เมื่อวานเย็นดิฉันกลับบ้านตามปกติ ดิฉันต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเล็กๆ ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ท่าเรือใหญ่แบบ
ท่าพรานนก ท่าสาธร
ขณะที่ดิฉันเดินไปที่โป๊ะ มีครอบครัวนึง 3 คน พ่อ แม่ ลูกสาว เดินอยู่ข้างหน้าดิฉัน ดิฉันเห็นแล้วว่า
เป็นลักษณะของผู้มาปล่อยสัตว์น้ำ เพราะถือถังสีขาวใบใหญ่มา ด้วยความที่อยู่ใกล้ดิฉันเลยชะโงกหน้า
มองดูสัตว์ในถัง มันเป็นเต่าตัวใหญ่มากกกกก 1 ตัว....คับถังเลยทีเดียว
ตายแล้ววววววว....!!! คุณพระ !!! เขากำลังเอาเต่ามาปล่อยในแม่น้ำเจ้าพระยา
ขณะนั้นที่โป๊ะเรือ มีผู้ชายคนขับเรือลำอื่น ไม่ใช่ลำที่กำลังรอออกจากท่า นั่งอยู่เพียงคนเดียว
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในถังเป็นเต่า คงนึกว่าเป็นปลาทั่วๆไป เลยไม่ได้สนใจ
ดิฉันเห็นแล้วอดไม่ได้ สงสารเต่า มันจะต้องตายแน่ๆ จมน้ำตาย ลองคิดดูอย่าว่าแต่สัตว์เลย คนจมน้ำตาย
จะทรมานขนาดไหนกับการไม่มีอากาศหายใจ น้ำเข้าปากสำลักไปเรื่อยๆ ดิ้นรนสุดกำลังที่มี แต่ก็จมดิ่งลงไปไม่หยุดยั้ง
ใจนึงดิฉันก็กลัวโดนสามีภรรยาคู่นี้เอ็ดเอา คนเรามีความเชื่อไม่เหมือนกัน เดี่ยวจะหาว่าขวางทางบุญ
จริงๆแล้วเต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ใช่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ด้วยกระดองอันมโหฬาร มันจึงไม่สามารถว่ายน้ำได้นานๆ
เหมือนงู เอาไปปล่อยในแม่น้ำมันจะเหนื่อยจนตาย เพราะว่ายยังไงก็ไม่ถึงฝั่ง
“พี่อย่าปล่อยเต่าในแม่น้ำนะ” ดิฉันตัดสินใจบอกไป สองคนนั้นหันขวับมา “ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวมันตาย มันว่ายน้ำลึกไม่ได้” ดิฉันตอบแบบเร่งรีบ ร้อนรน เพราะเกรงใจคนที่นั่งรออยู่ในเรืออยู่ก่อนแล้ว
เรือที่ดิฉันโดยสารจะเป็นเรือเล็กๆ คือ เรือพายนั่นแหละ แต่ชาวบ้านนำไปติดเครื่องแบบที่เรียกกันว่า “หางเสือ” ด้านท้าย
ลำนึงจะไปกันประมาณ 4-5 คน ใครมาก่อนก็ลงไปนั่งรอในเรือ ค่าโดยสารก็จะเฉลี่ยกันไป แต่ถ้าใครต้องการความเร็ว
มาถึงออกปุ๊บ ซื้อเวลา ก็เหมาไป จ่ายในราคาเต็ม เอื้ออาทรกันดี สังคมเล็กๆ คนขับ-ผู้โดยสาร
ขณะนั้นเรือทั้งลำเขารอดิฉันคนเดียว ดิฉันรู้สึกเกรงใจผู้อื่น แต่ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องช่วยเต่า เลยบอกให้สามีภรรยาคู่นั้น
ดูป้ายที่ติดไว้ที่โป๊ะเรือ พอเขาเห็นเขาถึงเข้าใจ เขาถามดิฉันต่อว่า จะให้ไปปล่อยที่ไหน ดิฉันแนะนำเขาให้ไปปล่อยในสวน
พลางบอกว่า มันจะอยู่ในที่ๆมีดิน และมีน้ำ 2 คนนั้น จึงเข้าใจ เดินถือถังเต่ากลับไป และบอกดิฉันว่าเต่าตัวนี้
เขาเจอตามทางเลยจะเอามาปล่อย เดี๋ยวจะเอาไปปล่อยในสวน ใน กทม. คงมีแต่สวนสาธารณะล่ะมั้ง ดิฉันคิด
ขณะนั่งเรือกลับบ้าน ดิฉันรู้สึกปิติ อิ่มใจ ถึงขนาดมีรอยยิ้มออกมา และมีความรู้สึกขนลุกซู่วูบวาบเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ
ถ้าเรากำลังถูกไล่ล่าเอาชีวิต แล้วขณะนั้นผู้ล่าเกิดเป็นโรคปัจจุบันทันด่วน หรือหกล้มลงไป หรือมีใครมาช่วยเราไว้พอดี
เราคงรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และคงพร่ำขอบคุณเขาไม่ขาดปาก
เมื่อคืนดิฉันฝันเห็นเด็กผู้ชาย 4 คน หน้าตาดี มาเล่นดนตรีให้ฟัง สภาพบรรยากาศในฝันเป็นสีเหลืองทองอร่ามตา
ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเต่า แต่สาเหตุของความฝันมีได้ 4 ประการ ก็คงเป็น 1 ใน 4 นี้เอง
1. บุพนิมิตร
2. จิตนิวรณ์
3. เทพสังหรณ์
4. ธาตุโขภ
ในเวลานั้นดิฉันต้องรีบลงเรือ เลยไม่ได้ถ่ายภาพเต่ามาให้ชม ภาพ 2 ภาพนี้ ดิฉันเพิ่งถ่ายมาเมื่อเช้านี้เอง
ก็ขอมาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน
เช้านี้ดิฉันมาเล่าให้น้องที่ทำงานฟัง น้องเขาหน้าเสียพลางบอกว่า “พี่หนูเคยปล่อยเต่าในแม่น้ำ หนูไม่รู้จริงๆ”
ดิฉันทำได้เพียงปลอบใจ และเชื่อว่าน้องเขาจะไม่ทำอีกแน่นอน มันจะเป็นบุญเจือบาป
ผู้ไม่รู้ย่อมผิดและไม่เขลาใช่ไหม ดังนั้นถ้าท่านพบเห็นใครที่เขาทำแบบนี้ก็อย่าไปโมโหเขา เพราะเขาไม่รู้จริงๆ
บอกเขาไปเถิด นอกจากเขาจะรู้เพิ่มแล้ว เขายังจะได้ไปบอกคนอื่นต่อด้วย
สุดท้ายดิฉันขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้ พวกท่านหวังสิ่งใด อยากได้สิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด
ณ วันนี้พวกท่านยังมี “ชีวิต” อยู่ก็จงขวนขวาย สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ค้นหาเอาเอง ดิฉันเพียงขออวยพรว่า
ขอให้ท่านและครอบครัวมีชีวิตและสุขภาพที่ดี
พระพุทธเจ้ารู้จักใบไม้ทุกใบในป่า แต่ทรงประทานมาแค่กำมือเดียว ใบไม้ในกำมือเท่านี้ก็นำพาพ้นสังสารวัฏได้
ทุกวันนี้ เรารู้จักใบไม้นั้นอย่างแจ่มแจ้ง แม้เพียงสักใบแล้วหรือยัง
Best regards,
ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด และไม่เขลา
ท่าพรานนก ท่าสาธร
ขณะที่ดิฉันเดินไปที่โป๊ะ มีครอบครัวนึง 3 คน พ่อ แม่ ลูกสาว เดินอยู่ข้างหน้าดิฉัน ดิฉันเห็นแล้วว่า
เป็นลักษณะของผู้มาปล่อยสัตว์น้ำ เพราะถือถังสีขาวใบใหญ่มา ด้วยความที่อยู่ใกล้ดิฉันเลยชะโงกหน้า
มองดูสัตว์ในถัง มันเป็นเต่าตัวใหญ่มากกกกก 1 ตัว....คับถังเลยทีเดียว
ตายแล้ววววววว....!!! คุณพระ !!! เขากำลังเอาเต่ามาปล่อยในแม่น้ำเจ้าพระยา
ขณะนั้นที่โป๊ะเรือ มีผู้ชายคนขับเรือลำอื่น ไม่ใช่ลำที่กำลังรอออกจากท่า นั่งอยู่เพียงคนเดียว
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในถังเป็นเต่า คงนึกว่าเป็นปลาทั่วๆไป เลยไม่ได้สนใจ
ดิฉันเห็นแล้วอดไม่ได้ สงสารเต่า มันจะต้องตายแน่ๆ จมน้ำตาย ลองคิดดูอย่าว่าแต่สัตว์เลย คนจมน้ำตาย
จะทรมานขนาดไหนกับการไม่มีอากาศหายใจ น้ำเข้าปากสำลักไปเรื่อยๆ ดิ้นรนสุดกำลังที่มี แต่ก็จมดิ่งลงไปไม่หยุดยั้ง
ใจนึงดิฉันก็กลัวโดนสามีภรรยาคู่นี้เอ็ดเอา คนเรามีความเชื่อไม่เหมือนกัน เดี่ยวจะหาว่าขวางทางบุญ
จริงๆแล้วเต่าเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ไม่ใช่สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ด้วยกระดองอันมโหฬาร มันจึงไม่สามารถว่ายน้ำได้นานๆ
เหมือนงู เอาไปปล่อยในแม่น้ำมันจะเหนื่อยจนตาย เพราะว่ายยังไงก็ไม่ถึงฝั่ง
“พี่อย่าปล่อยเต่าในแม่น้ำนะ” ดิฉันตัดสินใจบอกไป สองคนนั้นหันขวับมา “ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวมันตาย มันว่ายน้ำลึกไม่ได้” ดิฉันตอบแบบเร่งรีบ ร้อนรน เพราะเกรงใจคนที่นั่งรออยู่ในเรืออยู่ก่อนแล้ว
เรือที่ดิฉันโดยสารจะเป็นเรือเล็กๆ คือ เรือพายนั่นแหละ แต่ชาวบ้านนำไปติดเครื่องแบบที่เรียกกันว่า “หางเสือ” ด้านท้าย
ลำนึงจะไปกันประมาณ 4-5 คน ใครมาก่อนก็ลงไปนั่งรอในเรือ ค่าโดยสารก็จะเฉลี่ยกันไป แต่ถ้าใครต้องการความเร็ว
มาถึงออกปุ๊บ ซื้อเวลา ก็เหมาไป จ่ายในราคาเต็ม เอื้ออาทรกันดี สังคมเล็กๆ คนขับ-ผู้โดยสาร
ขณะนั้นเรือทั้งลำเขารอดิฉันคนเดียว ดิฉันรู้สึกเกรงใจผู้อื่น แต่ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องช่วยเต่า เลยบอกให้สามีภรรยาคู่นั้น
ดูป้ายที่ติดไว้ที่โป๊ะเรือ พอเขาเห็นเขาถึงเข้าใจ เขาถามดิฉันต่อว่า จะให้ไปปล่อยที่ไหน ดิฉันแนะนำเขาให้ไปปล่อยในสวน
พลางบอกว่า มันจะอยู่ในที่ๆมีดิน และมีน้ำ 2 คนนั้น จึงเข้าใจ เดินถือถังเต่ากลับไป และบอกดิฉันว่าเต่าตัวนี้
เขาเจอตามทางเลยจะเอามาปล่อย เดี๋ยวจะเอาไปปล่อยในสวน ใน กทม. คงมีแต่สวนสาธารณะล่ะมั้ง ดิฉันคิด
ขณะนั่งเรือกลับบ้าน ดิฉันรู้สึกปิติ อิ่มใจ ถึงขนาดมีรอยยิ้มออกมา และมีความรู้สึกขนลุกซู่วูบวาบเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำ
ถ้าเรากำลังถูกไล่ล่าเอาชีวิต แล้วขณะนั้นผู้ล่าเกิดเป็นโรคปัจจุบันทันด่วน หรือหกล้มลงไป หรือมีใครมาช่วยเราไว้พอดี
เราคงรู้ซึ้งถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และคงพร่ำขอบคุณเขาไม่ขาดปาก
เมื่อคืนดิฉันฝันเห็นเด็กผู้ชาย 4 คน หน้าตาดี มาเล่นดนตรีให้ฟัง สภาพบรรยากาศในฝันเป็นสีเหลืองทองอร่ามตา
ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเต่า แต่สาเหตุของความฝันมีได้ 4 ประการ ก็คงเป็น 1 ใน 4 นี้เอง
1. บุพนิมิตร
2. จิตนิวรณ์
3. เทพสังหรณ์
4. ธาตุโขภ
ในเวลานั้นดิฉันต้องรีบลงเรือ เลยไม่ได้ถ่ายภาพเต่ามาให้ชม ภาพ 2 ภาพนี้ ดิฉันเพิ่งถ่ายมาเมื่อเช้านี้เอง
ก็ขอมาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน
เช้านี้ดิฉันมาเล่าให้น้องที่ทำงานฟัง น้องเขาหน้าเสียพลางบอกว่า “พี่หนูเคยปล่อยเต่าในแม่น้ำ หนูไม่รู้จริงๆ”
ดิฉันทำได้เพียงปลอบใจ และเชื่อว่าน้องเขาจะไม่ทำอีกแน่นอน มันจะเป็นบุญเจือบาป
ผู้ไม่รู้ย่อมผิดและไม่เขลาใช่ไหม ดังนั้นถ้าท่านพบเห็นใครที่เขาทำแบบนี้ก็อย่าไปโมโหเขา เพราะเขาไม่รู้จริงๆ
บอกเขาไปเถิด นอกจากเขาจะรู้เพิ่มแล้ว เขายังจะได้ไปบอกคนอื่นต่อด้วย
สุดท้ายดิฉันขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้ พวกท่านหวังสิ่งใด อยากได้สิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด
ณ วันนี้พวกท่านยังมี “ชีวิต” อยู่ก็จงขวนขวาย สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ค้นหาเอาเอง ดิฉันเพียงขออวยพรว่า
ขอให้ท่านและครอบครัวมีชีวิตและสุขภาพที่ดี
พระพุทธเจ้ารู้จักใบไม้ทุกใบในป่า แต่ทรงประทานมาแค่กำมือเดียว ใบไม้ในกำมือเท่านี้ก็นำพาพ้นสังสารวัฏได้
ทุกวันนี้ เรารู้จักใบไม้นั้นอย่างแจ่มแจ้ง แม้เพียงสักใบแล้วหรือยัง
Best regards,