ไม่มีอะไรมาก อยากเล่าเรื่องให้ฟัง (อ่าน) กันครับ (ยาวนิดหน่อย)
เนื่องจากแฟนผมมีงานพิเศษที่จะต้องไปทำตั้งแต่เช้า
วันนี้ผมออกจากบ้านเร็วกว่าปกติประมาณ 6.00 น.
ผมขับรถจากพระประแดงขึ้นสะพานภูมิพล ไปลงพระราม 3
แล้วเลี้ยวขวา ตรงไปถึงแยกไฟแดง ก่อนถึง ธ.กรุงศรีฯ
บริเวณแยกไฟแดง เป็นถนน 4 เลน
เลน 1-2 ให้ตรงไป
เลน 3-4 ให้เลี้ยวขวา
อยู่เลนที่ 2 เพื่อตรงไป และกำลังขับผ่านแยกไป
ขณะนั้นมีรถบัส ด้านหน้ารถเขียนว่า "กองทัพเรือ" มีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคันรถ
วิ่งขนาบข้างมาทางด้านขวารถผม ซึ่งก็คือเลนที่ 3 เป็นเลนสำหรับเลี้ยวขวา
แต่รถบัสคันนั้นไม่เลี้ยวขวา แต่ตรงไป และพยายามแทรกเข้าซ้าย เพราะข้างหน้าจะเหลือแค่ 2 เลน
จากความพยายามแทรกเข้าซ้าย รถบัสคันนั้นจึงเบียดมาเฉี่ยวกระจกมองด้านขวาของผมจนกระจกแตก
ผมจึงได้บีบแตร เพื่อให้เค้าจอด
แต่รถบัสคันนั้นก็ยังขับต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ข้างหน้าผม
ผมก็คิด เอาไงดี บอกให้แฟนช่วยจำทะเทียนรถไว้
พอดีผมมีจังหวะแซง จึงแซงขึ้นหน้า (ไม่ได้ปาดนะครับ ค่อยๆ ช้าๆ)
แล้วส่งสัญญาณให้รถบัสจอด
รถผม และรถบัส ก็ขับรถไปจอดข้างทาง
ผมต้องการพูดคุยดูก่อนว่าเค้าจะว่ายังไง ทำไมไม่จอดตั้งมีการเฉี่ยวกัน
ไม่อยากใช้เวลานาน เพราะผมต้องรีบไปส่งแฟน
แต่คนขับรถบัสบอกไม่รู้เรื่องอย่างเดียว ให้หารอยที่รถบัสอย่างเดียวว่ารอยอยู่ไหน
เค้าก็เดินดูด้านข้างรถบัส แล้วบอก "ไม่มีรอยเลย ไม่มีรอยเลย" พูดอยู่นั่นแหละ
คนขับรถไม่มาดูรถผมเลยแม้แต่น้อยว่าเสียหายตรงไหน ยังไง
คนบนรถบัสหลายคนก็ลงมา บางคนก็พูดเหมือนผมมาหาเรื่องซะงั้น
ผมก็เดินไปดูด้านข้างรถบัส ก็เห็นมีรอยอยู่บ้าง (แต่จะใช่รอยที่เฉี่ยวรถผมรึเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ)
ผมก็ชี้นี่ไงรอย คนขับก็บอก "นั่นมันรอยเก่า" (อ้าว...เมื่อกี้ยังบอก "ไม่มีรอยเลย")
ผมก็ชักเดือด ในเมื่อไม่ยอมรับกันดีๆ ก็ลองดูซักตั้ง กับรถบัส "กองทัพเรือ"
ตัดสินใจเรียกประกัน ซึ่งแฟนผมก็ต้องไปทำงานไม่ทันแน่ๆ
ผมบอกให้แฟนโทรเข้าที่ทำงาน เพื่อหาคนทำงานแทนแฟนผม (เดือดร้อนคนอื่นจนได้)
ประกันผมมาก่อน ผมก็อธิบายเหตุการณ์ให้ฟัง
ประกันก็ไปคุยกับทางนั้น เค้าก็ปฎิเสธเหมือนเดิม
ประกันก็ชี้รอยด้านข้างรถบัส (คนละรอยกับที่ผมชี้) ทางนั้นก็บอก "นั่นมันรอยเก่า" (อีกแล้ว)
จากนั้น ประกันผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเศษกระจก ณ จุดเกิดเหตุ
หายไปนาน กลับมาบอกว่า ไม่เจอเศษกระจก ไม่เจอร่องรอยใดๆ ทั้งสิ้น (อ้าว...เวรแล้วกรู)
พอประกันทางนั้นมา ก็คุยและตกลงกันว่า ต้องให้ตำรวจเป็นผู้ชี้ว่าใครผิดใครถูก
โดยต้องไปที่ สน.บางโพงพาง
ถึงตรงนี้ผมคิดหนัก เราจะเอาผิดเค้าได้ยังไงละเนี่ย
ตำรวจก็ไม่รู้เรื่อง ได้แต่ฟังจากทั้งสองฝ่าย
หลักฐานก็ไม่ชัดเจน ต้องทำใจซะละมั้ง
ไป สน. ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
พอดีประกันของผม เค้าบอกว่าจะลองโทรเรียกให้ตำรวจ มายังที่เจรจา (ทะเลาะ) กันอยู่
ตำรวจท่านก็ดีเหลือเกิน ยอมออกมา แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรเท่าไหร่แล้วหล่ะ
ตำรวจมาถึง ถามไถ่เหตุการณ์จากทั้งสองฝ่าย
ซึ่งอย่างน้อยทางนั้น ก็ยอมรับว่า อยู่เลนเลี้ยวแต่ขับเบียดเพื่อเข้าทางตรง
แต่ก็ปฎิเสธว่าไม่ได้เฉี่ยวรถผมอยู่ดี
ตำรวจก็ให้ผมพาไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งประกันมาดูแล้วไม่เจออะไร
ผมก็คิดว่าก็คงดูไปงั้นๆ แหละ ดูแปล็บๆ เดี๋ยวกับก็กลับ
ผมต้องขอชื่นชมตำรวจท่านนี้มากครับ เพราะท่านตรวจดูอย่างละเอียด
ไปเดินดูอยู่กลางถนน กลางแยกไฟแดง รถก็วิ่งไปวิ่งมา เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้
ดูไปก็ถ่ายรูปไป แล้วก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา เป็นเศษกระจก
พอดีแฟนผมก็เดินมาเจอกับชิ้นส่วนของกรอบกระจกมองข้างที่แตกเข้าอีก ผมกับแฟนดีใจมากเลย
แต่ยัง...ยังไม่พอ
นี่แค่บอกให้รู้ รถผมถูกเฉี่ยวจริง แต่จะใช่รถบัส "กองทัพเรือ" คันนี้ หรือเปล่า ?
ตำรวจก็เอาเศษกระจกและชิ้นส่วนให้ทางนั้นดู
โดยสันนิษฐานว่า รถบัสน่าจะเฉี่ยวรถผม โดยดูจากรอยที่ประกันผมชี้แต่แรก
แต่ทางนั้นเค้าก็ปฎิเสธเหมือนเดิม บอกว่า "นั่นมันรอยเก่า"
ตำรวจเลยบอก งั้นขับรถบัสด้านที่มีรอย มาเทียบกับกระจกมองข้างรถผม
ว่าอยู่ในระดับเดียวกันไหม ปรากฎว่าอยู่ในระดับเดียวกันเป๊ะ
ตำรวจจึงสรุปว่ารถบัส "กองทัพเรือ" นั้นผิด
ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว
ผมกับแฟนรู้สึกพอใจ ไม่เสียเวลาเปล่า
เพราะต้องการทำให้ทุกคน ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ความจริง
ว่าผมไม่ได้มามั่ว ไม่ได้มาหาเรื่องแต่อย่างใด
นี่ถ้าไม่สามารถหาความจริงได้ คงเซ็งไปหลายวัน
ผมต้องขอโทษผู้โดยสารบนรถบัสทุกท่านด้วย ที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา
ผมต้องขอขอบคุณ ตำรวจ สน.บางโพงพางทั้งสองท่าน ที่ทำหน้าที่อย่างจริงจัง
ผมรู้สึกชื่นชมท่านจากใจจริงครับ เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้
รวมทั้ง จนท.ประกันของกรุงเทพฯประกันภัย ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
จบแล้วครับ
รถผมถูกรถ "กองทัพเรือ" เฉี่ยวครับ
เนื่องจากแฟนผมมีงานพิเศษที่จะต้องไปทำตั้งแต่เช้า
วันนี้ผมออกจากบ้านเร็วกว่าปกติประมาณ 6.00 น.
ผมขับรถจากพระประแดงขึ้นสะพานภูมิพล ไปลงพระราม 3
แล้วเลี้ยวขวา ตรงไปถึงแยกไฟแดง ก่อนถึง ธ.กรุงศรีฯ
บริเวณแยกไฟแดง เป็นถนน 4 เลน
เลน 1-2 ให้ตรงไป
เลน 3-4 ให้เลี้ยวขวา
อยู่เลนที่ 2 เพื่อตรงไป และกำลังขับผ่านแยกไป
ขณะนั้นมีรถบัส ด้านหน้ารถเขียนว่า "กองทัพเรือ" มีผู้โดยสารนั่งมาเต็มคันรถ
วิ่งขนาบข้างมาทางด้านขวารถผม ซึ่งก็คือเลนที่ 3 เป็นเลนสำหรับเลี้ยวขวา
แต่รถบัสคันนั้นไม่เลี้ยวขวา แต่ตรงไป และพยายามแทรกเข้าซ้าย เพราะข้างหน้าจะเหลือแค่ 2 เลน
จากความพยายามแทรกเข้าซ้าย รถบัสคันนั้นจึงเบียดมาเฉี่ยวกระจกมองด้านขวาของผมจนกระจกแตก
ผมจึงได้บีบแตร เพื่อให้เค้าจอด
แต่รถบัสคันนั้นก็ยังขับต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ข้างหน้าผม
ผมก็คิด เอาไงดี บอกให้แฟนช่วยจำทะเทียนรถไว้
พอดีผมมีจังหวะแซง จึงแซงขึ้นหน้า (ไม่ได้ปาดนะครับ ค่อยๆ ช้าๆ)
แล้วส่งสัญญาณให้รถบัสจอด
รถผม และรถบัส ก็ขับรถไปจอดข้างทาง
ผมต้องการพูดคุยดูก่อนว่าเค้าจะว่ายังไง ทำไมไม่จอดตั้งมีการเฉี่ยวกัน
ไม่อยากใช้เวลานาน เพราะผมต้องรีบไปส่งแฟน
แต่คนขับรถบัสบอกไม่รู้เรื่องอย่างเดียว ให้หารอยที่รถบัสอย่างเดียวว่ารอยอยู่ไหน
เค้าก็เดินดูด้านข้างรถบัส แล้วบอก "ไม่มีรอยเลย ไม่มีรอยเลย" พูดอยู่นั่นแหละ
คนขับรถไม่มาดูรถผมเลยแม้แต่น้อยว่าเสียหายตรงไหน ยังไง
คนบนรถบัสหลายคนก็ลงมา บางคนก็พูดเหมือนผมมาหาเรื่องซะงั้น
ผมก็เดินไปดูด้านข้างรถบัส ก็เห็นมีรอยอยู่บ้าง (แต่จะใช่รอยที่เฉี่ยวรถผมรึเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ)
ผมก็ชี้นี่ไงรอย คนขับก็บอก "นั่นมันรอยเก่า" (อ้าว...เมื่อกี้ยังบอก "ไม่มีรอยเลย")
ผมก็ชักเดือด ในเมื่อไม่ยอมรับกันดีๆ ก็ลองดูซักตั้ง กับรถบัส "กองทัพเรือ"
ตัดสินใจเรียกประกัน ซึ่งแฟนผมก็ต้องไปทำงานไม่ทันแน่ๆ
ผมบอกให้แฟนโทรเข้าที่ทำงาน เพื่อหาคนทำงานแทนแฟนผม (เดือดร้อนคนอื่นจนได้)
ประกันผมมาก่อน ผมก็อธิบายเหตุการณ์ให้ฟัง
ประกันก็ไปคุยกับทางนั้น เค้าก็ปฎิเสธเหมือนเดิม
ประกันก็ชี้รอยด้านข้างรถบัส (คนละรอยกับที่ผมชี้) ทางนั้นก็บอก "นั่นมันรอยเก่า" (อีกแล้ว)
จากนั้น ประกันผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเศษกระจก ณ จุดเกิดเหตุ
หายไปนาน กลับมาบอกว่า ไม่เจอเศษกระจก ไม่เจอร่องรอยใดๆ ทั้งสิ้น (อ้าว...เวรแล้วกรู)
พอประกันทางนั้นมา ก็คุยและตกลงกันว่า ต้องให้ตำรวจเป็นผู้ชี้ว่าใครผิดใครถูก
โดยต้องไปที่ สน.บางโพงพาง
ถึงตรงนี้ผมคิดหนัก เราจะเอาผิดเค้าได้ยังไงละเนี่ย
ตำรวจก็ไม่รู้เรื่อง ได้แต่ฟังจากทั้งสองฝ่าย
หลักฐานก็ไม่ชัดเจน ต้องทำใจซะละมั้ง
ไป สน. ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
พอดีประกันของผม เค้าบอกว่าจะลองโทรเรียกให้ตำรวจ มายังที่เจรจา (ทะเลาะ) กันอยู่
ตำรวจท่านก็ดีเหลือเกิน ยอมออกมา แต่ผมก็ไม่ได้หวังอะไรเท่าไหร่แล้วหล่ะ
ตำรวจมาถึง ถามไถ่เหตุการณ์จากทั้งสองฝ่าย
ซึ่งอย่างน้อยทางนั้น ก็ยอมรับว่า อยู่เลนเลี้ยวแต่ขับเบียดเพื่อเข้าทางตรง
แต่ก็ปฎิเสธว่าไม่ได้เฉี่ยวรถผมอยู่ดี
ตำรวจก็ให้ผมพาไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งประกันมาดูแล้วไม่เจออะไร
ผมก็คิดว่าก็คงดูไปงั้นๆ แหละ ดูแปล็บๆ เดี๋ยวกับก็กลับ
ผมต้องขอชื่นชมตำรวจท่านนี้มากครับ เพราะท่านตรวจดูอย่างละเอียด
ไปเดินดูอยู่กลางถนน กลางแยกไฟแดง รถก็วิ่งไปวิ่งมา เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้
ดูไปก็ถ่ายรูปไป แล้วก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา เป็นเศษกระจก
พอดีแฟนผมก็เดินมาเจอกับชิ้นส่วนของกรอบกระจกมองข้างที่แตกเข้าอีก ผมกับแฟนดีใจมากเลย
แต่ยัง...ยังไม่พอ
นี่แค่บอกให้รู้ รถผมถูกเฉี่ยวจริง แต่จะใช่รถบัส "กองทัพเรือ" คันนี้ หรือเปล่า ?
ตำรวจก็เอาเศษกระจกและชิ้นส่วนให้ทางนั้นดู
โดยสันนิษฐานว่า รถบัสน่าจะเฉี่ยวรถผม โดยดูจากรอยที่ประกันผมชี้แต่แรก
แต่ทางนั้นเค้าก็ปฎิเสธเหมือนเดิม บอกว่า "นั่นมันรอยเก่า"
ตำรวจเลยบอก งั้นขับรถบัสด้านที่มีรอย มาเทียบกับกระจกมองข้างรถผม
ว่าอยู่ในระดับเดียวกันไหม ปรากฎว่าอยู่ในระดับเดียวกันเป๊ะ
ตำรวจจึงสรุปว่ารถบัส "กองทัพเรือ" นั้นผิด
ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว
ผมกับแฟนรู้สึกพอใจ ไม่เสียเวลาเปล่า
เพราะต้องการทำให้ทุกคน ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ความจริง
ว่าผมไม่ได้มามั่ว ไม่ได้มาหาเรื่องแต่อย่างใด
นี่ถ้าไม่สามารถหาความจริงได้ คงเซ็งไปหลายวัน
ผมต้องขอโทษผู้โดยสารบนรถบัสทุกท่านด้วย ที่ทำให้ท่านต้องเสียเวลา
ผมต้องขอขอบคุณ ตำรวจ สน.บางโพงพางทั้งสองท่าน ที่ทำหน้าที่อย่างจริงจัง
ผมรู้สึกชื่นชมท่านจากใจจริงครับ เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้
รวมทั้ง จนท.ประกันของกรุงเทพฯประกันภัย ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน
จบแล้วครับ