ย้อนกลับไปเดือนพฤษภาคม ได้มีการนำเสนอข่าวไว้ว่า มีหลักฐานชี้ โซนี่กำลังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการรับรู้-จดจำเสียง สำหรับเครื่องเล่นเกม PlayStation ของตน มาตอนนี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่า PS4 จะมีการสนับสนุนการจดจำเสียง (สั่งงานด้วยเสียง) ผ่านทางอุปกรณ์เสริม PlayStation Camera
โดยเว็บไซต์ Eurogamer ได้รับการยืนยันข่าวดังกล่าวจากทางต้นสังกัด ซึ่งความสามารถกล้องนี้ ได้รับการเปิดเผยไปเมื่อเร็วๆนี้ที่งาน GameStop Expo ในเมืองลาสเวกัส และภายหลังจากนั้น ตัวแทนจากโซนี่ก็ได้มีการชี้แจงไปยังเว็บไซต์ Eurogamer ว่า "ทางเราสามารถยืนยันได้ว่า PS Camera จะช่วยให้มีการรับรู้ด้วยเสียง เราจะมีการแบ่งปันรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่ช้านี้"
และนั่นหมายความว่า คุณอาจจะต้องซื้อกล้องเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากเครื่องเล่นคอนโซล โดย PlayStation 4 จะเปิดตัวในอเมริกาเหนือในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ในราคา 399เหรียญสหรัฐฯ และ 29 พฤศจิกายนนี้ ในยุโรป สนนราคา 399เหรียญยูโร ซึ่ง PS4 จะไม่ได้มาพร้อมกับกล้อง PlayStation Eye ในตัว แต่สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มได้ในราคา 59เหรียญสหรัฐฯ (ในอเมริกาเหนือ) และ 49เหรียญยูโร (ในยุโรป) โดย PS4 ภายในชุดจะประกอบไปด้วย อุปกรณ์ควบคุม DualShock 4 จำนวน 1 ชิ้น, ชุดหูฟังโมโน 1 ชิ้น, สายเคเบิ้ล USB และ HDMI
ที่มา The Next Web
โซนี่ยืนยัน PS4 จะมีการสนับสนุนการจดจำเสียง (สั่งงานด้วยเสียง) ผ่านทาง PlayStation Camera
โดยเว็บไซต์ Eurogamer ได้รับการยืนยันข่าวดังกล่าวจากทางต้นสังกัด ซึ่งความสามารถกล้องนี้ ได้รับการเปิดเผยไปเมื่อเร็วๆนี้ที่งาน GameStop Expo ในเมืองลาสเวกัส และภายหลังจากนั้น ตัวแทนจากโซนี่ก็ได้มีการชี้แจงไปยังเว็บไซต์ Eurogamer ว่า "ทางเราสามารถยืนยันได้ว่า PS Camera จะช่วยให้มีการรับรู้ด้วยเสียง เราจะมีการแบ่งปันรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่ช้านี้"
และนั่นหมายความว่า คุณอาจจะต้องซื้อกล้องเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากเครื่องเล่นคอนโซล โดย PlayStation 4 จะเปิดตัวในอเมริกาเหนือในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ในราคา 399เหรียญสหรัฐฯ และ 29 พฤศจิกายนนี้ ในยุโรป สนนราคา 399เหรียญยูโร ซึ่ง PS4 จะไม่ได้มาพร้อมกับกล้อง PlayStation Eye ในตัว แต่สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มได้ในราคา 59เหรียญสหรัฐฯ (ในอเมริกาเหนือ) และ 49เหรียญยูโร (ในยุโรป) โดย PS4 ภายในชุดจะประกอบไปด้วย อุปกรณ์ควบคุม DualShock 4 จำนวน 1 ชิ้น, ชุดหูฟังโมโน 1 ชิ้น, สายเคเบิ้ล USB และ HDMI
ที่มา The Next Web