ถึง ละครสุดสายป่าน
เกริ่นก่อนว่าตัวเราชื่นชอบวิวเป็นการส่วนตัวเลยตั้งใจดูเรื่องนี้เพราะวิวและเพราะฟอร์มละครที่ดูน่าสนใจ ประกอบกับค่อนข้างชอบละครพีเรียดของ Exact หลายๆเรื่อง
ในตอนแรกความสัมพันธ์ระหว่างกานดามณีกับฐิติเมื่อตอนพบกันที่ประจวบดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว เพื่อตัดไปที่ช่วงเวลาที่ฐิติได้พบกับกานดาวสีที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นคนเดียวกับที่ประจวบ ทำให้คนดูหลายๆคนบ่นว่าดูฐิจิยังไม่รักลึกซึ้งกับกานดามณีพอ
แต่เมื่อดูต่อๆไปก็จะเห็นอาการปักใจในรักครั้งแรกนั้นในตัวฐิติอยู่เรื่อยๆเวลาได้พบและมีปากเสียงกับกานดาวสีตัวจริง ดำเนินเรื่องไปพร้อมๆกับความรักที่เกิดขึ้นในใจของทั้งฐิติและกานดาวสี
ซึ่งฝั่งฐิติปักใจเชื่อว่าเป็นกานดาวสีที่ตัวเองเคยรักและตั้งใจแต่งงานด้วยที่ประจวบ ส่วนกานดาวสีก็หลงรักในความรักมั่นคงของฐิติ รักไปพร้อมกับความเจ็บปวดในใจว่าคนที่เขารักไม่ใช่เราแต่เป็นอีกคนที่หน้าเหมือนเราและใช้ชื่อเหมือนเรา
เมื่อมีเหตุให้ต้องแต่งงานกันก็ใช่ว่าจะราบรื่น ช่วงนี้เป็นการสอนเรื่องชีวิตคู่ไปด้วยในตัวว่าการแต่งงานมันไม่ใช่ตอนจบเสมอไปแต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ในชีวิตคู่
ยอมรับว่าชอบบทที่ซับซ้อนไปมาของเรื่องนี้ ถึงแม้ตอนแรกๆอาจดูเหมือนแค่ละครขายความแรงขายความแซ่บของบท แต่ที่จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น
ที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวว่าทำไมคนนั้นถึงเป็นแบบนั้น ทำไมคนนี้ถึงเป็นแบบนี้ เหตุการณ์ที่พลิกไปมาตลอดก็คือเสน่ห์ของค่ายนี้เช่นกัน
ขอยกกานดามณีกับกานดาวสี
กานดาวสี เป็นคนที่โตมาพร้อมกับความเพียบพร้อมทั้งฐานะและครอบครัว(ไม่สมบูรณ์เป๊ะแต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไร) กานดาวสีโตมาแบบคนมองโลกในแง่ดี
หลายคนอาจมองว่ากานดาวสีทำตัวนางเอ๊กกกก นางเอก โดนเค้าทำร้ายสารพัดก็ยอม แต่จริงๆมีหลายฉากนะที่กานดาวสีก็มีแง่มุมแข็งๆใส่คนอื่น
กานดามณี เป็นคนที่เติบโตมาแบบปากกัดตีนถีบ มองโลกในแง่ร้าย ยิ่งเมื่อโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองมีพี่สาวฝาแฝดแต่คนพี่กลับอยู่ดีกินดี เรียนเมืองนอกเมืองนา เทียบกับตัวเองแล้วมันฟ้ากับเหวชัดๆ
จึงทำให้กานดามณีเคียดแค้นชิงชังในตัวพี่สาวกับพ่อมากที่ทิ้งตัวเองไปโดยไม่ได้รับรู้ความจริงว่าเกิดจากอะไร และที่จริงแล้วพ่อของเธอต้องการรับเธอไปเลี้ยง ไม่ได้อยากทิ้งไว้กับแม่
แต่จริงๆกานดามณีก็มีมุมน่ารักๆฮาๆให้คนดูได้หลงรักเธอเหมือนกัน (แต่ก็รักไม่ลงก็ตรงที่เธอฆ่าคนซะเกลี้ยง 555+) ก่อนจะจบตัวละครตัวนี้ด้วยการทำให้คนดูสงสารเธอไปด้วยได้
** จะพูดแยกรายละเอียดสองตัวละครอีกทีในโพสถัดไป
ในเรื่องของการแสดง เรื่องนี้ทำให้ทุกคนอึ้งและทึ่งในฝีมือของวิว วรรณรทอย่างมาก ฉากแรกๆคนดูก็ชื่นชมกันพอประมาณที่เล่นได้ต่าง แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงฉากที่กานดามณีปลอมเป็นกานดาวสีเพื่อเข้าไปฆ่าวสันต์แล้วโยนความผิดให้กานดาวสี
วิวยิ่งเปล่งพลังทางการแสดงออกมาให้ทุกคนเห็น จนเป็นเหตุให้คนพูดถึงฉากนี้กันมากที่วิวสามารถเล่นแฝดซ้อนแฝดได้แบบไม่มีหลุดบุคลิกเลย วันถัดมาเลยทำเอาเรตติ้งสุดสายป่านพุ่งเกินความคาดหมาย
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทีมงานยังจัดให้วิวต้องแสดงซีนอารมณ์ของแฝดปะทะแฝดมาอีกชนิดคนดูแทบไม่ได้หายใจหายคอ แล้วยังมีฉากที่วิวต้องเล่นแฝดซ้อนแฝดอีกหลังจากนั้น แถมยังต้องเล่นยาวกว่าครั้งแรก
วิวสามารถเล่นเป็นกานดามณีที่ต้องเป็นกานดาวสีโดยที่คนดูจะมองออกด้วยบุคลิกที่แตกต่างว่า เฮ้ย คนนี้ไม่น่าใช่กานดาวสีแต่เป็นกานดามณีแอ๊บเรียบร้อย ค่อยๆพูด
โดยที่วิวไม่เล่นให้เป็นกานดาวสีไปเลย แต่เป็นกานดามณีที่แอ๊บเป็นกานดาวสี(เข้าใจกันปะ พูดอาจดูงงนะ 555+) เพราะคนดูจะเห็นว่าวิวแต่งตัวด้วยชุดกานดาวสี ทำผมแบบกานดาวสี "พยายาม"แอ๊บแบบกานดาวสี
แต่ท่าทางการเดิน บุคลิกภาพ สายตาเวลามองคน รอยยิ้มที่ดูแล้วมากกว่าปกติของกานดาวสี น้ำเสียงที่ฉะฉานชัดเจนทำให้มองออกว่านี่ไม่ใช่กานดาวสี แต่เป็นกานดามณี ฉากแฝดซ้อนแฝดวิวทำได้ดีมาก
เรื่องนี้เลยทำให้คำที่วิวเคยโดนปรามาสไว้ถูกลบไปด้วยฝีมือทางการแสดงของวิวและการกำกับที่เข้มข้นของผู้กำกับและครูแอ๊คติ้งที่คุมวิวได้อยู่หมัด
เรื่องนี้วิวสามารถบอกตัวเองว่าเป็น
"นักแสดง" ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
กานดาวสีและกานดามณีไม่ใช่แค่ตัวละครที่ต่างกันเพราะการแต่งหน้าแต่งตัว แต่ทั้งสองแตกต่างกันมาจากข้างใน สีหน้า แววตา รอยยิ้ม วิธีการพูดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่ละครฝาแฝดมักมองข้ามและไม่ลึกซึ้งพอก็คือเรื่องของน้ำเสียง เพราะต่อให้แฝดเหมือนกันแค่ไหน เสียงก็ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่สองพี่น้องเติบโตมากันคนละแบบ นิสัยคนละอย่าง บุคลิกต่างกันคนละขั้ว
กานดาวสีเป็นคนที่อ่อนโยน มองโลกในแง่ดี เวลาพูดจะค่อยๆพูดค่อยๆจา น้ำเสียงจะออมๆไว้ ฟังสบายหู
กานดามณีเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง พูดจาฉะฉาน และพร้อมจะแว้ดใส่คนที่ขัดใจ น้ำเสียงจะค่อนข้างชัดเจนเวลาฟัง
ซึ่งพอได้ดูในเบื้องหลังสุดสายป่านในรายการเรื่องของเรื่อง (มี 2 เทป แนะนำให้ดูแล้วจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นจากในละครอีก)วิวก็พูดถึงประเด็นนี้ว่าเป็นความตั้งใจจริงๆว่าต้องให้เสียงของทั้งสองคนต่างกัน
ดูแล้วยิ่งชื่นชมว่าการทำงานของเค้าค่อนข้างละเอียดทีเดียว แม้แต่กับเรื่องน้ำเสียงที่หลายคนมักมองข้ามเวลาทำละคร และตัววิวเองเวลาแสดงก็สามารถแยกได้เด็ดขาดจนเป็นผลให้งานออกมาแล้วคนดูรับรู้สิ่งๆนั้นได้
ฐิติ บทนี้ทำให้เราเปลี่ยนจากไม่ชอบตูมตามเอาซะเลย แต่ตอนแรกที่รู้ข่าวก็เกือบจะไม่ดูสุดสายป่านเสียแล้วด้วยซ้ำเพราะตูมตามแสดง
**ขอยกไปเล่าในโพสต่อไปเช่นกัน ^^
พูดถึงเพลงสักหน่อย ในตอนแรกมีคนบ่นกันพอสมควรว่าเอาเพลงแบงค์แคชมาประกอบพีเรียดมันไม่เข้าเลยอะ (มันไม่ใช่อะกิ๊บบบบบ) แต่ฟังไปฟังมา เพลงนี้มันวนอยู่ในหัวเรียบร้อย ><
เวลานึกถึงเรื่องนี้ เพลงนี้ลอยมาทันที เราว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องนะ เรื่องนี้ไม่ได้เน้นพีเรียดแบบไท๊ยยไทย แต่เป็นเรื่องของความรักที่ต้องแย่งชิง ความรักในความทรงจำ ซึ่งเพลงนี้พอฟังๆไปมันก็เข้ากับเรื่องดี
ตอนจบ บางคนอาจชอบความซาดิสต์ อยากเห็นการตายอย่างสาสมของกานดามณี แต่ถ้าคิดตามดีๆเราว่าการจบแบบนี้คือการจบที่สมบูรณ์แบบ
กานดามณีดึงดันที่จะเดินมาจนสุดสายป่านแห่งชีวิต เมื่อรู้ตัวว่ากลับไม่ได้แล้วก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยวิถีของคนใจเด็ดอย่างกานดามณี
และที่สำคัญที่ละครต้องการสื่อ ก่อนตายกานดามณีก็ได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการและไขว่คว้ามาตลอดไม่ใช่เงินทองใดๆแต่เป็นความรักจากคนรอบตัวที่กานดามณีเคยได้รับเมื่อตอนสวมรอยเป็นกานดาวสี
ถ้ากานดามณีไม่ได้ทำตัวเลวร้ายขนาดนี้เราว่ากานดามณีคงเป็นน้องสาวที่น่ารักและสดใสของกานดาวสีอย่างแน่นอน
บทส่งท้าย สุดสายป่าน อีกหนึ่งละครที่เข้าไปอยู่ในใจหลายๆคนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เกริ่นก่อนว่าตัวเราชื่นชอบวิวเป็นการส่วนตัวเลยตั้งใจดูเรื่องนี้เพราะวิวและเพราะฟอร์มละครที่ดูน่าสนใจ ประกอบกับค่อนข้างชอบละครพีเรียดของ Exact หลายๆเรื่อง
ในตอนแรกความสัมพันธ์ระหว่างกานดามณีกับฐิติเมื่อตอนพบกันที่ประจวบดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว เพื่อตัดไปที่ช่วงเวลาที่ฐิติได้พบกับกานดาวสีที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นคนเดียวกับที่ประจวบ ทำให้คนดูหลายๆคนบ่นว่าดูฐิจิยังไม่รักลึกซึ้งกับกานดามณีพอ
แต่เมื่อดูต่อๆไปก็จะเห็นอาการปักใจในรักครั้งแรกนั้นในตัวฐิติอยู่เรื่อยๆเวลาได้พบและมีปากเสียงกับกานดาวสีตัวจริง ดำเนินเรื่องไปพร้อมๆกับความรักที่เกิดขึ้นในใจของทั้งฐิติและกานดาวสี
ซึ่งฝั่งฐิติปักใจเชื่อว่าเป็นกานดาวสีที่ตัวเองเคยรักและตั้งใจแต่งงานด้วยที่ประจวบ ส่วนกานดาวสีก็หลงรักในความรักมั่นคงของฐิติ รักไปพร้อมกับความเจ็บปวดในใจว่าคนที่เขารักไม่ใช่เราแต่เป็นอีกคนที่หน้าเหมือนเราและใช้ชื่อเหมือนเรา
เมื่อมีเหตุให้ต้องแต่งงานกันก็ใช่ว่าจะราบรื่น ช่วงนี้เป็นการสอนเรื่องชีวิตคู่ไปด้วยในตัวว่าการแต่งงานมันไม่ใช่ตอนจบเสมอไปแต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ในชีวิตคู่
ยอมรับว่าชอบบทที่ซับซ้อนไปมาของเรื่องนี้ ถึงแม้ตอนแรกๆอาจดูเหมือนแค่ละครขายความแรงขายความแซ่บของบท แต่ที่จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น
ที่มาที่ไปของตัวละครแต่ละตัวว่าทำไมคนนั้นถึงเป็นแบบนั้น ทำไมคนนี้ถึงเป็นแบบนี้ เหตุการณ์ที่พลิกไปมาตลอดก็คือเสน่ห์ของค่ายนี้เช่นกัน
ขอยกกานดามณีกับกานดาวสี
กานดาวสี เป็นคนที่โตมาพร้อมกับความเพียบพร้อมทั้งฐานะและครอบครัว(ไม่สมบูรณ์เป๊ะแต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไร) กานดาวสีโตมาแบบคนมองโลกในแง่ดี
หลายคนอาจมองว่ากานดาวสีทำตัวนางเอ๊กกกก นางเอก โดนเค้าทำร้ายสารพัดก็ยอม แต่จริงๆมีหลายฉากนะที่กานดาวสีก็มีแง่มุมแข็งๆใส่คนอื่น
กานดามณี เป็นคนที่เติบโตมาแบบปากกัดตีนถีบ มองโลกในแง่ร้าย ยิ่งเมื่อโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองมีพี่สาวฝาแฝดแต่คนพี่กลับอยู่ดีกินดี เรียนเมืองนอกเมืองนา เทียบกับตัวเองแล้วมันฟ้ากับเหวชัดๆ
จึงทำให้กานดามณีเคียดแค้นชิงชังในตัวพี่สาวกับพ่อมากที่ทิ้งตัวเองไปโดยไม่ได้รับรู้ความจริงว่าเกิดจากอะไร และที่จริงแล้วพ่อของเธอต้องการรับเธอไปเลี้ยง ไม่ได้อยากทิ้งไว้กับแม่
แต่จริงๆกานดามณีก็มีมุมน่ารักๆฮาๆให้คนดูได้หลงรักเธอเหมือนกัน (แต่ก็รักไม่ลงก็ตรงที่เธอฆ่าคนซะเกลี้ยง 555+) ก่อนจะจบตัวละครตัวนี้ด้วยการทำให้คนดูสงสารเธอไปด้วยได้
** จะพูดแยกรายละเอียดสองตัวละครอีกทีในโพสถัดไป
ในเรื่องของการแสดง เรื่องนี้ทำให้ทุกคนอึ้งและทึ่งในฝีมือของวิว วรรณรทอย่างมาก ฉากแรกๆคนดูก็ชื่นชมกันพอประมาณที่เล่นได้ต่าง แต่เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงฉากที่กานดามณีปลอมเป็นกานดาวสีเพื่อเข้าไปฆ่าวสันต์แล้วโยนความผิดให้กานดาวสี
วิวยิ่งเปล่งพลังทางการแสดงออกมาให้ทุกคนเห็น จนเป็นเหตุให้คนพูดถึงฉากนี้กันมากที่วิวสามารถเล่นแฝดซ้อนแฝดได้แบบไม่มีหลุดบุคลิกเลย วันถัดมาเลยทำเอาเรตติ้งสุดสายป่านพุ่งเกินความคาดหมาย
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทีมงานยังจัดให้วิวต้องแสดงซีนอารมณ์ของแฝดปะทะแฝดมาอีกชนิดคนดูแทบไม่ได้หายใจหายคอ แล้วยังมีฉากที่วิวต้องเล่นแฝดซ้อนแฝดอีกหลังจากนั้น แถมยังต้องเล่นยาวกว่าครั้งแรก
วิวสามารถเล่นเป็นกานดามณีที่ต้องเป็นกานดาวสีโดยที่คนดูจะมองออกด้วยบุคลิกที่แตกต่างว่า เฮ้ย คนนี้ไม่น่าใช่กานดาวสีแต่เป็นกานดามณีแอ๊บเรียบร้อย ค่อยๆพูด
โดยที่วิวไม่เล่นให้เป็นกานดาวสีไปเลย แต่เป็นกานดามณีที่แอ๊บเป็นกานดาวสี(เข้าใจกันปะ พูดอาจดูงงนะ 555+) เพราะคนดูจะเห็นว่าวิวแต่งตัวด้วยชุดกานดาวสี ทำผมแบบกานดาวสี "พยายาม"แอ๊บแบบกานดาวสี
แต่ท่าทางการเดิน บุคลิกภาพ สายตาเวลามองคน รอยยิ้มที่ดูแล้วมากกว่าปกติของกานดาวสี น้ำเสียงที่ฉะฉานชัดเจนทำให้มองออกว่านี่ไม่ใช่กานดาวสี แต่เป็นกานดามณี ฉากแฝดซ้อนแฝดวิวทำได้ดีมาก
เรื่องนี้เลยทำให้คำที่วิวเคยโดนปรามาสไว้ถูกลบไปด้วยฝีมือทางการแสดงของวิวและการกำกับที่เข้มข้นของผู้กำกับและครูแอ๊คติ้งที่คุมวิวได้อยู่หมัด
เรื่องนี้วิวสามารถบอกตัวเองว่าเป็น "นักแสดง" ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
กานดาวสีและกานดามณีไม่ใช่แค่ตัวละครที่ต่างกันเพราะการแต่งหน้าแต่งตัว แต่ทั้งสองแตกต่างกันมาจากข้างใน สีหน้า แววตา รอยยิ้ม วิธีการพูดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่ละครฝาแฝดมักมองข้ามและไม่ลึกซึ้งพอก็คือเรื่องของน้ำเสียง เพราะต่อให้แฝดเหมือนกันแค่ไหน เสียงก็ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่สองพี่น้องเติบโตมากันคนละแบบ นิสัยคนละอย่าง บุคลิกต่างกันคนละขั้ว
กานดาวสีเป็นคนที่อ่อนโยน มองโลกในแง่ดี เวลาพูดจะค่อยๆพูดค่อยๆจา น้ำเสียงจะออมๆไว้ ฟังสบายหู
กานดามณีเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง พูดจาฉะฉาน และพร้อมจะแว้ดใส่คนที่ขัดใจ น้ำเสียงจะค่อนข้างชัดเจนเวลาฟัง
ซึ่งพอได้ดูในเบื้องหลังสุดสายป่านในรายการเรื่องของเรื่อง (มี 2 เทป แนะนำให้ดูแล้วจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้นจากในละครอีก)วิวก็พูดถึงประเด็นนี้ว่าเป็นความตั้งใจจริงๆว่าต้องให้เสียงของทั้งสองคนต่างกัน
ดูแล้วยิ่งชื่นชมว่าการทำงานของเค้าค่อนข้างละเอียดทีเดียว แม้แต่กับเรื่องน้ำเสียงที่หลายคนมักมองข้ามเวลาทำละคร และตัววิวเองเวลาแสดงก็สามารถแยกได้เด็ดขาดจนเป็นผลให้งานออกมาแล้วคนดูรับรู้สิ่งๆนั้นได้
ฐิติ บทนี้ทำให้เราเปลี่ยนจากไม่ชอบตูมตามเอาซะเลย แต่ตอนแรกที่รู้ข่าวก็เกือบจะไม่ดูสุดสายป่านเสียแล้วด้วยซ้ำเพราะตูมตามแสดง
**ขอยกไปเล่าในโพสต่อไปเช่นกัน ^^
พูดถึงเพลงสักหน่อย ในตอนแรกมีคนบ่นกันพอสมควรว่าเอาเพลงแบงค์แคชมาประกอบพีเรียดมันไม่เข้าเลยอะ (มันไม่ใช่อะกิ๊บบบบบ) แต่ฟังไปฟังมา เพลงนี้มันวนอยู่ในหัวเรียบร้อย ><
เวลานึกถึงเรื่องนี้ เพลงนี้ลอยมาทันที เราว่ามันเข้ากับเนื้อเรื่องนะ เรื่องนี้ไม่ได้เน้นพีเรียดแบบไท๊ยยไทย แต่เป็นเรื่องของความรักที่ต้องแย่งชิง ความรักในความทรงจำ ซึ่งเพลงนี้พอฟังๆไปมันก็เข้ากับเรื่องดี
ตอนจบ บางคนอาจชอบความซาดิสต์ อยากเห็นการตายอย่างสาสมของกานดามณี แต่ถ้าคิดตามดีๆเราว่าการจบแบบนี้คือการจบที่สมบูรณ์แบบ
กานดามณีดึงดันที่จะเดินมาจนสุดสายป่านแห่งชีวิต เมื่อรู้ตัวว่ากลับไม่ได้แล้วก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงด้วยวิถีของคนใจเด็ดอย่างกานดามณี
และที่สำคัญที่ละครต้องการสื่อ ก่อนตายกานดามณีก็ได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการและไขว่คว้ามาตลอดไม่ใช่เงินทองใดๆแต่เป็นความรักจากคนรอบตัวที่กานดามณีเคยได้รับเมื่อตอนสวมรอยเป็นกานดาวสี
ถ้ากานดามณีไม่ได้ทำตัวเลวร้ายขนาดนี้เราว่ากานดามณีคงเป็นน้องสาวที่น่ารักและสดใสของกานดาวสีอย่างแน่นอน