ผมเคยเถียงกับคนขายแอมเวย์ เรื่องยาสีฟันหลอดละ 280 บาท กับธรรมดา 79 บาท  เค้าบอกว่าแอมเวย์ไม่ต้องซื้อบ่อย งงเลย จริงๆ ผมก็บีบมันเท่ากันนะครับ

บางคนบอกการค้าขายของนักธุรกิจ เช่น CP Central ก็ไม่ต่างจากขายตรงที่ขายในกำไรที่เอาเปรียบ บริโภค ผมอยากบอกว่าต่างกันมากครับ

1.ค้าปลีก>>>>>> เราหรือคนอื่นๆสามารถคิดวิเคราะห์การซื้อของเราเองโดยเดินเข้าไปเลือกหยิบ เลือกซื้อโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อแบรนด์เดิมๆ สามารถเปลี่ยนตามความพอใจ หรือไม่ซื้อก็ได้ ในราคาสมเหตุสมผล

2. ขายตรง>>>>> เราไม่สามารถเลือกแบรนด์อื่นๆ ได้เลยหากเเพื่อนเราเค้ามาคุย ต้องยี่ห้อนี้เท่านั้น เช่นมาขาย สบู่ตราลิง โดยที่ตราเสืออาจดีกว่า แต่เมื่อเพื่อนหรือคนรู้จักเรามาขายตราลิง เราก็ต้องใช้ตราลิง รอบหน้าเราต้องใช้ของเดิมๆ หากราคาไม่สมเหตผล แม่ ก้อนเดียวจะอาบได้ 100 ปี เค้าจะทำลาย การแข่งขันในตลาด เกิดราคาที่ไม่สมดูล คนกำหนดราคาสามารถชี้นำ ทางเดียว

3. ขายตรง เราต้องไปแนะนำต่อ ซึ่ง เสียเวลา และประเทศไทยภาพลักษณ์จุดนี้ไม่ดี คุณอาจถูกมองเป็นคนอีกกลุ่ม คือมุ่งเน้นธุรกิจมากเกินไป

4. ซื้อสบู่ 7-11 เต็มที่ 10 นาที ซ์้อสบู่จากธุรกิจขายตรง 2-3 ชม ดีไม่ดีได้เครื่องกรองน้ำอีกตัว โดยที่เราต้องการแค่สบู่


สิ่งที่นักธุรกิจขายตรงชอบพูดกัน คือ ธุรกิจเรา คือ มรดก มันเป็นสินทรัพย์ ที่สร้างรายได้ ส่งต่อให้ครอบครัวมีความสุข มันเป็น PASSIVE INCOME หรือรายได้ที่เราไม่ต้องทำอะไรมันก็เข้ามาในกระเป๋า

แต่ธุรกิจขายตรงทุกรูปแบบ ทั้ง เครื่องสำอาง ยารักษาโรค วิตามิน เครื่องใช้ที่บอกดีแสนดี ดีต่อสขภาพ

ถูกคนฉลาดคิดขึ้นมาครับ

ธุรกิจ คืออะไร คือการซื้อถูก ขายแพง ราคาขาย-ต้นทุน ได้>>> กำไร

สิ่งที่นักธุรกิจฉลาดๆ ซึ่งหมายถึง บิลเกต เสี่ยเจริญ เสี่ยธนินทร์ เจ้าของเซ็นทรัล เจ้าของช่อง3 เทียม อยู่วิทยา เครือสหพัฒน์ พิบูล เฒ่าแก่น้อย บลาๆ เค้าคิดกัน คือ

เอาสินค้าไปป้อนให้ถึงมือผู้ซื้อ ถ้าไปส่งที่ห้องนอนคุณ ผมคิดว่าเค้าคงทำ โจทย์มีอยู่ว่าทำยังไงสินค้าจะถึงมือ

สมัยโบราณ อาศัยเอเย่นต์ในตลาด มีซาปั้วมาซื้อไปขายต่อ บริษัทสร้างโรงงานผลิตสินค้า แล้วขนส่งช่องทางต่างๆ อาจมีจุดพักสินค้า เพื่อกระจายๆ

เสี่ย CP หัวใส เข้าถึงธุรกิจค้าปลีก ไม่ต้องการง้อลูกค้าไปเสนอขายสินค้าตัวเอง ก็ สร้างร้านมันขึ้นมาเอง เช่น 7-11 24ชม LOTUS MAKRO

สหพัฒพิบูล เรียนแบบ สร้าง 108 Shop แต่สู้ศึกนี้ไม่ได้ เนื่องจากเสี่ย ธนินทร์ มีกุนซือ ที่ชาญฉลาด คุณ ก่อศักดิ์

สหพัฒน์ ไม่สู้ ในศึกที่เสียเปรียบสู้แล้วแพ้ มีแต่เสียกำลังคน จึงมีหน้าที่ขายสินค้าส่งให้ 7-11 win win

เสี่ยเจริญ เบียร์ช้างไม่ยอมน้อยหน้า ผลิตของมากมาย เทคโอเวอร์ ทั้ง OISHI เครืองดื่ม เช่น แปบซี่ เปลี่ยนมาเป็น EST ส่งขวดแก้วตีตลาดร้านกับข้าว แข่งกับ อิชิตัน

เฒ่าแก่น้อย วัยรุ่นพันล้าน ต้องการขายสาหร่าย ก็เอามาให้ 7-11 ขาย พร้อมโฆษณา

สรุป สินค้า 1 ตัว สมมุติขาย 50 บาท ต้นทุน 10 บาท 40 บาท จะถูกเปลี่ยนเป็น ค่าโฆษณา จ้าง ณเดช มาชูผลิตภัณฑ์ จ้างเจมส์จิ มาใส่กางเกงใน ยี่ห้อต่างๆ

40 บาท

จ่าย เจมสืจิ 5 บาท
จ่าย ให้ช่อง3 20 บาท
รายการแจกแถม 5 บาท

กำไร 10 บาท เข้าเจ้าของกิจการ ถ้าเป็นบริษัท มหาชน จะแจกผู้ถือหุ้น แบ่งๆ กัน

ส่วนขายตรง ผมยกตัวอย่าง ฮอร์โมนเร่งราก บางบริษัทขาย 230 บาท ต้นทุน 120 บาท ที่เหลือรายได้จิปาถะ

ถ้าเป็นขายตรง>>>>>>>>>> ขวดละ 1,000 บาท

ประโยชน์ของธุรกิจขายตรง

ราคาขายสูง - ต้นทุน = กำไร แบ่งให้สมาชิกแบบเราๆ ไว้ล่อใจ นิดๆ หน่อย ส่วนที่เหลือ ไว้ซื้อ เบนซ์ ไปเที่ยวเมืองนอก นั่งเครื่องบินเจท จัดประชุม บลาๆ ไว้สร้างภาพ ที่เค้าบอกคุณว่าคนสำเร็จเงินเดือนหลักสิบล้านจริงๆ เค้าก็เอาเปรียบคุณตั้งแต่ ต้นทุน ราคาขายแล้ว

สิ่งที่ธุรกิจขายตรงหวังลึกๆ>>>>>

1. สร้างทีมขาย>>>>>> เค้าไม่ต้องจ้างคุณไม่มีเงินเดือน
2. สร้างผู้บริโภค>>>>> คือคุณนั้นแหละที่ซื้อใช้รักษาตำแหน่ง
3. ลดต้นทุนการกระจายสินค้า>>> ไม่ต้องส่งขาย 7-11 สร้างให้คนบอกต่อๆ กันเหมือน เฟสบุ๊ค ยิ่งคนแชร์มากเค้ายิ่งโต

ผมไม่ได้ anti ธุรกิจขายตรงนะครับ ผมแค่เข้าใจธุรกิจคร่าวๆ