สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่ครับ ผมยืนยันว่าการยืนหยัดบนความกลัวและงมงายไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
และผมก็ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแบ่งฝ่ายคนเป็นหัวโบราณแค่เพราะต้านนิวเคลียร์ หรือคนหัวสมัยใหม่แค่เพราะเอานิวเคลียร์
ในประเด็นโต้แย้งเรื่องนิวเคลียร์ ผมได้เห็นทรรศนะจากหลายๆคนที่เข้าท่าทั้งฝ่ายค้านและสนับสนุนนิวเคลียร์ เมื่อเราเอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน
ถามว่านิวเคลียร์อันตรายไหม ก็อันตราย การควบคุมความปลอดภัยในประเทศเราดีไหม มันก็ไม่ดี เราเพิ่งมีทั้งพวกเผาเมืองและพวกยึดสนามบิน กฏเหล็กของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่จะยิงเมื่อมีการลุกล้ำในทันทีก็เป็นที่น่ากังขา เรามีเรื่องของการคอรัปชั่น ซึ่ง การนำเสนอเรื่องความน่าเชื่อถือ และความเข้มงวดการตรวจสอบของ IAEA ก็ควรเอามาประชาสัมพันธ์ เสวนา ให้เข้าใจกัน และเราก็ต้องรู้ด้วยว่าการลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อย่างน้อยก็ควรลงเป็นแบบ Breeding Reactor และก็จะต้องมีการถกเถียงถ่วงน้ำหนักกันเรื่องผลประโยชน์ คนในพื้นที่ กับผลประโยชน์ชาติ เราต้องมีความยุติธรรม ไม่ใช่เรียกร้องเอาแต่ผลประโยชน์ตน หรือบังคับให้คนเสียประโยชน์โดยไม่มีมาตรการลดผลกระทบ (ซึ่ง NGO ก็เป็นตัวปัญหาที่มักเรียกร้องเอาแต่ได้ และ รัฐ ก็เป็นตัวปัญหาที่จะทำอะไรเอาง่ายๆ)
แต่ถามว่านิวเคลียร์จำเป็นไหม มันก็จำเป็น พลังงานของประเทศไทยถ้าไม่มีการนำเข้าก็หมดใน 6 ปี เรามีการเก็บภาษีพลังงานแต่เงินภาษีกลับนำใช้เพื่ออุ้มโน่นโปะนี่ทำประชานิยมเสียส่วนใหญ่ เราไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะผลิตพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงชีวมวลก็ถูกต่อต้านใน Scale ใหญ่ การติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ทำด้วยการทุ่มเงินภาษีไปใช้จ่ายลด กดราคาแผง ให้ส่วนต่างราคาพลังงานจำนวนมหาศาลแต่เม็ดพลังงานที่ได้ก็น้อยนิด มันไม่มีทางเลยที่ภายใน 10 ปีนี้ที่พลังงานหมุนเวียนจะขึ้นมาถึงระดับ 50% ของการใช้งานโดยไม่คิดเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ และ ประเทศเราเป็นประเทศอุตสาหกรรม ถ้าต้นทุนการผลิตสูงถึงจุดหนึ่ง ประเทศที่มีความโกลาหลทางการเมืองเป็นอาจิณอย่างเราเสี่ยงต่อการเจอปัญหาการย้ายฐานการผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดคนตกงานขึ้นอย่างมากมาย ด้วยจำนวนประชากร 60 กว่าล้านคนบนพื้นที่แค่ประเทศไทย การดำรงอยู่ด้วยภาคการเกษตรอย่างเดียว กลับไปเป็นประเทศปิดมันเป็นเรื่องเพ้อฝันของคนอยากเผชิญสภาพประเทศแบบ Mad-Max หรือ Judge Dredd ในระยะประชิด
เราต้องยอมรับว่า ทุกฝ่าย ทุกด้าน เรามีพวกตัวปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะพวกหลับตาค้านหัวชนฝา หรือหลับตาเชียร์ไม่คำนึงถึงผลเสีย ปัญหามันจะแก้ไขได้เมื่อเราเอาผลดีและผลเสียมาคุยกัน เปิดใจเข้าหากัน ยอมรับความเป็นจริงของประเทศเรา แล้วปรับตัวเรา ช่วยกันทำคนละนิดคนละหน่อยเพื่ออนาคตของประเทศ
จริงๆ ถ้าหากคนในประเทศไทยเรา ไม่มีอาการหัวชนฝา ค้านมันไปทุกอย่าง กับเชียร์มันไปทุกเรื่อง ถ้าสักเมื่อ 20 ปีก่อนเราตกลงกันที่จะมุ่งไปยังชีวมวลอย่างที่ประเทศเรามีศักยภาพ ผมว่า ป่านนี้ ตอนนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องมีนิวเคลียร์หรอก พลังงานสำรองเราจะเหลือสายป่านยาวกว่านี้เยอะครับ
และผมก็ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแบ่งฝ่ายคนเป็นหัวโบราณแค่เพราะต้านนิวเคลียร์ หรือคนหัวสมัยใหม่แค่เพราะเอานิวเคลียร์
ในประเด็นโต้แย้งเรื่องนิวเคลียร์ ผมได้เห็นทรรศนะจากหลายๆคนที่เข้าท่าทั้งฝ่ายค้านและสนับสนุนนิวเคลียร์ เมื่อเราเอาข้อเท็จจริงมาว่ากัน
ถามว่านิวเคลียร์อันตรายไหม ก็อันตราย การควบคุมความปลอดภัยในประเทศเราดีไหม มันก็ไม่ดี เราเพิ่งมีทั้งพวกเผาเมืองและพวกยึดสนามบิน กฏเหล็กของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่จะยิงเมื่อมีการลุกล้ำในทันทีก็เป็นที่น่ากังขา เรามีเรื่องของการคอรัปชั่น ซึ่ง การนำเสนอเรื่องความน่าเชื่อถือ และความเข้มงวดการตรวจสอบของ IAEA ก็ควรเอามาประชาสัมพันธ์ เสวนา ให้เข้าใจกัน และเราก็ต้องรู้ด้วยว่าการลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อย่างน้อยก็ควรลงเป็นแบบ Breeding Reactor และก็จะต้องมีการถกเถียงถ่วงน้ำหนักกันเรื่องผลประโยชน์ คนในพื้นที่ กับผลประโยชน์ชาติ เราต้องมีความยุติธรรม ไม่ใช่เรียกร้องเอาแต่ผลประโยชน์ตน หรือบังคับให้คนเสียประโยชน์โดยไม่มีมาตรการลดผลกระทบ (ซึ่ง NGO ก็เป็นตัวปัญหาที่มักเรียกร้องเอาแต่ได้ และ รัฐ ก็เป็นตัวปัญหาที่จะทำอะไรเอาง่ายๆ)
แต่ถามว่านิวเคลียร์จำเป็นไหม มันก็จำเป็น พลังงานของประเทศไทยถ้าไม่มีการนำเข้าก็หมดใน 6 ปี เรามีการเก็บภาษีพลังงานแต่เงินภาษีกลับนำใช้เพื่ออุ้มโน่นโปะนี่ทำประชานิยมเสียส่วนใหญ่ เราไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะผลิตพลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงชีวมวลก็ถูกต่อต้านใน Scale ใหญ่ การติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ทำด้วยการทุ่มเงินภาษีไปใช้จ่ายลด กดราคาแผง ให้ส่วนต่างราคาพลังงานจำนวนมหาศาลแต่เม็ดพลังงานที่ได้ก็น้อยนิด มันไม่มีทางเลยที่ภายใน 10 ปีนี้ที่พลังงานหมุนเวียนจะขึ้นมาถึงระดับ 50% ของการใช้งานโดยไม่คิดเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ และ ประเทศเราเป็นประเทศอุตสาหกรรม ถ้าต้นทุนการผลิตสูงถึงจุดหนึ่ง ประเทศที่มีความโกลาหลทางการเมืองเป็นอาจิณอย่างเราเสี่ยงต่อการเจอปัญหาการย้ายฐานการผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดคนตกงานขึ้นอย่างมากมาย ด้วยจำนวนประชากร 60 กว่าล้านคนบนพื้นที่แค่ประเทศไทย การดำรงอยู่ด้วยภาคการเกษตรอย่างเดียว กลับไปเป็นประเทศปิดมันเป็นเรื่องเพ้อฝันของคนอยากเผชิญสภาพประเทศแบบ Mad-Max หรือ Judge Dredd ในระยะประชิด
เราต้องยอมรับว่า ทุกฝ่าย ทุกด้าน เรามีพวกตัวปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะพวกหลับตาค้านหัวชนฝา หรือหลับตาเชียร์ไม่คำนึงถึงผลเสีย ปัญหามันจะแก้ไขได้เมื่อเราเอาผลดีและผลเสียมาคุยกัน เปิดใจเข้าหากัน ยอมรับความเป็นจริงของประเทศเรา แล้วปรับตัวเรา ช่วยกันทำคนละนิดคนละหน่อยเพื่ออนาคตของประเทศ
จริงๆ ถ้าหากคนในประเทศไทยเรา ไม่มีอาการหัวชนฝา ค้านมันไปทุกอย่าง กับเชียร์มันไปทุกเรื่อง ถ้าสักเมื่อ 20 ปีก่อนเราตกลงกันที่จะมุ่งไปยังชีวมวลอย่างที่ประเทศเรามีศักยภาพ ผมว่า ป่านนี้ ตอนนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องมีนิวเคลียร์หรอก พลังงานสำรองเราจะเหลือสายป่านยาวกว่านี้เยอะครับ
แสดงความคิดเห็น
เราต้อง ขอบคุณ พวก หัวโบราณ ไดโนเสาร์ กันได้รึยัง ที่ยืนหยัดต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จนทำให้เราไม่ต้องเจอภัยแบบญี่ปุ่น
ประเทศไทย อาจต้องเจอภัยนิวเคลียร์
แบบ FUKUSHIMA ในญี่ปุ่นเข้าซักวันหนึ่งก็เป็นได้
ชาวหว้ากอ เริ่มจะเห็น คุณงามความดี ของพวก หัวโบราณ ไดโนเสาร์ รึยังครับ