ระบบเทรด (trading system) : บทที่ 1 : time frame ที่ถูกจริตกับตัวคุณ เป็นจุดเริ่มต้นของการชนะตลาด
คำถามแรก คือ คำว่าถูกจริต คืออะไร? คำตอบคือ ถูกจริต = ถูกใจ เหมาะกับพฤติกรรมและนิสัยใจคอของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะคิดระบบเทรด ขึ้นมาใช้กับตัวเราเอง เราก็ควรที่จะมีระบบเทรด ที่ใช้ในการตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้น ในแบบที่เราใช้ไปแล้วรู้สึกสบายใจ สะดวกใจ
และพร้อมที่จะทำตามแผนการเทรดของระบบเทรด อย่างเคร่งครัด
คำถามที่สอง คือ แล้ว time frame คืออะไรหละ ? คำตอบคือ time frame = ช่วงของระยะเวลา ที่เราจะวิเคราะห์
เช่น time frame week คือ กราฟแท่งเทียน 1 แท่ง ที่แสดงถึง
ราคาเปิด,ราคาปิด,ราคาสูงสุด,ราคาต่ำสุด ของ week นั้นๆ
*************************************
คราวนี้เราจะเลือก time frame ที่จะใช้วิเคราะห์หาจังหวะ การซื้อ-ขาย ตามระบบเทรด ให้เหมาะกับจริตของเราอย่างไรดีหละ??
งั้นผมขอแนะนำ time frame ที่เป็นที่นิยมใช้ ดังนี้ แล้วกันครับ
1. time frame รายนาที (1,3,5,10,15,30,45,60,120)
เหมาะสมกับ : ผู้ที่เวลาเฝ้าหน้าจอเกือบตลอดเวลา มีประสาทสัมผัสที่ไวมากๆ และยังรวมถึงพวกที่เล่นหุ้นแบบ net settlement อีกด้วย (ซื้อ-ขาย จบในวันเดียว เพราะใช้วงเงินเล่นแทนเงินที่มีอยู่จริง)
ความเห็นของผม : โอกาสน้อยมากๆ หรือจะเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ day trader จะใช้ระบบเทรด แบบไม่ดู bid-offer และ ticker จะชนะตลาดได้แบบยั่งยืน เพราะฉะนั้นผมไม่แนะนำให้ใช้ time frame ที่ตำกว่า day และ ไม่แนะนำให้เฝ้าหน้าจอ streaming ตลอดเวลา ครับ
---------------------------------------------
2. time frame Day
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกๆ สิ้นวัน , ผู้ที่อดใจไม่ได้ที่จะติดตามราคา และ ข่าวหุ้น ในทุกทุกวัน และ รู้สึก sensitive กับราคาที่สวิงขึ้นลงของหุ้น
ความเห็นของผม : t/f Day จะใช้ได้ดีกว่า t/f Week สำหรับหุ้นที่มีอัตราการเก็งกำไรที่สูง และ ทำราคาและไล่ราคาจบกันใน week และไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นพื้นฐานดี และมีแนวโน้ม (trend) ชัดเจน เพราะจะทำให้เกิดอาการขายหมูได้บ่อยเกินไป ครับ
---------------------------------------------
3. time frame Week
เหมาะสมกับ : ผู้ที่ไม่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกวัน แต่ยังอยากสร้างกระแสเงินสดแบบเป็นรายเดือนอยู่บ้าง และ จะต้องมีความสุขุมเยือกเย็นระดับนึง ไม่สนใจหรือจดจ่ออยู่กับราคา หรือ ข่าว ที่เกิดขึ้นรายวัน
ความเห็นของผม : t/f Week สามารถใช้ได้ดีมากๆ กับการเทรดหุ้นที่มีพื้นฐานดีในระดับนึง และมีแนวโน้มที่ชัดเจน (trend)
---------------------------------------------
4. time frame Month
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเงินเย็น , วิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิเคราะห์ธุรกิจ ได้ดีมีเวลาในการวิเคราะห์หุ้นน้อย อาจเป็นเจ้าของกิจการ หรือ
ผู้บริหาร ที่ต้องการจะ focus ในงานหลักของตัวเอง แต่ยังมีความต้องการจะลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่าเงินเฟ้อ
ความเห็นของผม : t/f Month ต้องใช้สำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานสำคัญมาก สำหรับนักลงทุนที่ใช้ t/f นี้ โดยที่ t/f นี้ก็มีโอกาสในการสร้างรายได้และชนะตลาดได้ยั่งยืนมากที่สุด
---------------------------------------------
เอาหละครับ เพื่อนๆ รู้จัก time frame ต่างๆ กันไปแล้ว เพื่อนๆ ตัดสินใจได้หรือยังครับ
ว่าเราเหมาะกับ time frame แบบไหน ลองเลือกดูเลยนะครับ ตัดสินใจแบบไหน มีข้อสงสัยอะไร พิมพ์ มาคุยกันครับ จะหาเวลาตอบให้ ทุกๆ comment ครับ
คราวหน้า จะมาคุยต่อใน
**************
บทที่ 2 : การตัดขาดทุน เป็นทักษะ ที่ทำให้คุณไม่มีวันเจ๊งจากตลาดหุ้น
**************
ครับ ^^
แชร์มาจาก เพจหุ้นกากกาก ครับ
http://www.facebook.com/hoonkakkak
time frame ที่ถูกจริตกับตัวคุณ เป็นจุดเริ่มต้นของการชนะตลาด
คำถามแรก คือ คำว่าถูกจริต คืออะไร? คำตอบคือ ถูกจริต = ถูกใจ เหมาะกับพฤติกรรมและนิสัยใจคอของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะคิดระบบเทรด ขึ้นมาใช้กับตัวเราเอง เราก็ควรที่จะมีระบบเทรด ที่ใช้ในการตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้น ในแบบที่เราใช้ไปแล้วรู้สึกสบายใจ สะดวกใจ
และพร้อมที่จะทำตามแผนการเทรดของระบบเทรด อย่างเคร่งครัด
คำถามที่สอง คือ แล้ว time frame คืออะไรหละ ? คำตอบคือ time frame = ช่วงของระยะเวลา ที่เราจะวิเคราะห์
เช่น time frame week คือ กราฟแท่งเทียน 1 แท่ง ที่แสดงถึง
ราคาเปิด,ราคาปิด,ราคาสูงสุด,ราคาต่ำสุด ของ week นั้นๆ
*************************************
คราวนี้เราจะเลือก time frame ที่จะใช้วิเคราะห์หาจังหวะ การซื้อ-ขาย ตามระบบเทรด ให้เหมาะกับจริตของเราอย่างไรดีหละ??
งั้นผมขอแนะนำ time frame ที่เป็นที่นิยมใช้ ดังนี้ แล้วกันครับ
1. time frame รายนาที (1,3,5,10,15,30,45,60,120)
เหมาะสมกับ : ผู้ที่เวลาเฝ้าหน้าจอเกือบตลอดเวลา มีประสาทสัมผัสที่ไวมากๆ และยังรวมถึงพวกที่เล่นหุ้นแบบ net settlement อีกด้วย (ซื้อ-ขาย จบในวันเดียว เพราะใช้วงเงินเล่นแทนเงินที่มีอยู่จริง)
ความเห็นของผม : โอกาสน้อยมากๆ หรือจะเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ day trader จะใช้ระบบเทรด แบบไม่ดู bid-offer และ ticker จะชนะตลาดได้แบบยั่งยืน เพราะฉะนั้นผมไม่แนะนำให้ใช้ time frame ที่ตำกว่า day และ ไม่แนะนำให้เฝ้าหน้าจอ streaming ตลอดเวลา ครับ
---------------------------------------------
2. time frame Day
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกๆ สิ้นวัน , ผู้ที่อดใจไม่ได้ที่จะติดตามราคา และ ข่าวหุ้น ในทุกทุกวัน และ รู้สึก sensitive กับราคาที่สวิงขึ้นลงของหุ้น
ความเห็นของผม : t/f Day จะใช้ได้ดีกว่า t/f Week สำหรับหุ้นที่มีอัตราการเก็งกำไรที่สูง และ ทำราคาและไล่ราคาจบกันใน week และไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นพื้นฐานดี และมีแนวโน้ม (trend) ชัดเจน เพราะจะทำให้เกิดอาการขายหมูได้บ่อยเกินไป ครับ
---------------------------------------------
3. time frame Week
เหมาะสมกับ : ผู้ที่ไม่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกวัน แต่ยังอยากสร้างกระแสเงินสดแบบเป็นรายเดือนอยู่บ้าง และ จะต้องมีความสุขุมเยือกเย็นระดับนึง ไม่สนใจหรือจดจ่ออยู่กับราคา หรือ ข่าว ที่เกิดขึ้นรายวัน
ความเห็นของผม : t/f Week สามารถใช้ได้ดีมากๆ กับการเทรดหุ้นที่มีพื้นฐานดีในระดับนึง และมีแนวโน้มที่ชัดเจน (trend)
---------------------------------------------
4. time frame Month
เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเงินเย็น , วิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิเคราะห์ธุรกิจ ได้ดีมีเวลาในการวิเคราะห์หุ้นน้อย อาจเป็นเจ้าของกิจการ หรือ
ผู้บริหาร ที่ต้องการจะ focus ในงานหลักของตัวเอง แต่ยังมีความต้องการจะลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่าเงินเฟ้อ
ความเห็นของผม : t/f Month ต้องใช้สำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานสำคัญมาก สำหรับนักลงทุนที่ใช้ t/f นี้ โดยที่ t/f นี้ก็มีโอกาสในการสร้างรายได้และชนะตลาดได้ยั่งยืนมากที่สุด
---------------------------------------------
เอาหละครับ เพื่อนๆ รู้จัก time frame ต่างๆ กันไปแล้ว เพื่อนๆ ตัดสินใจได้หรือยังครับ
ว่าเราเหมาะกับ time frame แบบไหน ลองเลือกดูเลยนะครับ ตัดสินใจแบบไหน มีข้อสงสัยอะไร พิมพ์ มาคุยกันครับ จะหาเวลาตอบให้ ทุกๆ comment ครับ
คราวหน้า จะมาคุยต่อใน
**************
บทที่ 2 : การตัดขาดทุน เป็นทักษะ ที่ทำให้คุณไม่มีวันเจ๊งจากตลาดหุ้น
**************
ครับ ^^
แชร์มาจาก เพจหุ้นกากกาก ครับ
http://www.facebook.com/hoonkakkak