Riddick ตัวละครสุดรักของพี่วิน โซฮอล เอ้ย ดีเซล ที่พี่วินรักมากๆตั้งแต่หนัง Pitch Black หนังสยองขวัญอวกาศทุนต่ำที่พี่วิน รับบทเป็นริดดิคนักโทษประหารที่ติดอยู่บนดาวมรณะไร้ทางหนีที่ยามค่ำคืนจะมีเอเลี่ยนฉลามหัวขวานเข้ามาสร้างความสยดสยอง โดย Pitch Black นั้นถือว่าเป็นม้ามืดหนังอวกาศเลยก็ได้ครับ และที่ผู้ชมติดใจกันสุดๆคือตัวละครริดดิคที่มีผู้สมัครเป็นแฟนคลับกันทั่วโลก จนเกิดภาคสองขึ้นมาในชื่อ Chronicle of Riddick ที่กลายเป็นหนังสงครามอวกาศแย่งชิงบัลลังค์ที่ล้มเหลวทั้งรายได้และคำวิจารณ์ จนพี่วิน ดีเซล กลายเป็นพี่วิน แอลพีจีไปเลย (ไม่น่าเกี่ยวกัน)
แต่ด้วยริดดิคเป็นตัวละครที่มีแฟนคลับเยอะ แถมเป็นตัวละครที่พี่วินทั้งรักทั้งหวง แถมยังเป็นตัวละครที่ทำให้พี่วินได้แจ้งเกิดอีกต่างหาก ด้วยเสียงเรียกจากแฟนๆ พร้อมทั้งความรักที่มี พี่วิน เลยพยายามเข็นโปรเจ็คนี้อย่างสุดความสามารถ ถึงแม้อุปสรรคจะขวางกั้นไม่ว่าจะโดนหั่นทั้งงบและเวลาในการสร้าง จนเกิดเป็นภาคสามที่ใช้ชื่อ Riddick เป็นตัวขายซะเลย
ในภาคสามนี้จะกลับไปใช้รูปแบบและสไตล์การดำเนินเรื่องแบบภาคแรกหรือ Pitch Black เลยครับ เมื่อริดดิคถูกหักหลังมาปล่อยทิ้งที่ดาวมรณะแสนอ้างว้างโดดเดี่ยว มีแต่ทะเลทราย แถมยังมีลางร้ายเมื่อเมฆฝนกำลังพาเอเลี่ยนพิษกระจายมาเป็นฝูงอีกต่างหาก ริดดิคเลยเอาค่าหัวตัวเองนี่ล่ะล่อให้พวกนักล่าค่าหัวมาหาริดดิคเพื่อที่จะขโมยยานออกจากดาวมรณะนี่สักที
หนังภาคนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องดูสองภาคแรกมาก่อนก็ดูรู้เรื่องและสนุกไปกับหนังได้ครับ แต่คนที่เคยดูหรือเป็นแฟนหนังริดดิคมาก่อนจะอินไปกับตัวริดดิคได้มากกว่าคนที่ไม่เคยดู แถมจะยังสนุกที่หนังมีการโยงไปยังเนื้อเรื่องสองภาคแรกพอให้หายคิดถึง รวมไปถึงบางฉากที่ตั้งใจทำให้เหมือนกับภาคแรกเลยด้วยซ้ำ เช่น ฉากตัดผมสาว และฉากนั่งโชว์ความหล่อเป็นต้น
หนังภาคนี้จะแบ่งออกเป็นสามช่วงหลักๆ ช่วงแรกจะเป็นช่วงที่พี่ริดดิคเอาตัวรอดจากดาวมรณะด้วยความทรหดอดทน ค่อยๆให้เราเห็นพัฒนาการความอึดและความเก่งของตัวริคดิค เหมือนกับริดดิคกำลังเก็บประสบการณ์เพื่ออัพลีเวลในเกมส์ และให้เราได้เห็นสภาพแวดล้อมที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงเปิดตัวเอเลี่ยนศัตรูตัวหลักภาคนี้ หนังเรื่องนี้มีข้อดีที่แตกต่างหนังอวกาศทั่วๆไปตรงที่มันดิบๆ ดูเถื่อนๆ ให้อารมณ์คล้ายๆกับแหล่งเสื่อมโทรมที่ถูกปล่อยทิ้งร้างครับ และทำให้ดูเหมือนหนังเรื่องนี้อยู่ในโลกอนาคต ดูสมจริงและน่าจะมีอยู่จริงแตกต่างจากหนังอวกาศพวกประเภทอย่าง Star Wars หรือ Star Trek ที่ออกแนวแฟนตาซีจ๋าไปเลยครับ
ส่วนช่วงที่สองเป็นช่วงที่พี่ริคดิคใช้ลูกล่อลูกชนกับเหล่านักล่าค่าหัว ครับ เป็นช่วงที่สนุก และมันส์ดี ทำให้เราได้เห็นความเก่งเวอร์ของริคดิค ราวกับเป็นผีที่จับตัวไม่ได้ค่อยๆปั่นหัวพวกนักล่าค่าหัวไปเรื่อยๆ และแสดงให้เห็นว่าคนอื่นๆกลัวริดดิคกันมากมายขนาดไหน ก่อนที่จะไปสู่ช่วงที่สามที่ต้องหนีฝูงสัตว์ประหลาดมากมายเพื่อออกจากดาวมรณะครับ
ข้อดีที่ผมชอบในภาคนี้ซึ่งภาคอื่นไม่มีให้เห็น คืออารมณ์ขันครับ หนังปล่อยมุขได้ตลอดเรื่อง และมีปริมาณที่เหมาะสมไม่ทำให้อารมณ์ของหนังลดลงแต่ประการใด ที่สำคัญตัวหนังทำได้มันส์ ดูสนุก แอ๊คชั่นดุดัน ภาพและฉากต่างๆทำได้ตามความคาดหมายโดยไม่ถูกทุนสร้างอันน้อยติดดินทำให้ภาพออกมาแย่แต่อย่างใด ส่วนการดำเนินเรื่องของหนังก็ลื่นไหลไม่สะดุด อีกทั้งการเล่าเรื่องในแบบที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ไม่ไร้สาระ ตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบ Scifi - Horror ได้เป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับตัวริดดิคเองก็ยังคงเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าน่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก ยิ่งในภาคนี้นั้นตัวริดดิคมีความมนุษย์มากขึ้น มีหัวจิตหัวใจและความอบอุ่นมากขึ้น (ดูได้จากที่มีน้องหมาต่างดาวเป็นเพื่อนซี้) ไม่ใช่ไอ้จอมโหดเหมือนกับในภาคแรก
แต่ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายตรงที่ความตึงเครียดกดดันในสถานที่อันโหดร้าย มองแทบไม่เห็นทางออกลดลงเยอะมากครับ อีกทั้งการที่ตัวละครแต่ละตัวไม่มีค่อยมีมิติ เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ใส่มาเพื่อให้ริคดิคได้โชว์ของ ได้โชว์ความเก่ง ทั้งๆที่ตัวละครหลายๆตัวน่าจะมีมิติด้านความชั่วร้ายของมนุษย์ได้เยอะ เหมือนอย่างในภาคแรกที่ความกดดันของหนังไม่ใช่สัตว์ประหลาดซะทีเดียว แต่เป็นความเลวเอาแน่เอานอนไม่ได้ของมนุษย์นี่ล่ะ ซึ่งในภาคนี้ก็เอาประเด็นหักหลังมาพูดกันพอเป็นพิธีมากกว่า และผมว่าตัวริดดิคเองก็ทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไม่เท่ากับภาคแรกครับ ตัวริคดิคเองกลายเป็นพระเอก มากกว่าที่จะเป็นตัวคุ้มดีคุ้มร้ายเอาแน่เอานอนไม่ได้ และหนังไม่ดึงสัญชาติญาณดิบและสัตว์ป่าในตัวของริคดิคได้มากพอ ทั้งๆที่ความดิบเถื่อนเป็นจุดขายของตัวริดดิคเองเลยด้วยซ้ำ จนริคดิคในภาคนี้ก็ไม่แตกต่างจากซุปเปอร์ฮีโร่ฝ่ายดีในหนังการ์ตูนที่มีความเก่ง และความสามารถเท่ๆอย่างสายตาที่มองกลางคืนได้ (ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในภาคนี้) และในช่วงสุดท้ายที่เจอฝูงเอเลี่ยนรุมควรจะเป็นช่วงที่กดดันและตึงเครียดกลับกลายเป็นฉากแอ๊คชั่นธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้สะดุ้งและจดจำ (เอเลี่ยนแมงป่องในภาคนี้ไม่เท่ ไม่น่าเกรงขามเหมือนกับเอเลี่ยนค้างคาวฉลามในภาคแรกเลยครับ)
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Riddick เป็นหนังที่สนุก มันส์ เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากดูหนังที่มอบความบันเทิงให้แบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องซีเรียส แต่หนังดูไม่โง่ มีเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องและมีตัวละครที่ดี(หมายถึงริคดิคนะครับ) ดูออกมาแล้วรู้สึกมันส์ รู้สึกยิ้มได้ และที่สำคัญหนังภาคนี้ทำให้ริดดิคฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง และผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวละครนี้ในหนังเรื่องต่อไปอีกในอนาคตครับ
(ปล.เทคโนโลยีหลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้เหมือนเทคโนโลยีที่เห็นในเกมที่เกี่ยวกับอนาคตดีครับ เพื่อนๆที่ดูแล้วคิดเหมือนกันหรือเปล่าครับ)
>>> B <<<
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=714407491909631&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&ref=nf
[CR] Riddick ถึงจะไม่กดดันเท่าภาคแรก แต่ก็โหด มันส์ ฮา สมกับเป็น Riddick
Riddick ตัวละครสุดรักของพี่วิน โซฮอล เอ้ย ดีเซล ที่พี่วินรักมากๆตั้งแต่หนัง Pitch Black หนังสยองขวัญอวกาศทุนต่ำที่พี่วิน รับบทเป็นริดดิคนักโทษประหารที่ติดอยู่บนดาวมรณะไร้ทางหนีที่ยามค่ำคืนจะมีเอเลี่ยนฉลามหัวขวานเข้ามาสร้างความสยดสยอง โดย Pitch Black นั้นถือว่าเป็นม้ามืดหนังอวกาศเลยก็ได้ครับ และที่ผู้ชมติดใจกันสุดๆคือตัวละครริดดิคที่มีผู้สมัครเป็นแฟนคลับกันทั่วโลก จนเกิดภาคสองขึ้นมาในชื่อ Chronicle of Riddick ที่กลายเป็นหนังสงครามอวกาศแย่งชิงบัลลังค์ที่ล้มเหลวทั้งรายได้และคำวิจารณ์ จนพี่วิน ดีเซล กลายเป็นพี่วิน แอลพีจีไปเลย (ไม่น่าเกี่ยวกัน)
แต่ด้วยริดดิคเป็นตัวละครที่มีแฟนคลับเยอะ แถมเป็นตัวละครที่พี่วินทั้งรักทั้งหวง แถมยังเป็นตัวละครที่ทำให้พี่วินได้แจ้งเกิดอีกต่างหาก ด้วยเสียงเรียกจากแฟนๆ พร้อมทั้งความรักที่มี พี่วิน เลยพยายามเข็นโปรเจ็คนี้อย่างสุดความสามารถ ถึงแม้อุปสรรคจะขวางกั้นไม่ว่าจะโดนหั่นทั้งงบและเวลาในการสร้าง จนเกิดเป็นภาคสามที่ใช้ชื่อ Riddick เป็นตัวขายซะเลย
ในภาคสามนี้จะกลับไปใช้รูปแบบและสไตล์การดำเนินเรื่องแบบภาคแรกหรือ Pitch Black เลยครับ เมื่อริดดิคถูกหักหลังมาปล่อยทิ้งที่ดาวมรณะแสนอ้างว้างโดดเดี่ยว มีแต่ทะเลทราย แถมยังมีลางร้ายเมื่อเมฆฝนกำลังพาเอเลี่ยนพิษกระจายมาเป็นฝูงอีกต่างหาก ริดดิคเลยเอาค่าหัวตัวเองนี่ล่ะล่อให้พวกนักล่าค่าหัวมาหาริดดิคเพื่อที่จะขโมยยานออกจากดาวมรณะนี่สักที
หนังภาคนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องดูสองภาคแรกมาก่อนก็ดูรู้เรื่องและสนุกไปกับหนังได้ครับ แต่คนที่เคยดูหรือเป็นแฟนหนังริดดิคมาก่อนจะอินไปกับตัวริดดิคได้มากกว่าคนที่ไม่เคยดู แถมจะยังสนุกที่หนังมีการโยงไปยังเนื้อเรื่องสองภาคแรกพอให้หายคิดถึง รวมไปถึงบางฉากที่ตั้งใจทำให้เหมือนกับภาคแรกเลยด้วยซ้ำ เช่น ฉากตัดผมสาว และฉากนั่งโชว์ความหล่อเป็นต้น
หนังภาคนี้จะแบ่งออกเป็นสามช่วงหลักๆ ช่วงแรกจะเป็นช่วงที่พี่ริดดิคเอาตัวรอดจากดาวมรณะด้วยความทรหดอดทน ค่อยๆให้เราเห็นพัฒนาการความอึดและความเก่งของตัวริคดิค เหมือนกับริดดิคกำลังเก็บประสบการณ์เพื่ออัพลีเวลในเกมส์ และให้เราได้เห็นสภาพแวดล้อมที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงเปิดตัวเอเลี่ยนศัตรูตัวหลักภาคนี้ หนังเรื่องนี้มีข้อดีที่แตกต่างหนังอวกาศทั่วๆไปตรงที่มันดิบๆ ดูเถื่อนๆ ให้อารมณ์คล้ายๆกับแหล่งเสื่อมโทรมที่ถูกปล่อยทิ้งร้างครับ และทำให้ดูเหมือนหนังเรื่องนี้อยู่ในโลกอนาคต ดูสมจริงและน่าจะมีอยู่จริงแตกต่างจากหนังอวกาศพวกประเภทอย่าง Star Wars หรือ Star Trek ที่ออกแนวแฟนตาซีจ๋าไปเลยครับ
ส่วนช่วงที่สองเป็นช่วงที่พี่ริคดิคใช้ลูกล่อลูกชนกับเหล่านักล่าค่าหัว ครับ เป็นช่วงที่สนุก และมันส์ดี ทำให้เราได้เห็นความเก่งเวอร์ของริคดิค ราวกับเป็นผีที่จับตัวไม่ได้ค่อยๆปั่นหัวพวกนักล่าค่าหัวไปเรื่อยๆ และแสดงให้เห็นว่าคนอื่นๆกลัวริดดิคกันมากมายขนาดไหน ก่อนที่จะไปสู่ช่วงที่สามที่ต้องหนีฝูงสัตว์ประหลาดมากมายเพื่อออกจากดาวมรณะครับ
ข้อดีที่ผมชอบในภาคนี้ซึ่งภาคอื่นไม่มีให้เห็น คืออารมณ์ขันครับ หนังปล่อยมุขได้ตลอดเรื่อง และมีปริมาณที่เหมาะสมไม่ทำให้อารมณ์ของหนังลดลงแต่ประการใด ที่สำคัญตัวหนังทำได้มันส์ ดูสนุก แอ๊คชั่นดุดัน ภาพและฉากต่างๆทำได้ตามความคาดหมายโดยไม่ถูกทุนสร้างอันน้อยติดดินทำให้ภาพออกมาแย่แต่อย่างใด ส่วนการดำเนินเรื่องของหนังก็ลื่นไหลไม่สะดุด อีกทั้งการเล่าเรื่องในแบบที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆไม่ซับซ้อน แต่ไม่ไร้สาระ ตอบโจทย์ผู้ชื่นชอบ Scifi - Horror ได้เป็นอย่างดีเลยครับ สำหรับตัวริดดิคเองก็ยังคงเป็นตัวละครที่ผู้ชมทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าน่าจะชื่นชอบได้ไม่ยาก ยิ่งในภาคนี้นั้นตัวริดดิคมีความมนุษย์มากขึ้น มีหัวจิตหัวใจและความอบอุ่นมากขึ้น (ดูได้จากที่มีน้องหมาต่างดาวเป็นเพื่อนซี้) ไม่ใช่ไอ้จอมโหดเหมือนกับในภาคแรก
แต่ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายตรงที่ความตึงเครียดกดดันในสถานที่อันโหดร้าย มองแทบไม่เห็นทางออกลดลงเยอะมากครับ อีกทั้งการที่ตัวละครแต่ละตัวไม่มีค่อยมีมิติ เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ใส่มาเพื่อให้ริคดิคได้โชว์ของ ได้โชว์ความเก่ง ทั้งๆที่ตัวละครหลายๆตัวน่าจะมีมิติด้านความชั่วร้ายของมนุษย์ได้เยอะ เหมือนอย่างในภาคแรกที่ความกดดันของหนังไม่ใช่สัตว์ประหลาดซะทีเดียว แต่เป็นความเลวเอาแน่เอานอนไม่ได้ของมนุษย์นี่ล่ะ ซึ่งในภาคนี้ก็เอาประเด็นหักหลังมาพูดกันพอเป็นพิธีมากกว่า และผมว่าตัวริดดิคเองก็ทำให้หนังเรื่องนี้ไปได้ไม่เท่ากับภาคแรกครับ ตัวริคดิคเองกลายเป็นพระเอก มากกว่าที่จะเป็นตัวคุ้มดีคุ้มร้ายเอาแน่เอานอนไม่ได้ และหนังไม่ดึงสัญชาติญาณดิบและสัตว์ป่าในตัวของริคดิคได้มากพอ ทั้งๆที่ความดิบเถื่อนเป็นจุดขายของตัวริดดิคเองเลยด้วยซ้ำ จนริคดิคในภาคนี้ก็ไม่แตกต่างจากซุปเปอร์ฮีโร่ฝ่ายดีในหนังการ์ตูนที่มีความเก่ง และความสามารถเท่ๆอย่างสายตาที่มองกลางคืนได้ (ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในภาคนี้) และในช่วงสุดท้ายที่เจอฝูงเอเลี่ยนรุมควรจะเป็นช่วงที่กดดันและตึงเครียดกลับกลายเป็นฉากแอ๊คชั่นธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรให้สะดุ้งและจดจำ (เอเลี่ยนแมงป่องในภาคนี้ไม่เท่ ไม่น่าเกรงขามเหมือนกับเอเลี่ยนค้างคาวฉลามในภาคแรกเลยครับ)
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Riddick เป็นหนังที่สนุก มันส์ เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากดูหนังที่มอบความบันเทิงให้แบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องซีเรียส แต่หนังดูไม่โง่ มีเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องและมีตัวละครที่ดี(หมายถึงริคดิคนะครับ) ดูออกมาแล้วรู้สึกมันส์ รู้สึกยิ้มได้ และที่สำคัญหนังภาคนี้ทำให้ริดดิคฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง และผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นตัวละครนี้ในหนังเรื่องต่อไปอีกในอนาคตครับ
(ปล.เทคโนโลยีหลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้เหมือนเทคโนโลยีที่เห็นในเกมที่เกี่ยวกับอนาคตดีครับ เพื่อนๆที่ดูแล้วคิดเหมือนกันหรือเปล่าครับ)
>>> B <<<
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=714407491909631&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&ref=nf