วันนี้เราได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว(ไม่ประทับใจฉากจบเลยแหะ)
เลยจะมาสปอยให้ฟังเผื่อมีคนจะไม่ดูแต่อยากรู้เรื่องหรือชอบอ่านก่อนไปดู(เหมือนเรา)
ส่วนตัวเราชอบหนังแนวพีเรียดพวกนี้มาก คอสตูมอลังการดี ฟูฟ่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกใจเราอยู่พอสมควร
ส่วนเนื้อหาหนังมันกระชับแต่รวบรัดเกินไปหน่อย ดูง่ายๆ แต่ความอลังการมันยังไม่สุด คอพีเรียดอาร์ตคงไม่ฟินเท่าไหร่
ไปดูมาแล้วค่อยมาอ่านรีวิวถึงรู้ว่ามันเปนแนวสะท้อนแนวคิด แต่เราชอบให้มันอาร์ตกว่านี้แหะ
ที่เราไปดูนี่เพราะเห็นโปสเตอร์กับตัวอย่างหน้าโรงเลยจริงๆ
ดูรอบ 14.10 โรง 11 ที่ CTW พากย์ภาษาฝรั่งเศส แต่มีซับไทยและอังกฤษ
ให้คะแนน 5/10 สำหรับตัวเรา เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มค่า(ความอาร์ต อลัง ยังขลังไม่พอ)
เนื้อเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มเปิดฉากแรกของหนังที่ริมฝั่งแห่งหนึ่งมีพายุฝนกระหน่ำรุนแรงมาก ทุกคนวิ่งขึ้นเรือกันแบบเร่งรีบ
แต่กลับทิ้งเด็กชาย(พระเอกวัยเด็ก)ไว้หนึ่งคนบนฝั่ง
หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้วก็รีบเอาสะพานขึ้นทันที เด็กชายคนนั้นเลยร้องตะโกนว่าขอให้ไปด้วย
แต่ผู้ชายบนเรือที่เด็กคนนั้นเรียกว่าคุณหมอตะโกนบอกว่า
"ไม่ได้พาไปด้วยไม่ได้ เพราะถ้าไปด้วยพวกเราจะแย่ แกไม่ตายหรอกกวินเปลน แล้วฉันจะกลับมารับฉันสัญญา ฉันจะตามหาเธอ"
สิ้นเสียงเรือก็ลอยออกไปไกล กวินเปลน เลยออกเดินไปแบบไร้จุดหมาย พายุหิมะกระหน่ำ(ฉากแรกมันพายุฝนไหงตอนนี้พายุหิมะ)
เขาเดินย่ำไปบนหิมะหนา(ขาจมอ่ะ) ทิ้งรอยเท้าตามทางเดิน จนไปเจอผู้หญิงคนนึงนั่งคุกเข่ากลางหิมะในอ้อมแขนกอดอะไรบางอย่างไว้
กวินเปลน เปิดดูแล้วพบว่าเป็นเด็กผู้หญิง(นางเอก)ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ แต่คนแม่นั้นแข็งตายไปแล้ว กวินเปลนจึงตัดสินใจอุ้มเด็กหญิง
เดินฝ่าพายุหิมะไปเรื่อยๆ จนเจอหมู่บ้านนึง ร้องเรียกเคาะประตูเท่าไหร่ก็ไม่มีคนเปิดออกมาแม้แต่คนเดียว จึงเดินต่อไปพบกับ
กระท่อมรถม้า(ไม่รู้เรียกอย่างนี้ได้รึเปล่า) จึงเคาะประตู แล้วก็ปรากฏชายอ้วนแก่ๆเปิดออกมา
เออร์ซูส :"มาทำอะไรแถวนี้ เดินไปอีกจะมีหมู่บ้าน ไปที่นั่นสิ"
กวินแปลน : "เคาะเรียกแล้วแต่ไม่มีคนตอบหรือเปิดรับซักคน"
เออร์ซูส : "เฮอะ! เมืองพระคริสต์ก็แบบนี้ มาๆเข้ามานี่" พร้อมกับเปิดประตูกว้างให้เข้าไปในกระท่อมรถม้า
กวินเปลนเดินเข้าไปพร้อมเด็กหญิงในอ้อมแขน
เออร์ซูส : "แล้วนั่นหอบอะไรมา"
กวินเปลนยื่นเด็กหญิงคนนั้นให้
เออร์ซูส : "พบที่ไหนแล้วแม่เด็กล่ะ"
กวินเปลน : "แข็งตายไปแล้ว"
เออร์ซูสจัดแจงทำเด็กทั้งสองคนให้อบอุ่นขึ้น แต่เด็กหญิงตาเหม่อลอย เออร์ซูสลองโบกมือไปมาตรงหน้าเด็กหญิง
แต่ทว่าไม่มีสายตาตอบสนองใดๆ
เออร์ซูส : "น่าเสียดาย ตานางถูกหิมะกัดจนมืดบอดไปแล้ว"
กวินเปลนมองอย่างสงสาร ส่วนตัวกวินเปลนเองนั้นไม่เคยเห็นใบหน้าตนเองที่ถูกกรีดเหมือนรอยยิ้มไปถึงข้างแก้ม
เออร์ซูส : "ไมเป็นเช่นนั้น?"
กวินเปลน : "ไม่รู้ คุณหมอทำ"
เออร์ซูส : "เจ้าไม่เคยเห็นใบหน้าตัวเอง"
กวินเปลนพยักหน้ารับ
เออร์ซูส : "พวกกอมปราโชสินะที่ทำเช่นนี้"
เออร์ซูสตกลงรับเด็กน้อยทั้งสองมาอยู่ในความดูแลของตน
เออร์ซูสนั้นมีอาชีพขายสมุนไพรและยาตามที่ต่างๆ ใช้สารพัดวิธีล่อลวงพูดจาโน้มน้าวให้คนเชื่อ(เหมือนแอบ18มงกุฏแหะ)
แรกๆเด็กทั้งสองก็ได้แต่แอบดูสิ่งที่เออร์ซูสทำ จนไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งเออร์ซูสก็โฆษณาขายสมุนไพรตามปกติ
และมีหญิงสาวคนนึงมาหา เออร์ซูสจึงไล่เด็กทั้งสองออกมานั่งเล่นนอกรถ แล้วเออร์ซูสก็บรรเลงบทสวาทกับหญิงคนนั้น
กวินเปลนแอบดูสิ่งที่เออร์ซูสทำผ่านทางรูขาดของผ่านม่านหลังรถ สักพักเออร์ซูสเดินออกมาพร้อมยื่นนเงินให้กวินเปลน
เออร์ซูส : "เอาเงินนี่ไปซื้อนมกับไข่ 6 ฟองที่ฟาร์มด้านโน้นมากิน"
กวินเปลนวิ่งไปที่ฟาร์มอย่างรวดเร็วและดีใจ(ฟาร์มโคตรไกลวิ่งไหวได้ไงฟ้ะ?)
เมื่อไปถึงเจ้าของฟาร์มยื่นนมและไข่ 6 ฟองในชาร์มดินเผา(น่าจะเป็นรังไก่)ให้
เจ้าของฟาร์ม : "ปากแหว่งหรือ?"
กวินเปลนไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้า
ขณะที่กวินเปลนกำลังจะเดินกลับกระท่อมรถม้า เด็กผู้ชายประมาณ 5 คนที่แอบฟังอยู่ก็วิ่งเข้ามาล้อมกวินเปลนไว้
กลุ่มเด็ก : "ไหนเปิดผ้าออกซิ ข้าอยากเห็น"
กวินเปลนนิ่งไม่ยอมเปิด เด็กชายเหล่านั้นจึงจับกวินเปลนกระชากผ้าออกแล้วจะรุมทำร้าย แต่เออร์ซูสมาช่วยไว้ทัน
ค่ำนั้นเออร์ซูสต้มซุปสมุนไพรใหกวินเปลน(พระเอก)และเดอา(นางเอก)กิน
เออร์ซูส : "มนุษย์ไม่ได้ใจร้ายไปซะทุกคนหรอกนะ เพียงแต่รังเกียจสิ่งไม่เหมือนกับตน"
กวินเปลนพยักหน้ายิ้มรับ
วันต่อมาเออร์ซูสได้โฆษณาขายยาที่หน้าโบสถ์ ผู้คนผ่านมาแล้วผ่านไป จนกระทั่ง
กวินเปลนเดินออกไปทำท่าเลียนแบบเออร์ซูศจากด้านหลัง ผู้คนเริ่มหันมาสนใจและหัวเราะในความอัปลักษณ์ของกวินเปลน(ออกจะหล่อ)
เห็นดังนั้นแล้ว เออร์ซูสจึงจัดการหลอกล่อผู้คนให้ยอมจ่ายเงินด้วยการบอกว่า กวินเปลนนั้นคืดเด็กชายผู้โชคร้ายโดนซาตานเข้าสิง
แต่ตนนั้นเป็นคนขับไล่ไป ทิ้งไว้แต่เพียงรอยยิ้มหัวเราะอันชั่วร้ายของซาตาน เออร์ซูสได้เสนอขายปอยผมของกวินเปลนในราคา 5 เหรียญ
เป็นเครื่องรางให้กับชาวบ้าน เออร์ซูสและกวินเปลนขยิบตาให้กันนิดนึงกับแผนการที่สำเร็จ มีชาวบ้านมากมายยอมจ่ายเงิน
เพื่อนำปอยผมเล็กน้อยของกวินเปลนไปเป็นเครื่องราง ตั้งแต่นั้นมาเออร์ซูสจึงใช้เด็กน้อยทั้งสองเป็นจุดขายและเปลี่ยนจากเร่ขายสมุนไพร
มาเปิดการแสดงโชว์ตัวของกวินเปลนและเดอาเพียงอย่างเดียวในสถานที่ต่างๆ
จนกระทั่งมาถึงหมู่บ้านริมนำแห่งหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์รมการแสดงโชวต่างๆ
เดอา : "กวินเปลน ข้ารู้สึกว่าที่แห่งนี้จะทำให้ข้าเสียเจ้าไป"
กวินเปลน : "จะเป็นไปได้อย่างไรกัน"
วันแรกของการแสดง เออร์ซูสนำเสนอเนื้อเรื่องว่ากวินเปลนนั้นเปนชายอัปลักษณ์ผู้ไม่เคยเห็นใบหน้าตนเอง
และเมื่อรู้ว่าตนอัปลักษณ์จึงขอหลบอยู่ในเงาของสังคม
และจับให้กวินเปลนยืนหน้ากระจกบานใหญ่ เมื่อกวินเปลนออกมาผู้ชมพากันหัวเราะท่าทีของกวินเปลนที่มีต่อกระจก
ส่วนเดอานั้นเออร์ซูสบรรยายว่า เป็นเจ้าหญิงจากแดนไกลรถม้าคว่ำบรรดาเจ้าชายเชื้อพระวงศ์ตายหมดเหลือเพียงเดอาตาบอดที่รอดมาได้
และเมื่อเดอาได้พบกับกวินเปลน ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน หนุ่มอัปลักษณ์กับหญิงตาบอดเป็นคู่รักหวานซึ้งที่ลงตัว ในระหว่างการแสดงนั้น
นักดนตรีเร่ซิลแวงได้ช่วยเล่นเพลงประกอบให้ เนื่องด้วยแอบมีใจให้กับเดอา จึงได้ช่วยเหลือการแสดงของคนทั้งสาม
เมื่อจบการแสดงละครผู้คนต่างตบมือให้กับคนทั้งสาม
เออร์ซูส: "พรุ่งนี้เราดังแน่แล้ว อีกไม่นานต้องมีเชื้อพระวงศ์มาดูเป็นแน่"
หลังจากจบเคอร์เทนคอลแล้ว กวินเปลนและเดอาได้ออกไปที่ริมแม่น้ำพร้อมบอกความในใจต่อกันและจูบกันที่ริมแม่น้ำนั้น
และเมื่อถึงเวลานอน
เดอา : "กวินเปลน ข้าขอนอนด้วยได้มั้ยข้านอนไม่หลับ" ( อินี่ตาบอดยังจะอ่อย )
กวินเปลนตอบตกลงและทั้งสองได้คุยกันเล็กน้อย
กวินเปลน : "เออร์ซูสหลับรึยัง?"
เออร์ซูส : "หลับกับผีน่ะสิ จะจู๋จี๋ดูดี๋กันข้าไม่าหรอกนะแต่อย่าให้คนอื่นรู้ก็แล้วกัน"
ทั้งสองหัวเราะร่วนกับคำพูดของเออร์ซูส
วันต่อมาก่อนการแสดงได้มีขบวนหอคอยที่นั่งมาตั้งหน้าเวทีแสดง
เออร์ซูส : "เราดังแล้ว มีคนในวังมา"
กวินเปลน : "นั่นเจ้าหญิงหรือ?"
เออร์ซูส : "หญิงกว่าเข้าหญิงซะอีก นั่นน่ะดัชเชส" (ดัชเชสมันก็เจ้าหญิงไม่ใช่เรอะฟ้ะ งง)
กวินเปลน : "งั้นเราก็ต้องจัดการแสดงให้สมเกียรติแล้วสิ"
เออร์ซูส : "เกียรติ? เรามีเกีรยติด้วยหรอ" (เล่นเอาเงิบนะพี่เออร์ซูส กะเอาฮาใช่มั้ยเนี่ย)
เนื้อเรื่องของบทละครวันนี้คือหลังจากเดอาและกวินเปลนพบรักกันแล้ว เดอาพบว่าตนเป็นเจ้าหญิงและต้องย้ายไปอยู่ปราสาท
ทำให้ทั้งคู่พรากจากกันและกวินเปลนมาตามหากันที่ปราสาทจนพบและจบที่ฉากจูบดูดดื่มต่อหน้าดัชเชส
โดยที่กวินเปลนแอบส่งสายตาให้ดัชเชส และอีกเช่นเคยผู้ชมต่างพอใจกับละครนั้นรวมทั้งดัชเชสโจเซียน่าด้วย
หลังจากจบการแสดงกวินเปลนได้รับคำเชิญจากดัชเชสให้ไปพบที่รถม้า ดัชเชสบอกถึงความหลงใหลที่มีต่อตัวกวินเปลน
แต่กวินเปลนก็แอบเหน็บแนมดัชเชสถึงความวิปริตที่หลงในสิ่งอัปลักษณ์ของเหล้าคนในวังที่ทำให้ตนเป็นแบบนี้และ
กลับมาที่กระท่อมรถม้าของเออร์ซูส
วันต่อมาดัชเชสยังคงมาดูละครของเออร์ซูส ตอนนี้ของบทละครกล่าวถึงจุดจบความรักของกวินเปลนและเดอาที่ไม่สมหวัง
กวินเปลนถูกจับใส่ตรวนรอประหารเดอาจึงยื่นยาพิษให้ดื่มพร้อมกับดื่มด้วยและตามด้วยกัน ก่อนตายกวินเปลนทิ้งท้ายคำพูด
ที่เหน็บแนมเสียดสีเราเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ผู้คนต่างซาบซึ้งในการแสดงมีทั้งร้องไห้และตบมือให้
หลังจบการแสดงกวินเปลนตั้งใจจะไปหาดัชเชสอีกครั้งแต่ก่อนจะไปนั้นได้มีหญิงผู้หนึ่งมาถามหาลูกสาวว่าเคยพบหรือไม่
เนื่องจากลูกสาวถูกกอมปราโชจับตัวไป
หญิงนิรนาม : "นางมีผมสีแดงตาสีฟ้าอมม่วง เคยเห็นหรือไม่?"
กวินเปลนทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับไปว่าไม่เคยพบนาง ก่อนจะไปพบดัชเชสที่รถม้า
เช่นเคยดัชเชสพรรณาถึงความหลงใหลและได้บอกกับกวินเปลนว่าจะบอกราชินีให้เรียกเข้าวัง
แต่กวินเปลนปฏิเสธพร้อมกลับมาที่กระท่อมรถม้าทันที ระหว่างนั้นเอง หมออาร์ตกวัวนอนได้ลอบเข้ามาทางด้านหลังรถม้า
ถามหากวินเปลนจากเดอาและจับนางเป็นตัวประกัน หลังจากเออร์ซูสมาพบเข้าจึงปล่อยนางไป
ระหว่างหลบหนีนั้นหนึ่งในนักแสดงเร่ได้ผิวปากส่งสัญญาให้ตำรวจมาจับหมออาร์ตกวัวนอน และหญิงนิรนามได้เข้ามาชี้ตัวว่า
หมออาร์ตกวัวนอนผู้นี้คือหัวหน้ากอมปราโชที่จับตัวลูกสาวนางไป หมออาร์ตกวัวนอนจึงถูกจับตัวไป
วันต่อมาระหว่างเออร์ซูส เดอา และกวินเปลนเก็บข้าวของบนเวทีนั้น ได้มีบรรดาทหารในวังมารับตัวกวินเปลไป
หัวหน้าทหาร : "ในที่นี้มีใครชื่อกวินเปลนรึไม่?"
กวินเปลน : "ข้าเอง"
หัวหน้าทหาร : "พระราชินีมีคำสั่งให้เข้าเฝ้า"
เออร์ซูส : "เค้าเป็นเหมือนลูกข้า ข้าไปด้วย"
หัวหน้าทหาร : "ไม่! ใครบังอาจขัดขวางการเข้าเฝ้ามีโทษถึงตาย"
เออร์ซูสจึงต้องยอมปล่อยให้กวินเปลนไปเพียงลำพังกับเหล่าทหารของราชินี
เมื่อมาถึงพระราชวัง นายทหารได้นำกวินเปลนไปยังห้องทรมานนักโทษ และในห้องนั้นเองกวินเปลนได้พบกับหมออาร์ตกวัวนอน
ที่ถูกขึงผืดเต็มไปด้วยบาดแผลร่องรอยจากการถูกทรมาน
[ขอพิมสั้นๆว่าหมอละกันนะคะ หมอบ้าอะไรชื่อโคตรยาว เรียกก็ยาก]
หมอ : "คนนี้แหล่ะ"
หมอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ชายชราที่มุมห้องได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเป็นประกายขึ้นมาส่วนกวินเปลนได้แต่ทำหน้างุนงง
หมอ : "กวินเปลน ฉันกำลังจะจากไปอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันคงไม่กลับมาอีกแล้ว ชั่วชีวิตฉันอยู่กับเด็กๆ มีแต่เด็กๆรายล้อมมากมาย
ฉันตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ผูกพันธ์กับเด็กคนไหน แต่กับเธอ... ฉันรู้ว่าเธอแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน"
สิ้นเสียงหมออาร์ตกวัวนอนก็สิ้มลม(คาเตียงขึงผืด)
ชายชรา : "ข้าคือมหาดเล็กของบิดาท่าน ในครั้งอดีตบิดาท่านคือผู้นำกลุ่มต่อต้านพระราชา คนของฝั่งพระราชาจึงจับท่านเป็นเครื่องต่อรอง
แต่บิดาท่านไม่มีทีท่าจะพ่ายแพ้ให้กับพระราชา ท่านจึงถูกขายให้กับกอมปราโช บัดนี้ท่านคือผู้สืบทอดของตระกูลกลองชาร์กลี"
หลังจากชายชราพูดจบกวินเปลนถึงกับเป็นลมล้มพับไป
เมื่อกวินเปลนตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงใหญ่ห้องกว้างขวางดุจวัง กวินเปลนรีบลุกขึ้นเปิดประตูเพื่อหาทางออก
หลังจากเปิดหลายต่อหลายบาน เมื่อเปิดออกบานสุดท้ายก็พบกับชายชราคนเดิม
ชายชรา : "ข้าคือ..."
กวินเปลน : "มหาดเล็ก"
กวินเปลนตอบแทนให้
ชายชรา : "ท่านต้องการอะไรหรือกำลังมองหาอะไรอยู่"
กวินเปลน : "ทางออก"
ชายชรา : "ทางออก? ท่านออกไปจากที่นี่ไม่ได้ พระราชินีแหละเหล่าคนในวังจะมาที่นี่"
กวินเปลน : " เออร์ซูสและเดอา ล่ะ?"
ชายชรา : "เราให้นักแสดงเร่มาอยู่ที่นี่ไม่ได้"
กวินเปลนทำท่าจะไปชายชราจึงยอมตกลงให้พาเออร์ซุสและเดอามาที่ปราสาทกลองชาร์กลี
เย็นวันนั้นระหว่างที่กวินเปลนกำลังแต่งตัวชายชราได้นำภาพของบิดามารดาร
และกวินเปลนในวัยเยาว์สมัยเมื่ออายุราว2ขวบก่อนถูกจับตัวไปมาให้กวินเปลนได้ดู(แอบฮาปฏิกิริยากวินเปลนนิดหน่อย)
ขณะกวินเปลนกำลังส่องกระจกชื่อชมตนเองอยู่นั้นคนรับใช้ได้มากระซิบแก่ชายชราว่าเออร์ซูสและเดอามาถึงแล้ว
ชายชราจึงขอตัว(ไอแก่นี่ร้ายมากขอบอก)
อ่านต่อpart2นะคะ...
"THE MAN WHO LAUGHS" "ปาฎิหารย์รักจากโจ๊กเกอร์" (สปอยละเอียด)
เลยจะมาสปอยให้ฟังเผื่อมีคนจะไม่ดูแต่อยากรู้เรื่องหรือชอบอ่านก่อนไปดู(เหมือนเรา)
ส่วนตัวเราชอบหนังแนวพีเรียดพวกนี้มาก คอสตูมอลังการดี ฟูฟ่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกใจเราอยู่พอสมควร
ส่วนเนื้อหาหนังมันกระชับแต่รวบรัดเกินไปหน่อย ดูง่ายๆ แต่ความอลังการมันยังไม่สุด คอพีเรียดอาร์ตคงไม่ฟินเท่าไหร่
ไปดูมาแล้วค่อยมาอ่านรีวิวถึงรู้ว่ามันเปนแนวสะท้อนแนวคิด แต่เราชอบให้มันอาร์ตกว่านี้แหะ
ที่เราไปดูนี่เพราะเห็นโปสเตอร์กับตัวอย่างหน้าโรงเลยจริงๆ
ดูรอบ 14.10 โรง 11 ที่ CTW พากย์ภาษาฝรั่งเศส แต่มีซับไทยและอังกฤษ
ให้คะแนน 5/10 สำหรับตัวเรา เพราะรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้มค่า(ความอาร์ต อลัง ยังขลังไม่พอ)
เนื้อเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้