต่หากเจาะลงลึกในเรื่องของสถิติการลงเล่นแล้วจะพบว่า เมซุต โอซิล ได้ชื่อว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์หมายเลขหนึ่งของยุโรปทั้งในเรื่องของสถิติการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูรวมถึงสร้างสรรค์โอกาสถึงขนาดที่ว่า ลิโอเนล เมสซี่ สตาร์เบอร์หนึ่งของโลกยังต้องยอมสยบ

ลีลาการรับใช้ทีมชาติเยอรมัน


ฉายา ''คิง ออฟ แอสซิสต์'' คือคำจำกัดความที่ใช้อธิบายความยอดเยี่ยมในฝีเท้าของโอซิลได้เป็นอย่างดี และเมื่อเทียบสถิติตัวต่อตัวกับ แกเร็ธ เบล แล้วดาวเตะทีมชาติเยอรมันวัย 24 ปี ดูดีกว่าในทุกๆ เรื่อง
  
จอห์น คาร์ลิน คอลัมนิสต์ผู้คร่ำหวอดในวงการลูกหนังแดนกระทิงดุของ ''เอล ปาอิส'' สื่อดังของสเปนเปิดเผยว่า ''ครั้งหนึ่งผมเคยถามแฟนบอลบาร์เซโลน่าว่า นักเตะคนใดของเรอัล มาดริด ที่พวกคุณอยากจะได้มาร่วมทีมมากที่สุดซึ่งเกือบ 80% ตอบว่า เมซุต โอซิล คือนักเตะที่พวกเขาอยากได้มาเสริมทัพ''
  
''โอซิลเป็นนักเตะที่มีเซนส์ในการทำเกมอย่างสูงส่ง แต่ละครั้งที่บอลออกจากเท้าของเขาสามารถชี้เป็นชี้ตายให้ทีมได้รวมถึงเทคนิคความสามารถเฉพาะตัวก็ไม่เป็นสองรองใครและเขามักจะรู้ใจกองหน้าเสมอว่าพวกเขาต้องการบอลในลักษณะใด
  
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการย้ายทีมของโอซิลก็คือมีการระบุว่า เขาไม่ใช่นักเตะในสไตล์ที่ คาร์โล อันเชลอตติ กุนซือชาวอิตาเลียนคนใหม่ต้องการ รวมถึงพฤติกรรมความบ้าอำนาจของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ บอสใหญ่ของสโมสร
  
คาร์ลิน กล่าวว่า ''โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว เปเรซเป็นคนที่ละโมบและเมื่อมีลิสต์รายชื่อของอิสโก้ปรากฏขึ้นมา แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีความคิดที่จะคว้าตัวมาร่วมทีมแต่ฝีเท้าของดาวเตะทีมชาติสเปน ยู-21 รายนี้ช่างร้อนแรงเกินห้ามใจ และเปเรซรู้ดีว่าหากเขาไม่ลงมือคว้าตัวก็ย่อมมีทีมอื่นที่ต้องการ ทันใดนั้นเขาก็จัดการคว้าตัวมาร่วมทีมพร้อมกับส่งมอบความกดดันไปให้กับ คาร์โล อันเชลอตติ ทันทีที่จะต้องการันตีตำแหน่งให้อิสโก้''
  
โอซิลที่มีพ่อแม่เป็นผู้อพยพจากตุรกีมาอาศัยในเยอรมันเริ่มเล่นฟุตบอลด้วยการเป็นเด็กฝึกหัดของสโมสรเล็กๆ ในย่านเกลเซ่นเคียร์เช่น พร้อมกับเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับชาลเก้04

โอซิลสมัยแจ้งเกิดกับชาลเก้


จากนั้นโอซิลตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพแวร์เดอร์ เบรเมน ในเดือนมกราคมปี 2008 ก่อนที่จะเป็นกำลังสำคัญพาทีม ''นกนางนวล'' ทะลุเข้าชิงยูฟ่า คัพ นัดชิงชนะเลิศแต่น่าเสียดายที่พ่ายต่อชัคตาร์ โดเนตส์ค ยอดทีมจากยูเครนไปแบบหวุดหวิด 1-2
  
ทอร์คริสเตียน คาร์ลเซ่น แมวมองชื่อดังที่ใช้เวลานานถึง 15 ปี ในการเป็นหัวหน้าแมวมองของสโมสรดังในยุโรปอย่าง เลเวอร์คูเซ่น และ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก กล่าวว่า ''สมัยที่โอซิล อายุ 17 ปี เขาทำให้วงการลูกหนังระดับเยาวชนตื่นตัวอย่างมากและแมวมองทุกคนต่างจับตามองไปที่ตัวเขา เขาเป็นแข้งดาวรุ่งของเยอรมันที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคนั้นรวมถึงทะลุขึ้นสู่ทำเนียบทีมชาติชุดใหญ่ได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว''
  
ทัวร์นาเมนต์แรกในนามทีมชาติอย่างเป็นทางการของโอซิลคือศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นพาเยอรมันคว้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนืออังกฤษ 4-1 และอาร์เจนตินา 4-0 ก่อนจะคว้าอันดับ 3 ไปครอง ซึ่งตัวเขายังได้รับเลือกจากฟีฟ่าให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่างขันด้วยก่อนจะย้ายไปร่วมทัพเรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา
  
โดยส่วนตัวแล้วโอซิลเป็นคนใช้ชีวิตแบบติดดินและมีนิสัยรักสงบบ้านพักของเขาอยู่แถบชานเมืองมาดริดเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ขณะเดียวกันด้วยความที่นับถือศาสนามุสลิม เขามักท่องคัมภีร์อัลกุรอานก่อนลงสนามทุกนัด
  
ที่อาร์เซน่อล โอซิลจะได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมทีมชาติเยอรมันอย่าง แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ และ ลูคัส โพดอลสกี้ ซึ่งอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญของการย้ายมาเล่นในอังกฤษนั้นก็คือการที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ''ปืนใหญ่'' ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวเขาอย่างมากและข้อสงสัยต่อมาก็คือเมื่อมีโอซิลแล้ว เวนเกอร์จะจัดแผนใดลงเล่น
  
คาร์ลเซ่น กล่าวว่า ''แจ็ค วิลเชียร์ กับ เมซุต โอซิล ถูกมองว่าจะต้องแย่งตำแหน่งกันแต่ท้ายที่สุดแล้ว เวนเกอร์จะเป็นคนตัดสินใจว่าจะเลือกใช้แผนการเล่นใดเพื่อดึงศักยภาพออกจากตัวของดาวเตะทีมชาติเยอรมันออกมาให้ได้มากที่สุด''
  
'แน่นอนว่าด้วยความคิดในการสร้างสรรค์เกมของโอซิลไม่มีปัญหากับสไตล์การเล่นของอาร์เซน่อลแน่ แต่เราจำเป็นต้องให้เวลากับเขาในการปรับตัวเนื่องจากฟุตบอลอังกฤษมันต่างจากแนวทางการเล่นที่เขาเคยเจอ ที่นี่นักเตะฝ่ายตรงข้ามจะไล่ขยี้คุณจนแทบไม่มีเวลาตั้งตัวและไม่มีพื้นที่ให้เล่น''
  
''เขาคือหนึ่งในนักเตะมิดฟิลด์ตัวรุกหลายคนที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกรวมถึงวิลเลี่ยนของเชลซี, สเตวาน โยเวติช ของแมนฯ ซิตี้ รวมถึง คริสเตียน เอริคเซ่น ของสเปอร์ส เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าโอซิลจะสอบผ่านหรือไม่''

credit : www.siamsport.co.th  โดย คอลัมน์ : สกู๊ปพิเศษ จาก...สยามกีฬา โดย.. ลิ้ม ทรนง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่