..เพิ่งดูจบครับ มีหลายความรู้สึกเหลือเกินที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว..ส่วนตัวผมว่าเป็นหนังที่มีอะไรๆที่น่าถูกพูดถึงอยู่เยอะมาก อยากลองเขียนถึงหนังเรื่องนี้ดูครับ..
------------------------------------------------------
หนังไทยเรื่อง"ตั้งวง" เป็นหนังที่เกือบๆจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนังนอกกระแสได้ไม่ยาก ในแง่ที่ว่ามันเป็นหนังที่สื่อสารออกมาด้วยท่าทีแบบทีเล่นทีจริงแต่ยิงคำถามกลับมาสู่คนดูแบบจริงจัง ตลกร้ายแต่ไม่ได้เบาสมอง และกล้าเล่นกับประเด็นหนักๆอย่าง "ความเป็นไทย" ได้อย่างไม่ดัดจริต..
หนังเปิดเรื่องด้วยตัวละครวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญได้มาบนบานศาลกล่าวกับศาลพ่อปู่เพื่อให้ตนสมหวังในเรื่องที่ต้องการ และจะด้วยความบังเอิญหรือความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปู่ก็ตามแต่..แต่ละคนต่างก็สมหวังในสิ่งที่ตัวเองขอ และนั่นเป็นที่มาของการมารวมตัวกันเพื่อซ้อมการรำไทยเพื่อรำแก้บนถวายพ่อปู่นั่นเอง..
ด้วยโครงเรื่องที่ไม่ซับซ้อนแบบนี้ เราจะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวทำล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยเราทั้งสิ้น.. และเอาเข้าจริงๆแล้ว เราทุกคนอาจเคยผ่านช่วงเวลาของการบนบานและแก้บนแบบนี้มาแล้วแทบทุกคน คำถามคือ..เราทำสิ่งนี้ลงไปเพราะความเชื่อความศรัทธาของเราจริงๆ , ทำไปเพียงเพื่อตอบสนองความสบายใจของเรา หรือว่าทำไปเพราะความกลัวในอำนาจบางอย่างที่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ?
วลีทองที่อยู่คู่กับสังคมเรามานานอย่าง "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" หรือ "อย่าดูถูกรากเหง้าของตัวเอง" นั้น จริงๆแล้วมันเป็นวลีที่สื่อให้เห็นถึงความเคารพในวัฒนธรรมของเรา หรือจริงๆแล้วมันเป็นเพียงวลีที่ขังเราไว้กับความกลัวต่อสิ่งที่เราไม่รู้และล่อหลอกให้เราหลงภูมิใจในความมีรากเหง้าของตัวเราเองกันแน่ ? เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว เราเคยตอบตัวเองได้ไหมว่าอะไรคือ "ความเป็นไทย" ที่เราแสนจะภาคภูมิใจนักหนา และเราได้ใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องไปกับ "ความเป็นไทย" แบบนั้นอยู่หรือเปล่าท่ามกลางกระแส K-POP เกาหลี , การ์ตูนมังงะของญี่ปุ่น และการสอบชิงทุนเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอก ?
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยการตั้งคำถามมากมายต่อบริบทที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา..ความคิดความเชื่อของเรา , การใช้ชีวิตในโลกทุนนิยมของเรา , ค่านิยมในการกินการอยู่ , ประเด็นเรื่องเพศที่สาม , เสน่ห์ของความเป็นไทยในมุมมองคนต่างชาติ , การเสพสิ่งบันเทิงของเรา , ระบบการศึกษาของเรา ไปจนกระทั่งอุดมการณ์ทางการเมืองที่เรายึดถืออยู่ สิ่งที่อัดแน่นเหล่านี้(ซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับสามารถใส่มันลงไปได้อย่างไรหมดในหนังเพียงเรื่องเดียว ?)ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานาน นานจนบางทีเราอาจเคยชินกับมันจนหลงลืมที่จะตั้งคำถามกับมันไป..หรือจริงๆแล้วเราก็อาจเห็นว่าการตั้งคำถามหนักๆแบบนี้ช่างเป็นสิ่งที่ไร้สาระสิ้นดี?
เมื่อหนังจบลง สิ่งที่กระแทกใจและทำให้เรารู้สึกหดหู่มากที่สุดอาจไม่ใช่ชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละคร.. แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า.. สรุปแล้วเราเหลือความเป็นไทยอะไรที่เราสามารถที่จะภูมิใจกับมันและอยู่กับมันได้จริงๆอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจบ้าง ? เป็นเรื่องน่าเศร้าเหลือเกินที่เราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างเต็มปาก และที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็คือ เราอาจไม่เคยฉุกใจคิดที่จะตั้งคำถามเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ...
ไม่น่าแปลกใจหากหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เงิน และไม่น่าแปลกหากคนที่เข้าไปดูแล้วจะรู้สึกผิดหวังที่หน้าหนังที่โปรโมตจะผิดจากเนื้อเรื่องจริงๆของมันไปมาก จนเราอาจรู้สึกว่าตีตั๋วมาดูหนังผิดเรื่อง และพากันก่นด่าเหมือนเมื่อครั้งที่เราถูกหน้าหนังเรื่อง "รักแห่งสยาม" หลอกเอา..
แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถลดทอนคุณค่าที่หนังดีๆเรื่องนี้มีอยู่ และคงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งถ้าหนังเรื่องนี้จะถูกมองข้ามไปและทำให้คนไทยหลายๆคนไม่ได้ดูมัน
คะแนน : 9/10
วิจารณ์ : "ตั้งวง" ความเป็นไทยที่สมควรถูกตั้งคำถาม ? (ไม่สปอยด์)
------------------------------------------------------
หนังไทยเรื่อง"ตั้งวง" เป็นหนังที่เกือบๆจะจัดให้อยู่ในกลุ่มหนังนอกกระแสได้ไม่ยาก ในแง่ที่ว่ามันเป็นหนังที่สื่อสารออกมาด้วยท่าทีแบบทีเล่นทีจริงแต่ยิงคำถามกลับมาสู่คนดูแบบจริงจัง ตลกร้ายแต่ไม่ได้เบาสมอง และกล้าเล่นกับประเด็นหนักๆอย่าง "ความเป็นไทย" ได้อย่างไม่ดัดจริต..
หนังเปิดเรื่องด้วยตัวละครวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญได้มาบนบานศาลกล่าวกับศาลพ่อปู่เพื่อให้ตนสมหวังในเรื่องที่ต้องการ และจะด้วยความบังเอิญหรือความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อปู่ก็ตามแต่..แต่ละคนต่างก็สมหวังในสิ่งที่ตัวเองขอ และนั่นเป็นที่มาของการมารวมตัวกันเพื่อซ้อมการรำไทยเพื่อรำแก้บนถวายพ่อปู่นั่นเอง..
ด้วยโครงเรื่องที่ไม่ซับซ้อนแบบนี้ เราจะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวทำล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทยเราทั้งสิ้น.. และเอาเข้าจริงๆแล้ว เราทุกคนอาจเคยผ่านช่วงเวลาของการบนบานและแก้บนแบบนี้มาแล้วแทบทุกคน คำถามคือ..เราทำสิ่งนี้ลงไปเพราะความเชื่อความศรัทธาของเราจริงๆ , ทำไปเพียงเพื่อตอบสนองความสบายใจของเรา หรือว่าทำไปเพราะความกลัวในอำนาจบางอย่างที่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ?
วลีทองที่อยู่คู่กับสังคมเรามานานอย่าง "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" หรือ "อย่าดูถูกรากเหง้าของตัวเอง" นั้น จริงๆแล้วมันเป็นวลีที่สื่อให้เห็นถึงความเคารพในวัฒนธรรมของเรา หรือจริงๆแล้วมันเป็นเพียงวลีที่ขังเราไว้กับความกลัวต่อสิ่งที่เราไม่รู้และล่อหลอกให้เราหลงภูมิใจในความมีรากเหง้าของตัวเราเองกันแน่ ? เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว เราเคยตอบตัวเองได้ไหมว่าอะไรคือ "ความเป็นไทย" ที่เราแสนจะภาคภูมิใจนักหนา และเราได้ใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องไปกับ "ความเป็นไทย" แบบนั้นอยู่หรือเปล่าท่ามกลางกระแส K-POP เกาหลี , การ์ตูนมังงะของญี่ปุ่น และการสอบชิงทุนเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอก ?
หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยการตั้งคำถามมากมายต่อบริบทที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา..ความคิดความเชื่อของเรา , การใช้ชีวิตในโลกทุนนิยมของเรา , ค่านิยมในการกินการอยู่ , ประเด็นเรื่องเพศที่สาม , เสน่ห์ของความเป็นไทยในมุมมองคนต่างชาติ , การเสพสิ่งบันเทิงของเรา , ระบบการศึกษาของเรา ไปจนกระทั่งอุดมการณ์ทางการเมืองที่เรายึดถืออยู่ สิ่งที่อัดแน่นเหล่านี้(ซึ่งไม่รู้ว่าผู้กำกับสามารถใส่มันลงไปได้อย่างไรหมดในหนังเพียงเรื่องเดียว ?)ล้วนเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานาน นานจนบางทีเราอาจเคยชินกับมันจนหลงลืมที่จะตั้งคำถามกับมันไป..หรือจริงๆแล้วเราก็อาจเห็นว่าการตั้งคำถามหนักๆแบบนี้ช่างเป็นสิ่งที่ไร้สาระสิ้นดี?
เมื่อหนังจบลง สิ่งที่กระแทกใจและทำให้เรารู้สึกหดหู่มากที่สุดอาจไม่ใช่ชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละคร.. แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า.. สรุปแล้วเราเหลือความเป็นไทยอะไรที่เราสามารถที่จะภูมิใจกับมันและอยู่กับมันได้จริงๆอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจบ้าง ? เป็นเรื่องน่าเศร้าเหลือเกินที่เราไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างเต็มปาก และที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็คือ เราอาจไม่เคยฉุกใจคิดที่จะตั้งคำถามเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ...
ไม่น่าแปลกใจหากหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เงิน และไม่น่าแปลกหากคนที่เข้าไปดูแล้วจะรู้สึกผิดหวังที่หน้าหนังที่โปรโมตจะผิดจากเนื้อเรื่องจริงๆของมันไปมาก จนเราอาจรู้สึกว่าตีตั๋วมาดูหนังผิดเรื่อง และพากันก่นด่าเหมือนเมื่อครั้งที่เราถูกหน้าหนังเรื่อง "รักแห่งสยาม" หลอกเอา..
แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถลดทอนคุณค่าที่หนังดีๆเรื่องนี้มีอยู่ และคงเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งถ้าหนังเรื่องนี้จะถูกมองข้ามไปและทำให้คนไทยหลายๆคนไม่ได้ดูมัน
คะแนน : 9/10