บิลโบ้กับโฟรโดเป็นผู้ถือแหวนครับ บอกได้ว่าทั้งสองคนครองครองแหวนจนแหวนได้กัดกร่อนจิตใจจนอ่อนแอครับ และตัวโฟรโดเองก็ได้รับบาดเจ็บจากมีดมอร์กูลซึ่งไม่มีวันหายขาด และจะกลับมามีอาการหลอนทุกครั้งเมื่อครบรอบเหตุการณ์นั้นทุกๆ1ปี ผู้ถือแหวนนั้นถือว่ามีส่วนช่วยให้ภารกิจสำเร็จ มิดเดิ้ลเอิร์ทจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง และจะได้อภิสิทธ์โดยการล่องเรือไปวาลินอร์(แผ่นดินอมตะ)ไปอยู่กับพวกเอล์ฟครับ และจะไม่หวนกลับมามิดเดิ้ลเอิร์ทอีก

ส่วนแซมนั้นก็ถือว่าเป็นผู้ถือแหวนเช่นกัน ถึงแม้จะแค่ระยะเวลาสั้นๆก็ตาม ตอนแรกนั้นแซมก็คัดค้านจะไปกับโฟรโดด้วย แต่โฟรโดบอกว่าเวลาของแซมยังไม่ถึง เพราะแซมยังมีภรรยา ลูกๆ รวมถึงยังเป็นนายกเทศมนตรีของไชร์ด้วย พูดง่ายๆคือยังมีภารกิจเหลืออยู่ครับ ดั้งนั้นเมื่อแซมออกจากราชการ และโรซี่(ภรรยา)ถึงแก่กรรม แซม(ซึ่งตอนนั้นแก่แล้ว)จึงฝากหนังสือปกแดง(ซึ่งรับมาจากโฟรโดอีกทีนึง)เอาให้เอลานอร์โฉมตรู ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของแซมเก็บเอาไว้และลาลูกๆทุกคน ส่วนตัวเองเดินทางไปเกรเฮเวนส์ ต่อเรือนั่งไปวาลินอร์ด้วยตนเอง เป็นผู้ถือแหวนคนสุดท้ายที่ออกจากมิดเดิ้ลเอิร์ทไป

หลังจากสงครามแหวน เลโกลัสได้นำเอลฟ์จำนวนหนึ่งลงมาที่อิธิลิเอนและทำให้ดินแดนนั้นกลายเป็นป่าร่มรื่นย์ ส่วนกิมลีนั้นนำคนแคระจำนวนหนึ่งไปที่เขาเฮล์มดีฟและได้ทำการขุดเจาะและสร้างสิ่งต่างๆมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูเมืองมินาส ทิริธที่โดนวิชคิงทำลายไปเมื่อสงคราม ช่วงที่เหลือนั้นเลโกลัสและกิมลีก็ได้ท่องเที่ยวดินแดนต่างๆทั่วมิดเดิ้ลเอิร์ท และกิมลีก็ได้สมญานามว่า"สหายเอล์ฟ" ซึ่งถือว่าเป็นคำที่ชื่นชมอย่างมากสำหรับคนแคระ กาลเวลาผ่านไป เลโกลัสก็ได้ทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง และได้ต่อเรือลำนึงขึ้นที่อิธิลิเอน และล่องไปตามแม่น้ำอันดูอินไปยังดินแดนวาลินอร์ ว่ากันว่ากิมลี(ซึ่งตอนนั้นแก่แล้ว)ก็ได้ขึ้นเรือไปกับเลโกลัสด้วย

คนที่ได้สิทธิขึ้นเรือไปวาลินอร์ก็มี บิลโบ โฟรโด แซม และกิมลีครับ