เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
Super Sentai Series หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อของ "ขบวนการ 5 สี" ที่คุ้นตาพวกเรามานาน แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 37 ปีของการสร้างนั้น ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์เคยถูกย้ายเวลาฉายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้วยเหตุผลทางด้านเรทติ้ง การเข้าถึงผู้ชม รวมไปถึงความนิยมของผู้ชมในแต่ละยุคนั้น ต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกเวลาที่จะออกฉายด้วยกันทั้งสิ้น เรามาดูกันครับว่าขบวนการแปลงร่างในแต่ละยุคสมัยนั้น มีเวลาการออกฉายในช่วงเวลาไหนกันบ้าง ------------------------------------------ วันเสาร์ 19.30 น. 5 เมษายน 1975 ถึง 24 ธันวาคม 1977 "ฮิมิทสึเซนไท โกเรนเจอร์" หรือขบวนการห้าพิฆาต ก็เข้ายึดช่วงเวลานี้ไปได้เกือบ ๆ 2 ปีด้วยกัน ในยุคนั้นการฉายเซนไทในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงไพร์มไทม์ (เวลาที่มีคนอยู่หน้าจอทีวีมากที่สุด) และว่ากันว่าเมื่อตอนที่โกเรนเจอร์ออกฉายใหม่ ๆ ซีรี่ย์นี้ก็สามารถออกมาถล่มรายการอื่น ๆ จนกอบโกยเรทติ้งได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งแม้ว่าในปีนั้นจะมีคาเมนไรเดอร์สตรองเกอร์ออกฉายอยู่แล้วก็ตามที มิหนำซ้ำคาเมนไรเดอร์สตรองเกอร์ยังถูกโยกไปฉายในช่อง MBS แทนที่จะเป็น NET (ชื่อเก่าของ TV Asahi) แถมยังดันขึ้นไปฉายก่อนหน้าถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยเหตุผลเพราะความนิยมที่ลดลงนั่นเอง ซึ่งตามแผนเดิมนั้นสตรองเกอร์จะมีจำนวนฉายทั้งสิ้น 52 ตอน แต่ด้วยความนิยมที่หดหาย ทำให้โดนลดลงไปเหลือเพียง 39 ตอนเท่านั้น อาจจะพูดกลาย ๆ ได้ว่าการเข้ามาของซุปเปอร์เซนไท ทำให้ฝั่งคาเมนไรเดอร์ต้องหยุดสร้างเพื่อไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมอีก 4 ปี ก่อนที่ในปี 1979 "สกายไรเดอร์" (นิวคาเมนไรเดอร์) จะถือกำเนิดขึ้นมา กลับมาที่โกเรนเจอร์กันต่อ ส่วนหนึ่งของความนิยมที่ล้นหลามนี้อาจจะมาจากราคาของทีวีสีที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้มาขึ้น ทางผู้สร้างเองก็สามารถสร้างซีรี่ย์ที่มีคาแรคเตอร์สีสันสดใสออกมาป้อนสู่ตลาด ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นความแปลกให่ให้กับผู้ชมในยุคนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย (ถ้าเทียบกับตอนนี้ คงหนีไม่พ้นระบบ 3 มิติแหง ๆ) ยิ่งในสมัยนั้นมีระบบการรีรัน นำซีรี่ย์นั้น ๆ กลับมาฉายซ้ำอีกรอบก็ยิ่งเพิ่มความนิยมให้มากขึ้นไปอีก แต่ความนิยมนั้นกลับมาลดฮวบอย่างน่าใจหายในยุคของขบวนการ "JAKQ" เนื่องด้วยเป็นซีรี่ย์ที่เน้นหนักไปในเรื่องการสืบสวนสอบสวน และมีโทนที่ค่อนข้างไปในทางดราม่ามากเกินกว่าที่จะให้เด็กดูได้ ซีรี่ย์นี้เลยต้องเอวังด้วยจำนวนตอนทั้งสิ้น 39 ตอนด้วยกัน ... และถือว่าเป็นการปิดฉากตำนานเซนไทในบทแรกไปโดยปริยาย ---------------------------------------- วันเสาร์ 18.00 น. หลังจากกลับไปคิดมุกใหม่ถึง 2 ปี และได้เพื่อนใหม่อย่าง Marvel Studio เป็นพันธมิตรในการสร้าง "แบทเทิ่ลฟีเวอร์ J" จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1979 ด้วยความผิดพลาดจากขบวนการ JAKQ ที่เป็นบทเรียนให้กับโตเอะเป็นอย่างดี การกลับมาในครั้งนี้ของโตเอะจึงต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง สืบเนื่องจากกระแสซุปเปอร์โรบอทที่กำลังมารุ่งพุ่งแรงในตอนนั้น ทำให้ขบวนการนักสู้นานาชาติมี "หุ่นรบ" ขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนซะที เคยมีคนว่ากันว่าซีรี่ย์ซุปเปอร์โรบอทสามเรื่องที่มาแรงพอ ๆ กับละครช่องสามในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น "คอมแบทเลอร์ V" / "โชวเด็นชิ แมชชีน โวลเตส V" และ "โทโชว ไดมอส" พันธุกรรมของหุ่นยักษ์เลยกระเด็นหลุดมาทางฝั่งซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์แบบไม่น่าแปลกใจนัก เวลาฉายในช่วงนี้ถูกสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี (1979 - 1988) แม้จะมีบางซีรี่ย์ที่ทำเรทติ้งได้ไม่ค่อยดี แต่ก็ถือว่าไม่ได้ลดลงแบบน่าเกลียดเหมือนกับ JAKQ และไม่มีการตัดจำนวนตอนทิ้งแต่อย่างใด ทว่าปัญหาใหญ่ที่พบในตอนนั้นก็มีแค่ ... งบประมาณ วิกฤติสปอนเซอร์ .. หลายคนที่ชอบสังเกต จะดูออกว่าเซนไทมีเนื้อหาจริง ๆ หลังตัดเอาเพลง OP - ED ออกไปแล้วราว ๆ 25 นาที (จากเวลาฉาย 30 นาที / หั่นเพลงเปิด-ปิดออกไป 3 นาทีนิด ๆ / และโฆษณา 2 นาที = เหลือราว ๆ 25 นาที) แต่ทว่าเคยมีช่วงวิกฤติของเซนไทในยุคของ "คางาคุเซนไท ไดน่าแมน" ซึ่งยุคนั้นโตเอะประกาศขายโฆษณายาว 5 - 7 นาทีเลยทีเดียว ทำให้เซนไทซีรี่ย์ในช่วงนั้นมีเวลาฉษยต่อ 1 ตอนจริง ๆ แค่ 17 นาทีเท่านั้น ด้วยวิกฤติดังกล่าวก็ทำให้ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ต้องพบกับจุดตกต่ำอีกครั้ง ทีมงานเลยปิ้งไอเดียใหม่ขึ้นมาด้วยการ ... เพิ่มจำนวนสาว ๆ ในทีมซะงั้น! "โชวเดนชิ ไบโอแมน" คือเซนไทที่ไม่มีคำว่าเซนไทอยู่ในชื่อ เหตุผลหนึ่งก็เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม และเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยการเพิ่มจำนวนสมาชิกสาว ๆ ในทีมให้เป็น 2 คน แทนที่จะมีสวยสุดแค่คนเดียวในทีมเหมือนที่ผ่าน ๆ มา (แต่ก็เจอเคราะห์ซ้ำนิดหน่อยในเรื่องของนักแสดงที่ออกไปกลางคัน จนต้องวุ่นหานักแสดงใหม่กันอีก ตรงนี้เดี๋ยวไปว่ากันอีกทีครับ) ทางโตเอะได้พัฒนาบทของเซนไทในยุคนี้ให้มีความซอฟท์ลง รวมไปถึงเน้นหนักไปในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมที่เข้าถึงง่ายให้มากขึ้น และยังสร้างตัวร้ายอมตะนิรันดร์กาลขึ้นมาตัวนึงอย่าง "ไบโอฮันเตอร์ซิลเวอร์" เพื่อดึงกระแสผู้ชมแบบเต็ม ๆ แม้จะทำเรทติ้งได้ไม่ค่อยดี แต่ก็สามารถประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้ จนกระทั่งหวยมาถูกที่ "เดงเงคิเซนไท เชนจ์แมน" นั่นล่ะครับ ที่สามารถทำให้ยอดของเล่นขายดีจนถล่มทลาย แถมขาดตลาดจนพ่อแม่ต้องมาจองของเล่นข้ามเดือนกันเลยทีเดียว จากการที่โตเอะสามารถทำให้แบรนด์ของซุปเปอร์เซนไทฮอทฮิตติดลมบนไปแล้ว ความกล้าที่จะเสี่ยงของโตเอะจึงได้เริ่มอีกครั้ง ด้วยการทุ่มทุนสร้าง "โชวจูวเซนไท ไลฟ์แมน" มาเปิดศักราชใหม่ของวงการเซนไท ด้วยไอดอลที่เรียกได้ว่าโคตรจะดังในตอนนั้น อย่างการดึงเอา "เมงูมิ โมริ" กับ "ไดสุเกะ ชิม่า" รายแรกเป็นไอดอลสาวที่ดังสุด ๆ ณ ยุคนั้น ส่วนรายหลังเป็นนักร้องขวัญใจมหาชนระดับท็อปเท็น ไม่นับรายละเอียดปลีกย่อยที่ปรากฏภายในเรื่อง จนเรียกได้ว่าเป็นเซนไทที่ค่อนข้างจะลงทุนสูงมากในสมัยนั้น ความเสี่ยงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แม้ว่าในแง่ของการตลาดเรื่อง "หุ่นรบสัตว์" ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกจะขายดีเป็นพลุแตก แต่ในแง่ของเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปด้วยนักแสดงหลักเพียงสามคนก็ถือว่ายังน้อยนิดอยู่ แม้จะเพิ่มสมาชิกเข้าไปอีก 2 คนในภายหลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แฟน ๆ เซนไทจดจำซักเท่าไหร่ (สาระเลยนะ ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าขบวนการนี้มี 5 คน) -------------------------------------------- วันศุกร์ 17.30 น. "โควโซคุเซนไท เทอร์โบเรนเจอร์" เป็นซีรี่ย์ที่ถูกย้ายเวลาเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์วงการเซนไท แถมยังย้ายกลางอากาศอีกต่างหาก เพราะย้ายมาฉายจากวันเสาร์ไปเป็นวันศุกร์ในช่วงตอนที่ 31 - 32 ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าเด็ก ๆ ได้ดูซีรี่ย์ในวันศุกร์แล้ว วันเสาร์พ่อแม่จะพาไปซื้อของเล่นได้ .... คิดได้ไง! แต่การย้ายเวลาเพื่อเพิ่มยอดขาย กลับทำให้เรทติ้งทางทีวีลดต่ำลงไปจาก 8% ไปอยู่ที่ 7.6% แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หลาย ๆ คนมองว่าอาจจะเป็นพล็อตแนวใหม่ที่นำเอาแฟนตาซี + เทคโนโลยีก็เป็นได้ (เซนไที่ผ่าน ๆ มาเป็นเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ล้วนครับ) แต่ผลจากการใช้ทีมงานเขียนบทเดิม ๆ มุกเดิม ๆ ก็ส่งผลให้เรทติ้งมาเลวร้ายที่สุดเอาใน "ชิคิวเซนไท ไฟว์แมน" ที่ทำสถิติเรทติ้งในตอนที่ 26 ตกต่ำที่สุดที่ 1.8% แม้ว่ายอดขายของเล่นจะตอบโจทย์การตลาดได้ แต่การที่เรทติ้งตกต่ำ ก็มีผลต่อสปอนเซอร์เองเช่นเดียวกัน ไฟว์แมนพาตัวเองมาจบได้ที่ 48 ตอนพร้อมกับความนิยมแบบทุลักทุเล และในปีต่อมาความหรรษาของเซนไทจึงบังเกิดขึ้นใน "โชวจินเซนไท เจ็ทแมน" เจ็ทแมนถือว่าเป็นเซนไทที่มีความหลากหลายสูงสุดในบรรดาซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ทั้งหมด แม้จะดูยากเกินไปสำหรับเด็ก ๆ แต่ก็ทำเรทติ้งได้ดีกว่าไฟว์แมนอยู่หลายขุม และในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นยุคที่มีการแตกไลน์ทางการตลาดมากที่สุดยุคหนึ่งเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์วิดีโอเกม การขายเฟรนไชส์ให้กับ Saban เพื่อนำไปสร้างเป็น Power Rangers Series ความเฟื่องฟูของวงการเซนไทจึงกลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมในปี 1996 ในปีนั้นได้มีกลุ่ม "โอมชินริเกียว" ที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมการปล่อยสารพิษซาริน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สิ่งที่จะเยียวยาจิตใจก็คงหนีไม่พ้นสื่อบันเทิงต่าง ๆ และหวยก็ดันมาออกมา "โชริกิเซนไท โอเรนเจอร์" พอดิบพอดี เดิมทีโอเรนเจอร์นั้นจะมีพล็อตที่หนัก ดราม่า และเป็นจริงเป็นจังมากกว่าเซนไทเรื่องที่ผ่าน ๆ มา แต่ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว ทีมเขียนบทจึงต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่เสียหมด และทำให้โอเรนเจอร์เป็นเซนไทสำหรับเด็กไปในพริบตา ... และจากโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า ก็ทำให้เซนไทเรื่องต่อมาฮาขี้แตกแบบไม่เกรงใจคนดูอย่าง "เกคิโซวเซนไท คาร์เรนเจอร์" ถือกำเนิดขึ้นมา ------------------------------------------------------ วันอาทิตย์ 07.30 น. "เดนจิเซนไท เมก้าเรนเจอร์" ฉายไปได้ 7 ตอนก็ต้องย้ายเวลาจากวันศุกร์ไปเป็นวันอาทิตย์ สลับกับเมทัลฮีโร่ที่เข้าสู่ช่วงปลายในตอนนั้น มิหนำซ้ำการย้ายเวลาในครั้งนี้ก็ยังทำให้ช่วงเวลาของเซนไทนั้นขยายออกไปเป็น 20 นาที+ (จากเดิมหักออกทุกอย่างแล้วเหลือ 17 นาทีกว่า ๆ) นั่นก็เป็นเพราะการเข้ามาของสปอนเซอร์หน้าใหม่ ๆ และการหดหายไปของเมทัลฮีโร่ รวมไปถึงฮีโร่ในค่ายอื่น ๆ ที่ทยอย ๆ หายไปตามกาลเวลา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ถูกบรรจุเข้าไปใน "Super Heroes Time" ที่รวมเอาคาเมนไรเดอร์และซุปเปอร์เซนไทเข้าไปในช่วงเดียวกัน และยึดช่วงเวลา 07.30 น. - 08.30 น. มาตลอด แม้ว่าเรทติ้งจะขึ้น ๆ ลง ๆ แต่แบรนด์ของซุปเปอร์เซนไทนั้นถือว่ายังคงมีความเป็นอมตะ และมีความ Cult ในตัวเองสูง ว่ากันว่าถ้าหากโตเอะจะเลิกทำซีรี่ย์ใดซีรี่ย์หนึ่งระหว่างคาเมนไรเดอร์และซุปเปอร์เซนไท ... โตเอะกล้าที่จะหยุดทำคาเมนไรเดอร์ครับ (อ้างอิงจากฮิบิคิ ที่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะให้เป็นคาเมนไรเดอร์แม้แต่น้อย ทว่าปัจจุบันคงยากแล้วครับ เพราะสองแบรนด์นี้เป็นจุดขายหลักไปแล้ว) เอาเป็นว่าติดตามกันต่อไปครับว่าความนิยมที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ จะทำให้ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ต้องถูกย้ายเวลาไปช่วงอื่นอีกหรือไม่ พวกเราก็เฝ้ารอกันต่อไปครับผม ...
Super Sentai กับเวลาฉายที่เปลี่ยนแปลง
Super Sentai Series หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อของ "ขบวนการ 5 สี" ที่คุ้นตาพวกเรามานาน
แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 37 ปีของการสร้างนั้น ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์เคยถูกย้ายเวลาฉายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ด้วยเหตุผลทางด้านเรทติ้ง การเข้าถึงผู้ชม รวมไปถึงความนิยมของผู้ชมในแต่ละยุคนั้น ต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกเวลาที่จะออกฉายด้วยกันทั้งสิ้น
เรามาดูกันครับว่าขบวนการแปลงร่างในแต่ละยุคสมัยนั้น มีเวลาการออกฉายในช่วงเวลาไหนกันบ้าง
------------------------------------------
วันเสาร์ 19.30 น.
5 เมษายน 1975 ถึง 24 ธันวาคม 1977 "ฮิมิทสึเซนไท โกเรนเจอร์" หรือขบวนการห้าพิฆาต ก็เข้ายึดช่วงเวลานี้ไปได้เกือบ ๆ 2 ปีด้วยกัน
ในยุคนั้นการฉายเซนไทในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงไพร์มไทม์ (เวลาที่มีคนอยู่หน้าจอทีวีมากที่สุด) และว่ากันว่าเมื่อตอนที่โกเรนเจอร์ออกฉายใหม่ ๆ ซีรี่ย์นี้ก็สามารถออกมาถล่มรายการอื่น ๆ จนกอบโกยเรทติ้งได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งแม้ว่าในปีนั้นจะมีคาเมนไรเดอร์สตรองเกอร์ออกฉายอยู่แล้วก็ตามที
มิหนำซ้ำคาเมนไรเดอร์สตรองเกอร์ยังถูกโยกไปฉายในช่อง MBS แทนที่จะเป็น NET (ชื่อเก่าของ TV Asahi) แถมยังดันขึ้นไปฉายก่อนหน้าถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยเหตุผลเพราะความนิยมที่ลดลงนั่นเอง ซึ่งตามแผนเดิมนั้นสตรองเกอร์จะมีจำนวนฉายทั้งสิ้น 52 ตอน แต่ด้วยความนิยมที่หดหาย ทำให้โดนลดลงไปเหลือเพียง 39 ตอนเท่านั้น
อาจจะพูดกลาย ๆ ได้ว่าการเข้ามาของซุปเปอร์เซนไท ทำให้ฝั่งคาเมนไรเดอร์ต้องหยุดสร้างเพื่อไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติมอีก 4 ปี ก่อนที่ในปี 1979 "สกายไรเดอร์" (นิวคาเมนไรเดอร์) จะถือกำเนิดขึ้นมา
กลับมาที่โกเรนเจอร์กันต่อ ส่วนหนึ่งของความนิยมที่ล้นหลามนี้อาจจะมาจากราคาของทีวีสีที่ลดลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้มาขึ้น ทางผู้สร้างเองก็สามารถสร้างซีรี่ย์ที่มีคาแรคเตอร์สีสันสดใสออกมาป้อนสู่ตลาด ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นความแปลกให่ให้กับผู้ชมในยุคนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย (ถ้าเทียบกับตอนนี้ คงหนีไม่พ้นระบบ 3 มิติแหง ๆ)
ยิ่งในสมัยนั้นมีระบบการรีรัน นำซีรี่ย์นั้น ๆ กลับมาฉายซ้ำอีกรอบก็ยิ่งเพิ่มความนิยมให้มากขึ้นไปอีก แต่ความนิยมนั้นกลับมาลดฮวบอย่างน่าใจหายในยุคของขบวนการ "JAKQ"
เนื่องด้วยเป็นซีรี่ย์ที่เน้นหนักไปในเรื่องการสืบสวนสอบสวน และมีโทนที่ค่อนข้างไปในทางดราม่ามากเกินกว่าที่จะให้เด็กดูได้
ซีรี่ย์นี้เลยต้องเอวังด้วยจำนวนตอนทั้งสิ้น 39 ตอนด้วยกัน ... และถือว่าเป็นการปิดฉากตำนานเซนไทในบทแรกไปโดยปริยาย
----------------------------------------
วันเสาร์ 18.00 น.
หลังจากกลับไปคิดมุกใหม่ถึง 2 ปี และได้เพื่อนใหม่อย่าง Marvel Studio เป็นพันธมิตรในการสร้าง "แบทเทิ่ลฟีเวอร์ J" จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1979 ด้วยความผิดพลาดจากขบวนการ JAKQ ที่เป็นบทเรียนให้กับโตเอะเป็นอย่างดี การกลับมาในครั้งนี้ของโตเอะจึงต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
สืบเนื่องจากกระแสซุปเปอร์โรบอทที่กำลังมารุ่งพุ่งแรงในตอนนั้น ทำให้ขบวนการนักสู้นานาชาติมี "หุ่นรบ" ขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนซะที
เคยมีคนว่ากันว่าซีรี่ย์ซุปเปอร์โรบอทสามเรื่องที่มาแรงพอ ๆ กับละครช่องสามในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น "คอมแบทเลอร์ V" / "โชวเด็นชิ แมชชีน โวลเตส V" และ "โทโชว ไดมอส" พันธุกรรมของหุ่นยักษ์เลยกระเด็นหลุดมาทางฝั่งซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์แบบไม่น่าแปลกใจนัก
เวลาฉายในช่วงนี้ถูกสืบเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี (1979 - 1988) แม้จะมีบางซีรี่ย์ที่ทำเรทติ้งได้ไม่ค่อยดี
แต่ก็ถือว่าไม่ได้ลดลงแบบน่าเกลียดเหมือนกับ JAKQ และไม่มีการตัดจำนวนตอนทิ้งแต่อย่างใด ทว่าปัญหาใหญ่ที่พบในตอนนั้นก็มีแค่ ... งบประมาณ
วิกฤติสปอนเซอร์ ..
หลายคนที่ชอบสังเกต จะดูออกว่าเซนไทมีเนื้อหาจริง ๆ หลังตัดเอาเพลง OP - ED ออกไปแล้วราว ๆ 25 นาที
(จากเวลาฉาย 30 นาที / หั่นเพลงเปิด-ปิดออกไป 3 นาทีนิด ๆ / และโฆษณา 2 นาที = เหลือราว ๆ 25 นาที)
แต่ทว่าเคยมีช่วงวิกฤติของเซนไทในยุคของ "คางาคุเซนไท ไดน่าแมน" ซึ่งยุคนั้นโตเอะประกาศขายโฆษณายาว 5 - 7 นาทีเลยทีเดียว
ทำให้เซนไทซีรี่ย์ในช่วงนั้นมีเวลาฉษยต่อ 1 ตอนจริง ๆ แค่ 17 นาทีเท่านั้น
ด้วยวิกฤติดังกล่าวก็ทำให้ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ต้องพบกับจุดตกต่ำอีกครั้ง ทีมงานเลยปิ้งไอเดียใหม่ขึ้นมาด้วยการ ... เพิ่มจำนวนสาว ๆ ในทีมซะงั้น!
"โชวเดนชิ ไบโอแมน" คือเซนไทที่ไม่มีคำว่าเซนไทอยู่ในชื่อ เหตุผลหนึ่งก็เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม
และเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยการเพิ่มจำนวนสมาชิกสาว ๆ ในทีมให้เป็น 2 คน แทนที่จะมีสวยสุดแค่คนเดียวในทีมเหมือนที่ผ่าน ๆ มา
(แต่ก็เจอเคราะห์ซ้ำนิดหน่อยในเรื่องของนักแสดงที่ออกไปกลางคัน จนต้องวุ่นหานักแสดงใหม่กันอีก ตรงนี้เดี๋ยวไปว่ากันอีกทีครับ)
ทางโตเอะได้พัฒนาบทของเซนไทในยุคนี้ให้มีความซอฟท์ลง รวมไปถึงเน้นหนักไปในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมที่เข้าถึงง่ายให้มากขึ้น
และยังสร้างตัวร้ายอมตะนิรันดร์กาลขึ้นมาตัวนึงอย่าง "ไบโอฮันเตอร์ซิลเวอร์" เพื่อดึงกระแสผู้ชมแบบเต็ม ๆ
แม้จะทำเรทติ้งได้ไม่ค่อยดี แต่ก็สามารถประคับประคองตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้ จนกระทั่งหวยมาถูกที่ "เดงเงคิเซนไท เชนจ์แมน" นั่นล่ะครับ
ที่สามารถทำให้ยอดของเล่นขายดีจนถล่มทลาย แถมขาดตลาดจนพ่อแม่ต้องมาจองของเล่นข้ามเดือนกันเลยทีเดียว
จากการที่โตเอะสามารถทำให้แบรนด์ของซุปเปอร์เซนไทฮอทฮิตติดลมบนไปแล้ว ความกล้าที่จะเสี่ยงของโตเอะจึงได้เริ่มอีกครั้ง
ด้วยการทุ่มทุนสร้าง "โชวจูวเซนไท ไลฟ์แมน" มาเปิดศักราชใหม่ของวงการเซนไท ด้วยไอดอลที่เรียกได้ว่าโคตรจะดังในตอนนั้น
อย่างการดึงเอา "เมงูมิ โมริ" กับ "ไดสุเกะ ชิม่า" รายแรกเป็นไอดอลสาวที่ดังสุด ๆ ณ ยุคนั้น ส่วนรายหลังเป็นนักร้องขวัญใจมหาชนระดับท็อปเท็น
ไม่นับรายละเอียดปลีกย่อยที่ปรากฏภายในเรื่อง จนเรียกได้ว่าเป็นเซนไทที่ค่อนข้างจะลงทุนสูงมากในสมัยนั้น
ความเสี่ยงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แม้ว่าในแง่ของการตลาดเรื่อง "หุ่นรบสัตว์" ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกจะขายดีเป็นพลุแตก
แต่ในแง่ของเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปด้วยนักแสดงหลักเพียงสามคนก็ถือว่ายังน้อยนิดอยู่ แม้จะเพิ่มสมาชิกเข้าไปอีก 2 คนในภายหลัง
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แฟน ๆ เซนไทจดจำซักเท่าไหร่ (สาระเลยนะ ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าขบวนการนี้มี 5 คน)
--------------------------------------------
วันศุกร์ 17.30 น.
"โควโซคุเซนไท เทอร์โบเรนเจอร์" เป็นซีรี่ย์ที่ถูกย้ายเวลาเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์วงการเซนไท
แถมยังย้ายกลางอากาศอีกต่างหาก เพราะย้ายมาฉายจากวันเสาร์ไปเป็นวันศุกร์ในช่วงตอนที่ 31 - 32
ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าเด็ก ๆ ได้ดูซีรี่ย์ในวันศุกร์แล้ว วันเสาร์พ่อแม่จะพาไปซื้อของเล่นได้ .... คิดได้ไง!
แต่การย้ายเวลาเพื่อเพิ่มยอดขาย กลับทำให้เรทติ้งทางทีวีลดต่ำลงไปจาก 8% ไปอยู่ที่ 7.6% แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
หลาย ๆ คนมองว่าอาจจะเป็นพล็อตแนวใหม่ที่นำเอาแฟนตาซี + เทคโนโลยีก็เป็นได้ (เซนไที่ผ่าน ๆ มาเป็นเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ล้วนครับ)
แต่ผลจากการใช้ทีมงานเขียนบทเดิม ๆ มุกเดิม ๆ ก็ส่งผลให้เรทติ้งมาเลวร้ายที่สุดเอาใน "ชิคิวเซนไท ไฟว์แมน"
ที่ทำสถิติเรทติ้งในตอนที่ 26 ตกต่ำที่สุดที่ 1.8% แม้ว่ายอดขายของเล่นจะตอบโจทย์การตลาดได้ แต่การที่เรทติ้งตกต่ำ ก็มีผลต่อสปอนเซอร์เองเช่นเดียวกัน ไฟว์แมนพาตัวเองมาจบได้ที่ 48 ตอนพร้อมกับความนิยมแบบทุลักทุเล และในปีต่อมาความหรรษาของเซนไทจึงบังเกิดขึ้นใน "โชวจินเซนไท เจ็ทแมน"
เจ็ทแมนถือว่าเป็นเซนไทที่มีความหลากหลายสูงสุดในบรรดาซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ทั้งหมด
แม้จะดูยากเกินไปสำหรับเด็ก ๆ แต่ก็ทำเรทติ้งได้ดีกว่าไฟว์แมนอยู่หลายขุม และในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นยุคที่มีการแตกไลน์ทางการตลาดมากที่สุดยุคหนึ่งเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์วิดีโอเกม การขายเฟรนไชส์ให้กับ Saban เพื่อนำไปสร้างเป็น Power Rangers Series
ความเฟื่องฟูของวงการเซนไทจึงกลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมในปี 1996
ในปีนั้นได้มีกลุ่ม "โอมชินริเกียว" ที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมการปล่อยสารพิษซาริน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่จะเยียวยาจิตใจก็คงหนีไม่พ้นสื่อบันเทิงต่าง ๆ และหวยก็ดันมาออกมา "โชริกิเซนไท โอเรนเจอร์" พอดิบพอดี
เดิมทีโอเรนเจอร์นั้นจะมีพล็อตที่หนัก ดราม่า และเป็นจริงเป็นจังมากกว่าเซนไทเรื่องที่ผ่าน ๆ มา แต่ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าว
ทีมเขียนบทจึงต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่เสียหมด และทำให้โอเรนเจอร์เป็นเซนไทสำหรับเด็กไปในพริบตา ...
และจากโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า ก็ทำให้เซนไทเรื่องต่อมาฮาขี้แตกแบบไม่เกรงใจคนดูอย่าง "เกคิโซวเซนไท คาร์เรนเจอร์" ถือกำเนิดขึ้นมา
------------------------------------------------------
วันอาทิตย์ 07.30 น.
"เดนจิเซนไท เมก้าเรนเจอร์" ฉายไปได้ 7 ตอนก็ต้องย้ายเวลาจากวันศุกร์ไปเป็นวันอาทิตย์ สลับกับเมทัลฮีโร่ที่เข้าสู่ช่วงปลายในตอนนั้น
มิหนำซ้ำการย้ายเวลาในครั้งนี้ก็ยังทำให้ช่วงเวลาของเซนไทนั้นขยายออกไปเป็น 20 นาที+ (จากเดิมหักออกทุกอย่างแล้วเหลือ 17 นาทีกว่า ๆ)
นั่นก็เป็นเพราะการเข้ามาของสปอนเซอร์หน้าใหม่ ๆ และการหดหายไปของเมทัลฮีโร่ รวมไปถึงฮีโร่ในค่ายอื่น ๆ ที่ทยอย ๆ หายไปตามกาลเวลา
จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ถูกบรรจุเข้าไปใน "Super Heroes Time" ที่รวมเอาคาเมนไรเดอร์และซุปเปอร์เซนไทเข้าไปในช่วงเดียวกัน
และยึดช่วงเวลา 07.30 น. - 08.30 น. มาตลอด แม้ว่าเรทติ้งจะขึ้น ๆ ลง ๆ แต่แบรนด์ของซุปเปอร์เซนไทนั้นถือว่ายังคงมีความเป็นอมตะ และมีความ Cult ในตัวเองสูง ว่ากันว่าถ้าหากโตเอะจะเลิกทำซีรี่ย์ใดซีรี่ย์หนึ่งระหว่างคาเมนไรเดอร์และซุปเปอร์เซนไท ... โตเอะกล้าที่จะหยุดทำคาเมนไรเดอร์ครับ (อ้างอิงจากฮิบิคิ ที่ตอนนั้นไม่ได้คิดจะให้เป็นคาเมนไรเดอร์แม้แต่น้อย ทว่าปัจจุบันคงยากแล้วครับ เพราะสองแบรนด์นี้เป็นจุดขายหลักไปแล้ว)
เอาเป็นว่าติดตามกันต่อไปครับว่าความนิยมที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ จะทำให้ซุปเปอร์เซนไทซีรี่ย์ต้องถูกย้ายเวลาไปช่วงอื่นอีกหรือไม่
พวกเราก็เฝ้ารอกันต่อไปครับผม ...
ที่มา : http://www.j-hero.com/boardnew/index.php/topic/763-super-sentai-anacaaooaoeaaaoeaaaa/