ผมเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นช่วงต้นปี 2549 และสิ่งที่อยู่คู่กับการลงทุนในตลาดหุ้นของผมก็คือห้องสินธร ห้องสินธรเป็นห้องที่ให้สิ่งดีๆรวมทั้งมุมมองใหม่ๆให้กับผมอยู่เสมอ
อยู่มาวันหนึ่งผมได้อ่านกระทู้หนึ่งในห้องสินธร เป็นกระทู้วิเคราะห์ดัชนี SET ด้วยกราฟมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่บอกเป้าหมาย SET ในระยะ 2 - 3 เดือนข้างหน้า จำได้ลางๆจขกท.เค้าบอกว่าหุ้นกำลังจะลงนะ แต่ตอนนั้นหุ้นเทรดการคึกคักมาก อ่านนสพ.หุ้นนักเคราะห์และใครๆก็มองมามันจะขึ้นไปตรงนั้นตรงโน้น พออ่านกระทู้จบผมคิดเลย เฮ้ย มันจะเป็นไปได้ยังไงเอาแค่ราคามาดูแล้วจะทำนายอนาคตได้แต่เนื่องจากจขกท.นั้นค่อนข้างจะมั่นใจมากและมีคนติดตามพอสมควร ผมก็เลยโอเค ลองเซฟกระทู้ไว้อ่าน ผ่านไป 2 เดือนฝรั่งก็กระหน่ำขายหุ้นเราและ SET ก็ลงไปจริงๆครับ ไปหยุดอยู่ตรงระดับที่กระทู้นั้นบอกไว้จริงๆ แน่นอนเจออย่างนี้คนอย่างผมก็ต้องทึ่ง เก่งจัง เค้าทำได้ยังไงและทำให้ผมอยากจะทำได้อย่างเค้าบ้าง
ในที่สุดผมก็ได้ลองของบ้าง จากกระทู้เก่าของผม
http://ppantip.com/topic/30533123 ซึ่งเขียนไว้เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้วผมได้วาดรูปนี้เอาไว้
และนี่คือดัชนี SET ของอาทิตย์ที่แล้ว
ผิดไปนิดนึง เกือบหล่อ ดัชนี SET ปรับตัวลงมาเกือบถึงเป้าหมาย 1247 จุดที่ผมเคยคำนวณไว้ เอาล่ะ ผมว่าตอนนี้ไม่มีใครอยากรู้แล้วว่าวิเคราะห์ยังไง แต่คงอยากรู้ว่าดัชนี SET จะไปทางไหนต่อ เป็นคำถามที่ดี แต่คงตอบได้แค่ว่า ไม่ทราบครับ ตอนที่ผมคิดว่ามันจะลงมาที่ Fibo 50% นั้น ตลาดยังดีมาก ดังนั้นเป็นไปได้ว่าตอนนั้นผมก็อาจจะคิดบวกตามตลาดเลยละเลยความเสี่ยงที่ SET จะลงไปถึง 1150 จุด ซึ่งเป็นระดับ Fibo 61.8% ไป ถึงตอนนี้ 1150 จุดก็ยังเป็นความเสี่ยงที่พอมองเห็นได้อยู่
เมื่อเรามองถึงจุดต่ำสุด เราก็ต้องดูพื้นฐานของตลาดกันบ้าง กำไรของบริษัทจดทะเบียนของเราปลายปีที่แล้วผมได้อ่าน Concensus ที่เค้าทำคาดการณ์เอาไว้พบว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียของเรารวมกันน่าจะได้ประมาณ 96 บาท ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นเค้าจะปรับขึ้นไปตามความคึกของตลาดจนเป็น 114 บาท แล้วพอหุ้นตกก็ปรับลงกันอุตลุดจนตอนนี้เหลือ 99 บาท สรุปเอาเป็นว่าเรายึด 96 บาทก็แล้วกันเพราะมันต่ำสุด เราจะได้ปลอดภัยหน่อย ที่กำไร 96 บาท/หุ้นนั้นพบว่าที่ P/E 12 เท่า ซึ่งเป็น P/E เฉลี่ยของ Emerging Market เราจะได้ดัชนี SET เท่ากับ 96 x 12 = 1152 จุด ถ้าให้ SET ขยับใน P/E Band ปกที่ SET เคยอยู่ที่ 11 - 13 เท่าเราก็จะได้ช่วงของดัชนี SET ที่ 1056 จุด - 1248 จุด ใกล้เคียง สอดคล้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างไม่น่าเชื่อ Fibo 78.6% 61.8% 50.0% อยู่ที่ 1016 จุด , 1150 จุด , 1247 จุดตามลำดับ
สรุปแล้วผมพบว่า SET กำลังกลับลงมาสู่ระดับที่ดัชนี SET เคยเทรดซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทจดทะเบียนล้วนๆโดยตัดสภาพคล่องส่วนเกินออกไป เดือนนี้ยังมีปัจจัยใหญ่ๆอีก 2-3 เรื่อง เช่นความชัดเจนในเรื่องของ QE ช่วงกลางเดือน ในช่วงปลายเดือนก็จะมีกองทุน Target Fund ที่ต้องปิดตัวเนื่องจากครบอายุราวๆ แปดพันล้านถึงหมื่นกว่าล้าน และสุดท้ายสิ้นเดือนก็จะมีการปรับพอร์ต MSCI ไตรมาส 3 ของปีนี้แล้ว ผมว่าพอเรื่องพวกนี้จบ ความผันผวนน่าจะลดลงและตลาดเราน่าจะนิ่งขึ้นจนถึงขั้นที่เข้าไปลงทุนได้สบายๆแล้วครับ โดยตลาดจะทำ Bottom ก่อน จากนั้นก็จะพื้นตัวและลงมาใหม่ก่อตัวเป็น Sideway หรือ Trading Range เราก็เข้าไปเทรดหาส่วนต่างตรงนั้นและสะสมหุ้นตัวที่ลงลึกเกินไปเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆได้ครับ
ต่อด้วยเรื่อง QE
ตรวจการบ้าน SET การวิเคราะห์ทางเทคนิคและผลกระทบของการลด QE
อยู่มาวันหนึ่งผมได้อ่านกระทู้หนึ่งในห้องสินธร เป็นกระทู้วิเคราะห์ดัชนี SET ด้วยกราฟมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่บอกเป้าหมาย SET ในระยะ 2 - 3 เดือนข้างหน้า จำได้ลางๆจขกท.เค้าบอกว่าหุ้นกำลังจะลงนะ แต่ตอนนั้นหุ้นเทรดการคึกคักมาก อ่านนสพ.หุ้นนักเคราะห์และใครๆก็มองมามันจะขึ้นไปตรงนั้นตรงโน้น พออ่านกระทู้จบผมคิดเลย เฮ้ย มันจะเป็นไปได้ยังไงเอาแค่ราคามาดูแล้วจะทำนายอนาคตได้แต่เนื่องจากจขกท.นั้นค่อนข้างจะมั่นใจมากและมีคนติดตามพอสมควร ผมก็เลยโอเค ลองเซฟกระทู้ไว้อ่าน ผ่านไป 2 เดือนฝรั่งก็กระหน่ำขายหุ้นเราและ SET ก็ลงไปจริงๆครับ ไปหยุดอยู่ตรงระดับที่กระทู้นั้นบอกไว้จริงๆ แน่นอนเจออย่างนี้คนอย่างผมก็ต้องทึ่ง เก่งจัง เค้าทำได้ยังไงและทำให้ผมอยากจะทำได้อย่างเค้าบ้าง
ในที่สุดผมก็ได้ลองของบ้าง จากกระทู้เก่าของผม http://ppantip.com/topic/30533123 ซึ่งเขียนไว้เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้วผมได้วาดรูปนี้เอาไว้
และนี่คือดัชนี SET ของอาทิตย์ที่แล้ว
ผิดไปนิดนึง เกือบหล่อ ดัชนี SET ปรับตัวลงมาเกือบถึงเป้าหมาย 1247 จุดที่ผมเคยคำนวณไว้ เอาล่ะ ผมว่าตอนนี้ไม่มีใครอยากรู้แล้วว่าวิเคราะห์ยังไง แต่คงอยากรู้ว่าดัชนี SET จะไปทางไหนต่อ เป็นคำถามที่ดี แต่คงตอบได้แค่ว่า ไม่ทราบครับ ตอนที่ผมคิดว่ามันจะลงมาที่ Fibo 50% นั้น ตลาดยังดีมาก ดังนั้นเป็นไปได้ว่าตอนนั้นผมก็อาจจะคิดบวกตามตลาดเลยละเลยความเสี่ยงที่ SET จะลงไปถึง 1150 จุด ซึ่งเป็นระดับ Fibo 61.8% ไป ถึงตอนนี้ 1150 จุดก็ยังเป็นความเสี่ยงที่พอมองเห็นได้อยู่
เมื่อเรามองถึงจุดต่ำสุด เราก็ต้องดูพื้นฐานของตลาดกันบ้าง กำไรของบริษัทจดทะเบียนของเราปลายปีที่แล้วผมได้อ่าน Concensus ที่เค้าทำคาดการณ์เอาไว้พบว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียของเรารวมกันน่าจะได้ประมาณ 96 บาท ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นเค้าจะปรับขึ้นไปตามความคึกของตลาดจนเป็น 114 บาท แล้วพอหุ้นตกก็ปรับลงกันอุตลุดจนตอนนี้เหลือ 99 บาท สรุปเอาเป็นว่าเรายึด 96 บาทก็แล้วกันเพราะมันต่ำสุด เราจะได้ปลอดภัยหน่อย ที่กำไร 96 บาท/หุ้นนั้นพบว่าที่ P/E 12 เท่า ซึ่งเป็น P/E เฉลี่ยของ Emerging Market เราจะได้ดัชนี SET เท่ากับ 96 x 12 = 1152 จุด ถ้าให้ SET ขยับใน P/E Band ปกที่ SET เคยอยู่ที่ 11 - 13 เท่าเราก็จะได้ช่วงของดัชนี SET ที่ 1056 จุด - 1248 จุด ใกล้เคียง สอดคล้องกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างไม่น่าเชื่อ Fibo 78.6% 61.8% 50.0% อยู่ที่ 1016 จุด , 1150 จุด , 1247 จุดตามลำดับ
สรุปแล้วผมพบว่า SET กำลังกลับลงมาสู่ระดับที่ดัชนี SET เคยเทรดซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทจดทะเบียนล้วนๆโดยตัดสภาพคล่องส่วนเกินออกไป เดือนนี้ยังมีปัจจัยใหญ่ๆอีก 2-3 เรื่อง เช่นความชัดเจนในเรื่องของ QE ช่วงกลางเดือน ในช่วงปลายเดือนก็จะมีกองทุน Target Fund ที่ต้องปิดตัวเนื่องจากครบอายุราวๆ แปดพันล้านถึงหมื่นกว่าล้าน และสุดท้ายสิ้นเดือนก็จะมีการปรับพอร์ต MSCI ไตรมาส 3 ของปีนี้แล้ว ผมว่าพอเรื่องพวกนี้จบ ความผันผวนน่าจะลดลงและตลาดเราน่าจะนิ่งขึ้นจนถึงขั้นที่เข้าไปลงทุนได้สบายๆแล้วครับ โดยตลาดจะทำ Bottom ก่อน จากนั้นก็จะพื้นตัวและลงมาใหม่ก่อตัวเป็น Sideway หรือ Trading Range เราก็เข้าไปเทรดหาส่วนต่างตรงนั้นและสะสมหุ้นตัวที่ลงลึกเกินไปเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆได้ครับ
ต่อด้วยเรื่อง QE