เรื่องนี้เป็นเรื่องของน้องที่ทำงานนะคะ ไม่ได้เกิดขึ้นกับ จขกท.แต่อย่างใด เพียงแค่อยากเอามาถ่ายทอดให้เพื่อนๆในพันทิปฟังคะ
เมื่อวานน้องที่ทำงานถูกขโมยรถมอเตอร์ไซด์ น้องเค้าจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ที่สถานีรถไฟหัวหมาก ตั้งแต่เวลา 7.30 - 19.00 น. เป็นแบบนี้มาทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือนได้ที่จอดแล้วต่อรถไฟมาทำงานที่พระราม9
ต้องบอกก่อนนะคะว่า รถมอเตอร์ไซด์ของน้องเรานั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นรถใหม่เลย ใช้งานมาแล้ว 4 ปีแต่สภาพยังดูไม่เก่าเท่าไรเพราะน้องเค้าดูแลรถดี และเป็นรถที่เค้าไว้ใช้ตั้งแต่อยู่ตจว. พอมาทำงานกรุงเทพฯเลยเอาขึ้นมาด้วย ถือว่ามีคุณค่าทางใจเพราะผ่อนมาเองตลอด
ตอนที่น้องเค้าเล่าให้ฟัง พวกเราก็ตกใจว่าเฮ้ย!! หายได้ไงฟะ ในเมื่อตรงนั้นเค้าก็จอดกันหลายคัน และที่สำคัญก็คือ มาจอดแล้วก็นั่งรถไฟไปทำงานเหมือนกัน สถานที่ก็ไม่ได้เปลี่ยว หรือ น่ากลัวอะไร มีคนเดินพลุกพล่านทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน (แต่เราก็เข้าใจคือโจรอะคะ เวลามันจะขโมยมันจะเนียนมาก และใช้ระยะเวลาสั้นมาก) แต่ที่ไม่เข้าใจคือ พอรถหาย น้องเค้าก็ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่สถานีหัวหมากก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อถามว่าตรงที่จอดมีกล้องวงจรปิดไม๊ รถหนูหายจะขอดูกล้องหน่อยคะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่า ที่นี่ไม่เคยหายนะ จอดกันก็ไม่เคยเจอว่าหาย เพิ่งมีคันแรกนี่แหละ (อืม น้องเรานึกในใจ ขอบคุณคะ ช่วยตูได้มากเลย)คือตอบมาแค่นี้จริงๆ แล้วก็ไป ลืมบอกอีกอย่างว่าตรงที่จอดมอไซด์เจ้าหน้าที่สถานีบอกว่าไม่มีกล้องวงจรปิดคะ!!
หลังจากนั้น ก็มาแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน (เจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งเราขอไม่บอกชื่อแล้วกันนะคะ) คุณพี่ตำรวจท่านนี้ก็แสดงความมีน้ำใจมาก
โดยบอกว่า เคสแบบนี้ตามยาก ไม่ได้คืนหรอก น้องเราปรี๊ดแตกเลยมานบอก คนกำลังเสียใจ ถึงจะตามไม่ได้ก็เข้าใจอยู่ แต่คุณพี่ตำรวจคะ
ประชาชนกำลังทุกข์ใจเลยมาแจ้งความ ถึงคุณพี่จะตามให้ หรือไม่ตามให้ก็ช่วยแสดงถึงความมีมารยาทพูดให้ประชาชนรู้สึกดีบ้างก็ได้คะ
สรุปขึ้นโรงพักไม่ได้อะไร นอกจากบันทึกประจำวัน กระดาษใบเดียว น้องมันก็บอกเราว่า หนูก็ไม่ได้หวังจะได้คืนแล้วละพี่ แต่มอไซด์มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรง เสียความรู้สึกตั้งแต่ที่สถานีหัวหมาก แล้วยังมาเจอที่สน.นี่อีก หนูก็แค่คิดว่ามาแจ้งความไว้อาจได้คืนดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
จากใจคนถูกขโมยมอเตอร์ไซด์
เมื่อวานน้องที่ทำงานถูกขโมยรถมอเตอร์ไซด์ น้องเค้าจอดมอเตอร์ไซด์ไว้ที่สถานีรถไฟหัวหมาก ตั้งแต่เวลา 7.30 - 19.00 น. เป็นแบบนี้มาทุกวัน เป็นเวลา 3 เดือนได้ที่จอดแล้วต่อรถไฟมาทำงานที่พระราม9
ต้องบอกก่อนนะคะว่า รถมอเตอร์ไซด์ของน้องเรานั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นรถใหม่เลย ใช้งานมาแล้ว 4 ปีแต่สภาพยังดูไม่เก่าเท่าไรเพราะน้องเค้าดูแลรถดี และเป็นรถที่เค้าไว้ใช้ตั้งแต่อยู่ตจว. พอมาทำงานกรุงเทพฯเลยเอาขึ้นมาด้วย ถือว่ามีคุณค่าทางใจเพราะผ่อนมาเองตลอด
ตอนที่น้องเค้าเล่าให้ฟัง พวกเราก็ตกใจว่าเฮ้ย!! หายได้ไงฟะ ในเมื่อตรงนั้นเค้าก็จอดกันหลายคัน และที่สำคัญก็คือ มาจอดแล้วก็นั่งรถไฟไปทำงานเหมือนกัน สถานที่ก็ไม่ได้เปลี่ยว หรือ น่ากลัวอะไร มีคนเดินพลุกพล่านทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน (แต่เราก็เข้าใจคือโจรอะคะ เวลามันจะขโมยมันจะเนียนมาก และใช้ระยะเวลาสั้นมาก) แต่ที่ไม่เข้าใจคือ พอรถหาย น้องเค้าก็ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่สถานีหัวหมากก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อถามว่าตรงที่จอดมีกล้องวงจรปิดไม๊ รถหนูหายจะขอดูกล้องหน่อยคะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ตอบมาว่า ที่นี่ไม่เคยหายนะ จอดกันก็ไม่เคยเจอว่าหาย เพิ่งมีคันแรกนี่แหละ (อืม น้องเรานึกในใจ ขอบคุณคะ ช่วยตูได้มากเลย)คือตอบมาแค่นี้จริงๆ แล้วก็ไป ลืมบอกอีกอย่างว่าตรงที่จอดมอไซด์เจ้าหน้าที่สถานีบอกว่าไม่มีกล้องวงจรปิดคะ!!
หลังจากนั้น ก็มาแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน (เจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งเราขอไม่บอกชื่อแล้วกันนะคะ) คุณพี่ตำรวจท่านนี้ก็แสดงความมีน้ำใจมาก
โดยบอกว่า เคสแบบนี้ตามยาก ไม่ได้คืนหรอก น้องเราปรี๊ดแตกเลยมานบอก คนกำลังเสียใจ ถึงจะตามไม่ได้ก็เข้าใจอยู่ แต่คุณพี่ตำรวจคะ
ประชาชนกำลังทุกข์ใจเลยมาแจ้งความ ถึงคุณพี่จะตามให้ หรือไม่ตามให้ก็ช่วยแสดงถึงความมีมารยาทพูดให้ประชาชนรู้สึกดีบ้างก็ได้คะ
สรุปขึ้นโรงพักไม่ได้อะไร นอกจากบันทึกประจำวัน กระดาษใบเดียว น้องมันก็บอกเราว่า หนูก็ไม่ได้หวังจะได้คืนแล้วละพี่ แต่มอไซด์มันก็มาจากน้ำพักน้ำแรง เสียความรู้สึกตั้งแต่ที่สถานีหัวหมาก แล้วยังมาเจอที่สน.นี่อีก หนูก็แค่คิดว่ามาแจ้งความไว้อาจได้คืนดีกว่าไม่ทำอะไรเลย