กรณีของคุณ จขกท. คล้ายๆ กับเพื่อนเราคนนึง แต่เพื่อนเราเป็นฝ่ายชายนะคะ คือเค้าก็คบกับแฟนเก่าเค้ามาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง แต่เรียนกันคนละคณะนะคะ เราเรียนมหาลัยที่ต่างจังหวัด พอเรียนจบเค้าก็มาเรียนต่อโทที่กรุงเทพ แต่ตอนนั้นแฟนเค้ายังเรียนไม่จบเพราะคณะที่ฝ่ายหญิงเรียนใช้เวลามากกว่า แต่ถึงแยกกันก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ พอฝ่ายหญิงเรียนจบก็ตามเข้ามาทำงานในกรุงเทพ เราก็ได้แต่คิดว่าคู่นี้ยังไงก็คงได้แต่งงานกันแน่ๆ จนมาวันนึงเพื่อนๆ นัดสังสรรค์กันเราก็เลยแซวไปว่าเมื่อไหร่จะแต่ง รอการ์ดอยู่นะเว้ย ปรากฏว่ามันบอกว่าเลิกกันแล้วเมื่อไม่นานนี้เอง เราก็อึ้งๆ ไปว่าเลิกกันได้ไงเพราะฝ่ายหญิงก็ดูรักเพื่อนเรามาก แล้วเพื่อนเราก็ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ ถามไปถามมาเหตุผลก็คือว่าฝ่ายหญิงเริ่มพูดเรื่องแต่งงาน ยื่นคำขาดแบบจริงจังว่าจะแต่งงานกับเค้ามั้ย แต่ก็ไม่ได้เร่งถึงขนาดว่าต้องแต่งแบบทันที คือเค้าให้เวลาเพื่อนเราสองปี ถ้าสัญญาว่าจะแต่งฝ่ายหญิงเค้าก็จะรอ แต่ถ้าไม่...ก็เลิกกัน สุดท้ายฝ่ายเพื่อนเราก็เลือกที่จะเลิกกันไป ทั้งๆ ที่คบกันมาเกือบแปดปี ที่เราเล่ามาทั้งหมดคืออยากจะเล่าให้ฟังในอีกมุมว่า บางครั้งต่อให้คบกันมานานแต่เมื่อความต้องการในการใช้ชีวิตม้นไม่ตรงกัน อนาคตที่คิดว่าจะมีร่วมกันมันก็จบได้ง่ายๆ เราถามเพื่อนเราว่ามันมีคนอื่นหรือเปล่า มันก็บอกว่ามันไม่มี (เพื่อนเราคนนี้ค่อนข้างสนิทกัน ดังนั้นมั่นใจได้ว่ามันไม่โกหก) เราก็เลยถามมันว่าแล้วเลิกกันทำไม ผู้หญิงเค้าก็ไม่ได้เร่งให้แต่งวันนี้พรุ่งนี้ซักหน่อย เหตุผลที่มันบอกเราก็คือ มันวางเป่าหมายชีวิตมันไว้ว่ามันอยากเรียนต่อปริญญาเอกแล้วก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคงกว่านี้ก่อน แต่ผู้หญิงไม่เข้าใจและยื่นคำขาดให้เลือก มันก็เลยเลือกที่จะทำความต้องการของตัวเอง ถ้าผู้หญิงรอได้ ไม่มาเร่งรัดยังไงมันก็คิดว่าจะแต่งงานกับเค้าอยู่แล้ว แต่พอเป็นแบบนี้มันเลยเลือกที่จะเลิกกัน ตอนนั้นเพื่อนเราก็เป๋ไปพักนึงเหมือนกัน เพราะตัวมันเองก็ไม่เคยคิดเรื่องที่จะเลิกกันมาก่อน คิดแต่ว่าคงแต่งงานกับคนนี้แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ ถ้าเราไม่เคยเจอกรณีเพื่อนเราแบบนี้แล้วได้มาอ่านข้อความของ จขกท. เราก็คงจะบอกว่าอย่าไปเสียใจหาแฟนใหม่ดีกว่า แต่เพราะกรณีของ จขกท. มันคล้ายกับเรื่องของเพื่อนเรา มันเลยทำให้เราเข้าใจได้ว่าบางครั้งความรักอย่างเดียวมันก็ไม่พอ เรามีความต้องการของเรา ในขณะที่อีกฝ่ายเค้าก็มีความต้องการของเค้าเหมือนกัน การไปยื่นคำขาดว่าคุณต้องทำ...อย่างที่เราต้องการไม่อย่างนั้นก็เลิกกันไปเลยบางครั้งเราว่ามันไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา เราว่าตอนที่คุณยื่นคำขาดกับฝ่ายชายไปตัวคุณเองก็คงไม่คิดหรอกว่าเค้าจะเลือกเลิกกับคุณแทนที่จะทำอย่างที่คุณต้องการ แต่ในเมื่อคุณมีทางเลือกให้เค้าแค่สองทางคือทำตามที่คุณต้องการกับเลิกกันไปเลย คุณก็ต้องยอมรับตรงจุดนั้นให้ได้ว่าคุณเป็นคนยื่นข้อเสนอไปก่อน บางครั้งการที่คนสองคนเลิกกันมันไม่ได้เกิกจากว่าเค้าไม่รักคุณ แต่เพราะเค้ายังไม่พร้อมที่จะทำตามความต้องการของคุณถึงจะคบกันมานานแค่ไหนมันก็คงต้องจบ สู้ๆ ค่ะ เราเชื่อว่าสักวันทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นจะมีแฟนใหม่หรือเปล่าเราว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้สึกว่าเราจะเจอคนที่ใช่คนใหม่เมื่อไหร่