คำพูดด้านบนหัวกระทู้เป็นโควทที่กัปตันให้สัมภาษณ์ไว้ถึงช่วงที่เล่นลีคอาเซอร์แล้วทางนู้นแพลมๆมาว่าอาจจะส่งกัปตันกิฟกับยายนากลับบ้านเพราะเล่นฟอร์มไม่ดี ประโยคนี้สะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่างนะ
อย่างแรกคือชุดนี้เล่นกันมานานมากจนรักกันเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะรู้จักกันมาเป็นสิบปี ไปใช้ชีวิตกินนอนร่วมกันมากกว่าคนในครอบครัวจริงๆเสียอีก เรียกว่ารักกันแบบไม่มีทิ้งกันเลย
ด้วยความที่สนิทกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาแบบนี้ทำให้มีข้อเสียคือ เด็กใหม่ๆที่เข้ามาจะรู้สึกเกร็งที่จะเข้ากลุ่ม เหมือนกับเวลาเราไปอยู่ในกลุ่มที่คนอื่นในกลุ่มสนิทกันมากคุยอะไรมาก็เก็ท ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา (ไม่ได้คิดว่าชุดเจ็ดเซียนเรากีดกันไม่ให้เด็กใหม่เข้ากลุ่มนะแต่ธรรมชาติคนมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ) ความสนิทต้องใช้เวลาฉะนั้นการที่จะให้เด็กใหม่สร้างความคุ้นเคยและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้ ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
อีกประเด็นนึงก็คือจั่วหัวไว้ในหัวข้อกระทู้นี่แหละ ที่แสดงให้เห็นว่าทีมไทยชุดนี้กำลังยึดติดกับการ"ต้องไป"โอลิมปิกกับชุดที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเท่านั้น ทำให้ไม่มีใครยอมหลีกทาง หรือทำให้โค้ชไม่กล้าที่จะตัดใจปลดใครออก (บางทีก็คิดเล่นๆว่าถ้าปีที่แล้วเราได้ไปโอลิมปิกจริงๆจะมีใครเลิกเล่นแล้วเปิดทางให้รุ่นน้องบ้างนะ)
อีกอย่างระบบของไทยเป็นระบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมากมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว คือถ้ายังเล่นได้ยังไงก็ไม่มีปลด ไม่มีถ่ายเลือด มีกรณีเดียวเท่านั้นที่เด็กใหม่จะมีโอกาสขึ้นมาแทน คือตัวเก่าเจ็บหรือร่างกายหมดสภาพแล้วจริงๆต้องเลิกเล่น ดูจากชุดตัวจริงปัจจุบันก็ขึ้นมาเพราะเหตุผลนี้แทบทั้งนั้นนั้น
- นุศราได้โอกาสเพราะวัลภาบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น (และโค้ชพยายามปั้นวิสุตากับนฤมลให้เป็นเซ็ทเตอร์ตัวสูงแต่ไม่สำเร็จ)
- วิลาวัณย์ได้โอกาสเพราะแอนณาบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น
- มลิกาได้โอกาสเพราะสายไหมบาดเจ็บหนักต้องเลิกเล่น
- อรอุมาได้โอกาสเพราะพัชรีบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น (ก็ไม่ได้แทนกันซะทีเดียวเพราะตอนแรกอรเป็นสำรองสายไหมอีกที ตำแหน่งขี่กันอยู่)
- ปลื้มจิตรเป็นคนเดียวมั้งที่ได้โอกาสไม่ใช่เพราะรุ่นพี่เจ็บ แต่เพราะหมดใจ ศรันยาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้บาดเจ็บมากแต่ก็ตัดสินใจเลิกเล่นพร้อมคนอื่นๆ (แอนณา, พัชรี, วัลภา) หลังพลาดเอเชียนเกมส์ครั้งที่14 ตอนนั้นไทยแพ้ไต้หวันได้อันดับ 5 แล้วโดนด่าสนั่นเมือง ทำให้นักกีฬาที่ต้องใช้คำว่าบาดเจ็บทั้งทีมตัดสินใจเลิกเล่นกันหมดเพราะร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ ถือเป็นต้นกำเนิดของเจ็ดเซียนในทุกวันนี้
ยิ่งชุดปัจจุบันอย่างทัดดาวนี่มากับดวงเท่านั้น ขอฟันธง 1000% ถ้าอภิศนาไม่เจ็บ เธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเป็นตัวเยาวชน ถ้าอำพรไม่เจ็บ เธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเล่นตัวจริงชุดใหญ่ ทุกคนจะรู้จักทัดดาวในนาม "เด็กคนนี้ตัวสูงดีแต่ไม่เคยเห็นฟอร์ม น่าได้รับโอกาส" เหมือนคนอื่นๆตอนนี้ที่เรารู้จักแต่ชื่อกับส่วนสูงเท่านั้น
ลองดูทีมอื่นที่เค้าเปลี่ยนตัวหลังโอลิมปิก แทบทั้งหมดยอมหลีกทางให้ทีมได้สร้างเด็กรุ่นใหม่ทั้งที่ยังฟอร์มดีมากด้วยซ้ำ เราต้องตั้งคำถามแล้วว่า ทำให้เค้าถึงยอมถอดอะไหล่ที่ยังใช้การได้ดีเพื่อสวมอันใหม่ได้ แต่ทำไมของไทยถึงต้องรอให้อะไหล่อันนั้นใช้งานจนเหล็กผุหมดสภาพจริงๆถึงค่อยเอาอันใหม่มาสวม มองจากเส้นทางของทีมชาติชุดใหญ่ในปัจจุบันก็คงเห็นภาพลางๆแล้วว่าถ้าจะรอให้รุ่นน้องขึ้นมาแทนนั้นคงต้องรอให้เล่นกันจนบาดเจ็บและเลิกเล่นเป็นวัฏจักรซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้อีก
===
edit เพิ่มข่าวสมัยโบราณเพราะมีคนบอกว่านั่งเทียนข้อมูล
ทีมลูกยางสาวไทยระส่ำ 6 ตัวแรก เตรียมอำลาทีมชาติโดยเฉพาะมือเซตลูกยางสาวทีมชาติไทย วัลภา จิตรอ่อง และ วิสุตา หีบแก้วเลิกรับใช้ชาติแน่นอน หลังพบความล้มเหลวจากเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 เช่นเดียวกับมือตบสาวทั้ง พัชรี แสงเมือง, แอนณา ไภยจินดา และศรันยา ศรีสาครแต่ทางสตาฟฟ์โค้ชยังยับยั้งไว้ เพราะยังมีภาระหนักในปี 46 นี้ ขณะที่"น้องจิ๋ม" วัลภา จิตรอ่อง เผยยังสองจิตสองใจ เนื่องจากรักลูกยางยังตัดใจไม่ขาด
วัลภา จิตรอ่อง มือเซตทีมชาติไทยตัวหลัก ที่รับช่วงต่อจาก ปริม อินทวงศ์ กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากจบเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 นั้น ต้องยอมรับว่าผลงานของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยออกมาล้มเหลว ได้อันดับที่ 5 แต่จริงๆ แล้วพวกนักกีฬาทุกคนตั้งใจอย่างมาก แต่คนเราผิดพลาดกันได้นักกีฬาทุกคนตั้งใจอย่างมาก เราทุ่มเทให้กับการแข่งขันอย่างมากถึงแม้เราจะมีปัญหากับโค้ชก็ตาม แต่เราแยกแยะได้เวลาลงสนามแข่งขันเราทุ่มใจให้กับมันเต็มที่แล้ว
ปัญหาอีกอย่างของเราก็คือ อาการบาดเจ็บของทุกคนเรา เพราะไทยไม่เคยแข่งระดับโลก เมื่อแข่งติดๆ กันหลายๆ รายการ ทำให้ร่างกายเราล้าเราพลาด ที่เราแพ้ไต้หวัน ก็เพราะเราบาดเจ็บกันทุกคน
มือเซตทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทย ยังกล่าวอีกว่า "ตอนนี้เป็นช่วงพักเพื่อตรวจดูตัวเองให้ดี ใจจริงแล้ว อยากจะเลิกเล่นทีมชาติ ตัดสินใจกันไปแล้วโดย 6 ตัวหลักของทีม ไม่ว่าจะเป็น แอนณา ไภยจินดา, ศรันยา ศรีสาคร, พัชรี แสงเมือง, วัลภา จิตรอ่อง ทุกคนเตรียมที่จะอำลาทีมชาติหมดแล้ว รวมทั้ง วิสุตา หีบแก้ว มือเซต อีกคน ตัดสินใจที่จะเลิกเล่นทีมชาติแน่นอน ในส่วนของ "จิ๋ม" เอง ทางผู้ใหญ่อ้อนวอนไว้ว่า ขอให้จบแมตช์ซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่เวียดนามก่อน แต่เรากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนเดิมเหมือนเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14"
"จริงๆ แล้ว "จิ๋ม" อยากจะอำลาทีมชาติ อยากจะเลิกเล่นทีมชาติเนื่องจากกลัวว่าถ้าเราเล่นได้ไม่ดี เราจะโดนด่า ยอมรับว่ากลัวโดนด่านะหลังจากที่ล้มเหลวในเอเชียนเกมส์ คนว่าเยอะมาก ไม่มีใครสนใจเราเลยเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน ที่เราล้มญี่ปุ่นได้ มีแต่คนสนใจเรา เมื่อเราล้มเหลวทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้ายังเล่นทีมชาติอยู่กลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเหมือนเดิมแล้วโดนว่า แต่ตอนนี้ยอมรับว่าวอลเลย์บอลอยู่ในสายเลือด ตัดยังไงก็ไม่ขาดจึงสองจิตสองใจ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลิกเล่นดีหรือเปล่า ทั้งๆที่ใจจริงแล้วอยากเลิกเล่น เพียงแต่ว่ายังตัดใจไม่ขาดเท่านั้นแหละ" วัลภา จิตรอ่อง กล่าวทิ้งท้าย
---
3ตัวหลักวอลเลย์ฯหญิงลาทีมชาติ
นายเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนสมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แอนนา ไภยจินดา,ศรัณยา ศรีสาคร และวัลภา จิตรอ่อง สามนักวอลเลย์สาวแกนหลักทีมชาติไทยตัดสินใจอำลาการเล่นทีมชาติแล้ว
โดยแอนนา ตัวตบหลักและวัลภา ตัวเซ็ตเตอร์มีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง ทางด้านศรัณยา ตัวตบเร็วมีงานทำเป็นหลักเป็นฐานจึงตัดสินใจเลิกเล่นทีมชาติและถือโอกาสเปิดทางให้นักกีฬารุ่นน้องได้ก้าวขึ้นไปเล่นแทนที่หลังจากรับใช้ชาติเป็นเวลานาน "การที่ทั้งสามเลิกเล่นมีผลกระทบต่อทีมหญิงไม่น้อยเนื่องจากทั้งหมดเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอดและมากไปด้วยประสบการณ์ ผิดกับผู้เล่นใหม่ที่ขาดประสบการณ์การเล่นระดับนานาชาติโดยโค้ชจะต้องแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จะได้ความสดเข้ามาทดแทนเนื่องจากอายุยังน้อย" หัวหน้าผู้ฝึกสอนสมาคมวอลเลย์บอลฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของสต๊าฟโค้ชว่าจะพัฒนาทีมภายใต้การขาดผู้เล่นหลักพร้อมๆ กันถึงสามคนได้แค่ไหน แต่ปัญหาเรื่องผู้เล่นใหม่ขาดประสบการณ์น่าจะแก้ไขได้เนื่องจากในการแข่งขันปี 2546 ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยมีโปรแกรมการแข่งขันมากมาย
"ถ้าเค้าส่งคนใดคนนึงกลับเราก็ตกลงกันแล้วว่าจะกลับกันหมด" + เส้นทางการขึ้นมาเป็นตัวจริงทีมชาติชุดใหญ่ในปัจจุบัน
อย่างแรกคือชุดนี้เล่นกันมานานมากจนรักกันเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะรู้จักกันมาเป็นสิบปี ไปใช้ชีวิตกินนอนร่วมกันมากกว่าคนในครอบครัวจริงๆเสียอีก เรียกว่ารักกันแบบไม่มีทิ้งกันเลย
ด้วยความที่สนิทกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาแบบนี้ทำให้มีข้อเสียคือ เด็กใหม่ๆที่เข้ามาจะรู้สึกเกร็งที่จะเข้ากลุ่ม เหมือนกับเวลาเราไปอยู่ในกลุ่มที่คนอื่นในกลุ่มสนิทกันมากคุยอะไรมาก็เก็ท ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเหมือนเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลา (ไม่ได้คิดว่าชุดเจ็ดเซียนเรากีดกันไม่ให้เด็กใหม่เข้ากลุ่มนะแต่ธรรมชาติคนมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ) ความสนิทต้องใช้เวลาฉะนั้นการที่จะให้เด็กใหม่สร้างความคุ้นเคยและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้ ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
อีกประเด็นนึงก็คือจั่วหัวไว้ในหัวข้อกระทู้นี่แหละ ที่แสดงให้เห็นว่าทีมไทยชุดนี้กำลังยึดติดกับการ"ต้องไป"โอลิมปิกกับชุดที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเท่านั้น ทำให้ไม่มีใครยอมหลีกทาง หรือทำให้โค้ชไม่กล้าที่จะตัดใจปลดใครออก (บางทีก็คิดเล่นๆว่าถ้าปีที่แล้วเราได้ไปโอลิมปิกจริงๆจะมีใครเลิกเล่นแล้วเปิดทางให้รุ่นน้องบ้างนะ)
อีกอย่างระบบของไทยเป็นระบบถ้อยทีถ้อยอาศัยมากมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว คือถ้ายังเล่นได้ยังไงก็ไม่มีปลด ไม่มีถ่ายเลือด มีกรณีเดียวเท่านั้นที่เด็กใหม่จะมีโอกาสขึ้นมาแทน คือตัวเก่าเจ็บหรือร่างกายหมดสภาพแล้วจริงๆต้องเลิกเล่น ดูจากชุดตัวจริงปัจจุบันก็ขึ้นมาเพราะเหตุผลนี้แทบทั้งนั้นนั้น
- นุศราได้โอกาสเพราะวัลภาบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น (และโค้ชพยายามปั้นวิสุตากับนฤมลให้เป็นเซ็ทเตอร์ตัวสูงแต่ไม่สำเร็จ)
- วิลาวัณย์ได้โอกาสเพราะแอนณาบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น
- มลิกาได้โอกาสเพราะสายไหมบาดเจ็บหนักต้องเลิกเล่น
- อรอุมาได้โอกาสเพราะพัชรีบาดเจ็บเรื้อรังจนตัดสินใจเลิกเล่น (ก็ไม่ได้แทนกันซะทีเดียวเพราะตอนแรกอรเป็นสำรองสายไหมอีกที ตำแหน่งขี่กันอยู่)
- ปลื้มจิตรเป็นคนเดียวมั้งที่ได้โอกาสไม่ใช่เพราะรุ่นพี่เจ็บ แต่เพราะหมดใจ ศรันยาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้บาดเจ็บมากแต่ก็ตัดสินใจเลิกเล่นพร้อมคนอื่นๆ (แอนณา, พัชรี, วัลภา) หลังพลาดเอเชียนเกมส์ครั้งที่14 ตอนนั้นไทยแพ้ไต้หวันได้อันดับ 5 แล้วโดนด่าสนั่นเมือง ทำให้นักกีฬาที่ต้องใช้คำว่าบาดเจ็บทั้งทีมตัดสินใจเลิกเล่นกันหมดเพราะร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ ถือเป็นต้นกำเนิดของเจ็ดเซียนในทุกวันนี้
ยิ่งชุดปัจจุบันอย่างทัดดาวนี่มากับดวงเท่านั้น ขอฟันธง 1000% ถ้าอภิศนาไม่เจ็บ เธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเป็นตัวเยาวชน ถ้าอำพรไม่เจ็บ เธอก็ไม่ได้ขึ้นมาเล่นตัวจริงชุดใหญ่ ทุกคนจะรู้จักทัดดาวในนาม "เด็กคนนี้ตัวสูงดีแต่ไม่เคยเห็นฟอร์ม น่าได้รับโอกาส" เหมือนคนอื่นๆตอนนี้ที่เรารู้จักแต่ชื่อกับส่วนสูงเท่านั้น
ลองดูทีมอื่นที่เค้าเปลี่ยนตัวหลังโอลิมปิก แทบทั้งหมดยอมหลีกทางให้ทีมได้สร้างเด็กรุ่นใหม่ทั้งที่ยังฟอร์มดีมากด้วยซ้ำ เราต้องตั้งคำถามแล้วว่า ทำให้เค้าถึงยอมถอดอะไหล่ที่ยังใช้การได้ดีเพื่อสวมอันใหม่ได้ แต่ทำไมของไทยถึงต้องรอให้อะไหล่อันนั้นใช้งานจนเหล็กผุหมดสภาพจริงๆถึงค่อยเอาอันใหม่มาสวม มองจากเส้นทางของทีมชาติชุดใหญ่ในปัจจุบันก็คงเห็นภาพลางๆแล้วว่าถ้าจะรอให้รุ่นน้องขึ้นมาแทนนั้นคงต้องรอให้เล่นกันจนบาดเจ็บและเลิกเล่นเป็นวัฏจักรซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้อีก
===
edit เพิ่มข่าวสมัยโบราณเพราะมีคนบอกว่านั่งเทียนข้อมูล
ทีมลูกยางสาวไทยระส่ำ 6 ตัวแรก เตรียมอำลาทีมชาติโดยเฉพาะมือเซตลูกยางสาวทีมชาติไทย วัลภา จิตรอ่อง และ วิสุตา หีบแก้วเลิกรับใช้ชาติแน่นอน หลังพบความล้มเหลวจากเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 เช่นเดียวกับมือตบสาวทั้ง พัชรี แสงเมือง, แอนณา ไภยจินดา และศรันยา ศรีสาครแต่ทางสตาฟฟ์โค้ชยังยับยั้งไว้ เพราะยังมีภาระหนักในปี 46 นี้ ขณะที่"น้องจิ๋ม" วัลภา จิตรอ่อง เผยยังสองจิตสองใจ เนื่องจากรักลูกยางยังตัดใจไม่ขาด
วัลภา จิตรอ่อง มือเซตทีมชาติไทยตัวหลัก ที่รับช่วงต่อจาก ปริม อินทวงศ์ กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากจบเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 นั้น ต้องยอมรับว่าผลงานของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยออกมาล้มเหลว ได้อันดับที่ 5 แต่จริงๆ แล้วพวกนักกีฬาทุกคนตั้งใจอย่างมาก แต่คนเราผิดพลาดกันได้นักกีฬาทุกคนตั้งใจอย่างมาก เราทุ่มเทให้กับการแข่งขันอย่างมากถึงแม้เราจะมีปัญหากับโค้ชก็ตาม แต่เราแยกแยะได้เวลาลงสนามแข่งขันเราทุ่มใจให้กับมันเต็มที่แล้ว ปัญหาอีกอย่างของเราก็คือ อาการบาดเจ็บของทุกคนเรา เพราะไทยไม่เคยแข่งระดับโลก เมื่อแข่งติดๆ กันหลายๆ รายการ ทำให้ร่างกายเราล้าเราพลาด ที่เราแพ้ไต้หวัน ก็เพราะเราบาดเจ็บกันทุกคน
มือเซตทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทย ยังกล่าวอีกว่า "ตอนนี้เป็นช่วงพักเพื่อตรวจดูตัวเองให้ดี ใจจริงแล้ว อยากจะเลิกเล่นทีมชาติ ตัดสินใจกันไปแล้วโดย 6 ตัวหลักของทีม ไม่ว่าจะเป็น แอนณา ไภยจินดา, ศรันยา ศรีสาคร, พัชรี แสงเมือง, วัลภา จิตรอ่อง ทุกคนเตรียมที่จะอำลาทีมชาติหมดแล้ว รวมทั้ง วิสุตา หีบแก้ว มือเซต อีกคน ตัดสินใจที่จะเลิกเล่นทีมชาติแน่นอน ในส่วนของ "จิ๋ม" เอง ทางผู้ใหญ่อ้อนวอนไว้ว่า ขอให้จบแมตช์ซีเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่เวียดนามก่อน แต่เรากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนเดิมเหมือนเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14"
"จริงๆ แล้ว "จิ๋ม" อยากจะอำลาทีมชาติ อยากจะเลิกเล่นทีมชาติเนื่องจากกลัวว่าถ้าเราเล่นได้ไม่ดี เราจะโดนด่า ยอมรับว่ากลัวโดนด่านะหลังจากที่ล้มเหลวในเอเชียนเกมส์ คนว่าเยอะมาก ไม่มีใครสนใจเราเลยเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน ที่เราล้มญี่ปุ่นได้ มีแต่คนสนใจเรา เมื่อเราล้มเหลวทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้ายังเล่นทีมชาติอยู่กลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเหมือนเดิมแล้วโดนว่า แต่ตอนนี้ยอมรับว่าวอลเลย์บอลอยู่ในสายเลือด ตัดยังไงก็ไม่ขาดจึงสองจิตสองใจ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลิกเล่นดีหรือเปล่า ทั้งๆที่ใจจริงแล้วอยากเลิกเล่น เพียงแต่ว่ายังตัดใจไม่ขาดเท่านั้นแหละ" วัลภา จิตรอ่อง กล่าวทิ้งท้าย
---
3ตัวหลักวอลเลย์ฯหญิงลาทีมชาติ
นายเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนสมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แอนนา ไภยจินดา,ศรัณยา ศรีสาคร และวัลภา จิตรอ่อง สามนักวอลเลย์สาวแกนหลักทีมชาติไทยตัดสินใจอำลาการเล่นทีมชาติแล้ว โดยแอนนา ตัวตบหลักและวัลภา ตัวเซ็ตเตอร์มีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง ทางด้านศรัณยา ตัวตบเร็วมีงานทำเป็นหลักเป็นฐานจึงตัดสินใจเลิกเล่นทีมชาติและถือโอกาสเปิดทางให้นักกีฬารุ่นน้องได้ก้าวขึ้นไปเล่นแทนที่หลังจากรับใช้ชาติเป็นเวลานาน "การที่ทั้งสามเลิกเล่นมีผลกระทบต่อทีมหญิงไม่น้อยเนื่องจากทั้งหมดเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอดและมากไปด้วยประสบการณ์ ผิดกับผู้เล่นใหม่ที่ขาดประสบการณ์การเล่นระดับนานาชาติโดยโค้ชจะต้องแก้ปัญหาดังกล่าว แต่จะได้ความสดเข้ามาทดแทนเนื่องจากอายุยังน้อย" หัวหน้าผู้ฝึกสอนสมาคมวอลเลย์บอลฯ กล่าวในตอนท้ายว่า ขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของสต๊าฟโค้ชว่าจะพัฒนาทีมภายใต้การขาดผู้เล่นหลักพร้อมๆ กันถึงสามคนได้แค่ไหน แต่ปัญหาเรื่องผู้เล่นใหม่ขาดประสบการณ์น่าจะแก้ไขได้เนื่องจากในการแข่งขันปี 2546 ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยมีโปรแกรมการแข่งขันมากมาย