อยากรู้มั้ยคะ "ชีวิตเด็กทันตะ" กดดันขนาดไหน เรียนกันอย่างไร ทำไมจำเป็นต้องมีกะใจอยู่กับการเรียน

เห็นกระทู้บ่นเรื่องมีแฟนเป็นหมอ หรือเรียนหมอฟันแล้วไม่มีเวลาให้ และก็ไม่รู้ว่าเขาเรียนอะไร กดดันแค่ไหน จนต้องทำตัวห่างจากคุณไป

เราจะเล่าให้ฟัง

(คำชี้แจง : สำหรับเด็กเด้นท์บางคนอาจจะคิดว่าไม่ได้หนักหนาเท่ากับที่กระทู้นี้เล่าเพราะตนเองBorn to be มาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว
เพราะในมุมนี้ก็มีเพื่อนๆ ของท่านที่ไม่ได้Born to be และไม่ได้กินเปปทีนจนสอบได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่บางคนก็มีประสบการณ์และความรู้สึกเช่นนี้ไม่มากก็น้อย)



เรากำลังเรียนทันตะอยู่ชั้นคลินิก ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

เป็นชั้นคลินิกที่โหดมาก อ้อ...ชั้นคลินิกหมายถึง ชั้นปีที่ต้องทำคนไข้ด้วย เรียนเล็กเชอร์ไปด้วย และเรียนแลปบางวิชาไปด้วย

และปีที่เราอยู่ตอนนี้ก็ถือเป็นปีที่โหดสุดชีวิตเชียวแหละ

เพราะเราต้องเข้าทำงานคลินิกทุกวัน ตั้งแต่ 9โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น (บางวันมีเรียนเลกเชอร์ 8โมงถึง9โมง และ 5 โมงเย็นยันทุ่มถึงสองทุ่มด้วยค่ะ)

แบ่งเป็นคาบเช้ากับคาบบ่าย คาบนึงก็ลงทำงาน 1 วิชา เป็นวิชาที่แบ่งเป็นภาคทำฟันซึ่งมีดังนี้

1 ห้องตรวจฟัน ตรวจฟันและถ่ายX-ray เท่านั้น แล้วเซ็นต์ส่งต่อคนไข้ไปรักษาในแผนกอื่น
2 ห้องศัลยศาสตร์ ไว้ถอนฟัน ผ่าฟัน ตัดกระดูก ต่อกระดูก ดามฟัน มัดฟัน เจาะหนอง
3 ห้องเปอริโอ คือห้องรักษาโรคเหงือก ตัดแต่งเหงือ ขูดหินปูน
4 ห้องโอเปอเรทีฟ คือห้องอุดฟัน
5 ห้องเอ็นโดดอนติค คือห้องรักษารากฟัน
6 ห้องเด็ก คือห้องรักษาแต่ฟันเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี รักษาฟันแท้และฟันน้ำนมของเด็ก
7 ห้องพรอส คือห้องทำฟันปลอมทุกชนิด
8 ห้องทันตกรรมบดเคี้ยว คือห้องรักษาเกี่ยวกับระบบบดเคี้ยว กราม ข้อต่อขากรรไกร

ตอนนี้ทุกวันที่เราทำงานในแต่ละอาทิตย์ เราต้องเวียนลงทำงานพวกนี้ตลอด 5 วัน

ที่สำคัญการเรียนชั้นคลินิกของทันตแพทย์ เราจำเป็นต้องหาคนไข้มาทำฟันเองค่ะ คนไข้ในคิวที่อาจารย์แจกมาให้ไม่เพียงพอกับการเรียนของทุกคนเลย

การรักษาของเราก็ตามขั้นตอนอย่าง "หมอฟัน" แท้ๆ ค่ะ แต่ที่ต่างคือพวกเราต้องให้อาจารย์ตรวจทุกสเตป

ทำงานไม่ผ่านก็ต้องทำให้ผ่าน กว่าจะผ่านก็แล้วแต่ความยากง่ายของเคส (คนไข้) หรือความสามารถของพวกเราด้วย

ที่มากกว่านั้นก็คือ "จิตใจ" หรือจะเป็นดวง หรือพูดง่ายๆ คือ เก่งบวกเฮง

เก่งวิชาการหรือต่อให้ท่องหนังสือได้เป็นไฟแลบ แต่พอทำงานจริงโชคร้ายเจอเคสบรมยากกกกก หรือเป็นเพราะตัวเราเองที่ยังมีฝีมือไม่ดีพอ ก็เพราะเราเป็นหมอใหม่ที่ต้องใช้ประสบการณ์ในการฝึกฝนพัฒนาตัวเอง

ทันตะไม่ได้อยู่เฉยๆ แล้วมีคนไข้มาให้เราทำกันทุกคนและทุกวันนะคะ

เราลงงานเป็นคาบเรียน ได้คาบมาแล้วก็ต้องนัดคนไข้เอง บริหารจัดการคนไข้ ตารางเวลาเหมือนเป็นผู้จัดการตัวเองทุกอย่าง
(โทรหาคนไข้ทีอย่างกับเป็นโอเปอร์เรเตอร์ของบริษัทขายประกัน)

ไม่มีใครมานั่งเคลียร์คิวให้ เราไม่ได้นั่งๆ นอนๆ สบายๆ แล้วจะมีเลขาฯหรือเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์มาจัดตารางนัดคนไข้ให้เรา

เรามีคนไข้ 7 ภาค ทั้งหมด 12 คน ก็ต้องกลับมานั่งวางแผนเวลาการทำฟันเอง



อยู่ทันตะมีคำว่า "โชคช่วย" และ "โชคร้าย" เกิดขึ้นตลอดเวลา

โชคที่มันไม่เลือกcondition ไม่สนว่าคุณจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เป็นคนเก่งหรือคนเห่ย บางที่ก็มาเหมือนแกล้งกัน และกดชะตาชีวิตให้เดินช้ากว่าเดิมด้วย

บางสัปดาห์วางแผนมาเป็นอย่างดีว่าแต่ละคาบเราจะรักษาอะไรให้คนไข้คนไหน แต่พอถึงเวลาจริงคนไข้โทรมา "เลื่อนนัด" กะทันหันมันเจ็บปวดมากนะคะ

ถ้าวันนั้นเราไม่มีคนไข้มาทำก็แปลว่าเรา "ไม่ได้งาน" "ไม่ได้คะแนน" "เสียคาบเรียนไปฟรีๆ"




คิดดูนะคะ ว่าการเรียนในห้องเรียน เราจดเล็กเชอร์เพื่อกลับไปอ่าน ไปเตรียมสอบ เหมือนเรากับเพื่อนๆ ได้รับสิทธืมาเท่าๆ กันก็คือได้เข้าเรียนและฟังอ.สอน พอถึงเวลาก็เอาไปสอบ

แต่พวกเราที่อยู่ในคลินิก "ไม่ได้เป็นอย่างนั้น" เรามีคาบเรียนเท่ากัน แต่เรามีโอกาส มีโชค มีความสามารถ มีดวง ไม่เท่ากันค่ะ



ดังนั้นเรื่องคนไข้ เป็นเรื่องแรกๆ ที่สร้างความ "เครียด" "ความกดดัน" "ความยุ่งยากในชีวิตนักเรียนทันตแพทย์" อย่างมาก

ถ้าไม่ใช่คนไข้ที่เป็นญาติ หรือรู้จักกันจนคุยกันได้ ชวนมาทำฟันให้ครบตามที่เราต้องทำให้ผ่านไปได้ .....คิดดูสิคะจะเป็นยังไง

และคนไข้หลายคนของเราก็เป็นคนที่เราเพิ่งไป "จีบ" มาทำฟันด้วย เพิ่งรู้จักกันก็มีเยอะแยะ ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่ท่านๆ ก็สละเวลาครั้งละ 3 ชั่วโมงมาให้เราเรียน

และก็ไม่ได้นัดเพียงหนเดียวด้วยนะคะ  แต่บางภาคเช่น ภาคทำฟันปลอม หรือรักษารากฟัน นี่เป็นสิบๆ ครั้งเลย



(เดี๋ยวมาต่อ แรงกดดันต่อไป  นี่แค่เริ่มต้นค่ะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่