หลายปีก่อน ได้มีโอกาสไปรับใช้ครูอาจารย์แถวเมืองแกลง ท่านฯได้เล่าเรื่องเก่าๆให้ฟังในสมัยที่ท่านยังอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ
พระทุกรูป รวมถึงผู้ปฏิบัติธรรมทั้งที่อยู่ในและนอกวัด ต่างต้องระวังความคิดเป็นที่สุด เพราะแม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งความคิดที่ผิดครองธรรม โดยปกติแล้วหากเป็นผู้มีวาสนาบารมีเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ แล้ว ท่านฯมักจะสงเคราะห์โดยพูดถึงความคิดของคนๆนั้น ในทันทีที่อยู่ในที่ปะชุมชน (แต่จะไม่เอ่ยชื่อผู้นั้นออกมา) ใครที่คิดผิดไว้ มักจะรู้ตัวของใครของเราได้ทันที แต่ในบางครั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ก็ยังช่วยสงเคราะห์ศิษย์ที่บุญวาสนาน้อยอีกนับไม่ถ้วน ดังเรื่องราวนี้
ย้อนไปสมัยที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านฯ มักจะพาพระครูบา รูปต่างๆ ตามแต่ที่ท่านเห็นสมควร รวมถึงคณะแม่ชี พร้อมด้วยลูกศิษย์คือ คณะผู้ปฏิบัติธรรม เดินทางไป อินเดียเพื่อน้อมกราบสักการะ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ ตำบล พร้อมรำลึกถึง คุณของพระพุทธศาสนา ครั้งที่ยังเคยรุ่งเรืองอยู่ในดินแดนพุทธภูมิ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ในช่วงรอวันเพื่อเดินทางตามหมายกำหนดการ ได้มีแม่ชีอยู่รูปหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณใกล้อุโบสถ กำลังนั่งคิดอยู่ในใจว่า การเดินทางไปอินเดียครั้งนี้ เราไม่มีเงินติดตัวไปด้วย เผื่อจะทำบุญตามสถานที่ต่างๆ ที่ไปได้บ้าง ในขณะที่กำลังนั่งนึกเพลินๆนั้นเอง ปรากฏว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เดินมาจากทางไหนก็ไม่ทราบ มาถึงก็บอกให้แม่ชีรูปนั้น ให้ยื่นมือมารอรับกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ท่านฯเขียนไว้ก่อนนั้น เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ได้ปล่อยกระดาษแผ่นนั้นใส่มือแม่ชีที่แบมือรอรับอยู่แล้วท่านฯก็พูดว่า “เอ้า เอาไปสวดซะ จะได้มีเงินไปทำบุญกับเขา” จากวันนั้นมาจนถึงวันกำหนดที่จะเดินทางไปอินเดีย ปรากฏว่า มีญาติโยมหลายคน อยู่ๆก็ได้นำเงินมามอบให้กับแม่ชี เพื่อขอร่วมบุญที่แม่ชีจะได้นำเงินไปทำบุญที่อินเดียต่อไป
เหตุครั้งนี้ เห็นได้ว่าความรวดเร็วในเรื่องสมาธิจิตของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ในการหยั่งรู้อดีต (อดีตังสญาณ) ,อนาคต (อนาคตังสญาณ) และการหยั่งรู้วาระจิต (เจโตปริยญาณ) ของผู้อื่นนั้นรวดเร็ว อีกทั้งยังรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ในบริบทของแม่ชี (อนาคตังสญาณ )
เคยฟังในเทปของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ องค์นี้ ท่านฯเคยกล่าวว่า “ วัว, ควาย หนีหายเข้าป่ายังมีรอยเท้าให้ตามได้ หรือเมื่ออยู่กลางป่าแลเห็นควันไฟลอยอยู่เหนือยอดไม้ ยังตามได้ แต่จิตใจคนนั้นเป็นนามธรรม ถ้าสมาธิไม่แก่กล้ารับรองไม่มีทางทำได้ ”
แม้ที่สุดภายหลังพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ มักพูดเสมอว่า ”ด้วยคุณธรรมทั้งหมดที่ท่านได้ ท่านจะขอถวายชีวิตนี้ไว้ให้กับพุทธศาสนา “ จากคำพูดของท่านฯนี้เอง แสดงให้เห็นชัดได้ว่า คุณธรรมที่ท่านฯมี และได้นำมาช่วยเหลือและเมตตาอบรมสั่งสอน พระ เณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย รวมถึงลูกศิษย์ ย่อมเป็นที่ยอมรับในใจอย่างสูงสุดและนอบน้อมบูชาคุณพ่อแม่ครูบาจารย์ฯ ไว้เหนือเศียรเกล้าโดยดุษฏี
เผยแพร่เป็นธรรมทาน
เจโต ทะลุใจ
พระทุกรูป รวมถึงผู้ปฏิบัติธรรมทั้งที่อยู่ในและนอกวัด ต่างต้องระวังความคิดเป็นที่สุด เพราะแม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งความคิดที่ผิดครองธรรม โดยปกติแล้วหากเป็นผู้มีวาสนาบารมีเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ แล้ว ท่านฯมักจะสงเคราะห์โดยพูดถึงความคิดของคนๆนั้น ในทันทีที่อยู่ในที่ปะชุมชน (แต่จะไม่เอ่ยชื่อผู้นั้นออกมา) ใครที่คิดผิดไว้ มักจะรู้ตัวของใครของเราได้ทันที แต่ในบางครั้งพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ก็ยังช่วยสงเคราะห์ศิษย์ที่บุญวาสนาน้อยอีกนับไม่ถ้วน ดังเรื่องราวนี้
ย้อนไปสมัยที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านฯ มักจะพาพระครูบา รูปต่างๆ ตามแต่ที่ท่านเห็นสมควร รวมถึงคณะแม่ชี พร้อมด้วยลูกศิษย์คือ คณะผู้ปฏิบัติธรรม เดินทางไป อินเดียเพื่อน้อมกราบสักการะ สังเวชนียสถานทั้ง ๔ ตำบล พร้อมรำลึกถึง คุณของพระพุทธศาสนา ครั้งที่ยังเคยรุ่งเรืองอยู่ในดินแดนพุทธภูมิ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ในช่วงรอวันเพื่อเดินทางตามหมายกำหนดการ ได้มีแม่ชีอยู่รูปหนึ่ง นั่งอยู่บริเวณใกล้อุโบสถ กำลังนั่งคิดอยู่ในใจว่า การเดินทางไปอินเดียครั้งนี้ เราไม่มีเงินติดตัวไปด้วย เผื่อจะทำบุญตามสถานที่ต่างๆ ที่ไปได้บ้าง ในขณะที่กำลังนั่งนึกเพลินๆนั้นเอง ปรากฏว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เดินมาจากทางไหนก็ไม่ทราบ มาถึงก็บอกให้แม่ชีรูปนั้น ให้ยื่นมือมารอรับกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ท่านฯเขียนไว้ก่อนนั้น เมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ได้ปล่อยกระดาษแผ่นนั้นใส่มือแม่ชีที่แบมือรอรับอยู่แล้วท่านฯก็พูดว่า “เอ้า เอาไปสวดซะ จะได้มีเงินไปทำบุญกับเขา” จากวันนั้นมาจนถึงวันกำหนดที่จะเดินทางไปอินเดีย ปรากฏว่า มีญาติโยมหลายคน อยู่ๆก็ได้นำเงินมามอบให้กับแม่ชี เพื่อขอร่วมบุญที่แม่ชีจะได้นำเงินไปทำบุญที่อินเดียต่อไป
เหตุครั้งนี้ เห็นได้ว่าความรวดเร็วในเรื่องสมาธิจิตของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ในการหยั่งรู้อดีต (อดีตังสญาณ) ,อนาคต (อนาคตังสญาณ) และการหยั่งรู้วาระจิต (เจโตปริยญาณ) ของผู้อื่นนั้นรวดเร็ว อีกทั้งยังรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ในบริบทของแม่ชี (อนาคตังสญาณ )
เคยฟังในเทปของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ องค์นี้ ท่านฯเคยกล่าวว่า “ วัว, ควาย หนีหายเข้าป่ายังมีรอยเท้าให้ตามได้ หรือเมื่ออยู่กลางป่าแลเห็นควันไฟลอยอยู่เหนือยอดไม้ ยังตามได้ แต่จิตใจคนนั้นเป็นนามธรรม ถ้าสมาธิไม่แก่กล้ารับรองไม่มีทางทำได้ ”
แม้ที่สุดภายหลังพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ มักพูดเสมอว่า ”ด้วยคุณธรรมทั้งหมดที่ท่านได้ ท่านจะขอถวายชีวิตนี้ไว้ให้กับพุทธศาสนา “ จากคำพูดของท่านฯนี้เอง แสดงให้เห็นชัดได้ว่า คุณธรรมที่ท่านฯมี และได้นำมาช่วยเหลือและเมตตาอบรมสั่งสอน พระ เณร แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย รวมถึงลูกศิษย์ ย่อมเป็นที่ยอมรับในใจอย่างสูงสุดและนอบน้อมบูชาคุณพ่อแม่ครูบาจารย์ฯ ไว้เหนือเศียรเกล้าโดยดุษฏี
เผยแพร่เป็นธรรมทาน