วันนั้นมา ถึงวันนี้ เพื่อได้ประโยช์บาง
เซียนมี่ รวยเละ เสี่ยนิด ให้โชค 3-4 เดือนโกยกำไรหุ้น 80%
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ - 29 เม.ย. 55
หอบกระเป๋าพาลูก-เมียไปเที่ยวสิงคโปร์ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาอย่างสบายใจเฉิบ เพราะตลาดหุ้นทะยาน 1,200 จุดรอบนี้ "มี่" ทิวา ชินธาดาพงษ์ เซียนหุ้นพอร์ตใหญ่ระดับ "ร้อยล้าน" ได้กำไร "อื้อซ่าส์" ทั้งปี 2555 เคยตั้งเป้ากำไรไว้ 30% ของพอร์ตแต่ผ่านมาแค่ 3-4 เดือน เจ้าตัวทำกำไรหุ้นอิ่มหนำไปแล้ว 80% จับหุ้นตัวไหนตัวนั้นดังเปรี้ยงปร้าง! ราคาพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะหุ้น SIRI และ SIRI-W1 ของ "เสี่ยนิด" เศรษฐา ทวีสิน ให้ลาภก้อนโตตั้งแต่ต้นปี
อาจกล่าวได้ว่าเขาดวงกำลังขึ้น ตาแหลม ใจถึง มีพรรคพวกเพื่อนฝูงในวงการหุ้น หลายๆ องค์ประกอบรวมกันที่ทำให้ทิวา ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างงดงาม เขาเป็นเจ้าของนามแฝง SAI ในเว็บไซต์หุ้นชื่อดัง และเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจการเล่นหุ้นมาจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่ถือเป็นปรมาจารย์ด้าน "วีไอ" ของเมืองไทย
ทิวาถือเป็นเซียนหุ้นที่ก้าวมาจากก้อนกรวดระดับล่างของสังคมเมืองกรุง เขาเคยขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างหาเงินเลี้ยงชีพ เป็นเซลส์แมนขายสินค้า และอีกหลากหลายอาชีพ ก่อนจะมาพบ "ทางสว่าง" ในตลาดหุ้น นิยายกลายเป็นจริงส่งให้คนต๊อกต๋อยธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็น "เศรษฐีร้อยล้าน" ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ล่าสุดเขาเล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ดีว่า ในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมา (มกราคม-เมษายน 2555) ชีวิตช่วงนี้ประสบความสำเร็จมาก เพราะได้กำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว 70-80% เรียกได้ว่าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20-30% ต่อปี ไปเรียบร้อยแล้ว
หุ้นตัวที่ทำให้ทิวามีกำไรเป็นกอบเป็นกำมากที่สุดคือ SIRI-W1 หลังจากรู้ว่า "แสนสิริ" ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐา ทวีสิน ตุน Backlog ไว้จำนวนมาก ทิวาเลือกที่จะ "เต็ง" หุ้น SIRI-W1 ที่ราคามีโอกาสทะยานเร็วและแรงกว่าตัวแม่ เขาเริ่มเก็บสะสมมาตั้งแต่ราคา 0.30 บาท ก่อนที่ราคาจะทะยานขึ้นมา 1.07 บาท กำไรมากกว่า 200% ส่วนหุ้นแม่ SIRI เขามีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.20 บาท วันนี้ขึ้นมา 2 บาท "รวยเละ" เช่นเดียวกัน
"หุ้น SIRI-W1 ถือเป็นตัวที่สร้างกำไรให้พอร์ตของผมจำนวนมาก ซื้อมาตั้งแต่ราคา 0.30 บาท ตอนนี้ขึ้นมา 1 บาทแล้ว ถามว่าจะแปลงเป็นหุ้นแม่ช่วงไหน ขอดูราคาหุ้น SIRI ก่อน"
ทิวา กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกเต็งหุ้นแสนสิริ จากการวิเคราะห์เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการของแสนสิริ จะออกมาดีมาก เมื่อเทียบกับปี 2554 โดยเฉพาะในแง่ของ "กำไรสุทธิต่อหุ้น" (EPS) ส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้ จะทำ EPS ได้ที่ระดับ 0.40 บาท จากปีก่อนอยู่ที่ 0.29 บาท เพราะบริษัทเดินกลยุทธ์เชิงรุก มีเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในแง่ของคุณภาพ ภายใน 3 ปีข้างหน้า
เขาชี้ว่า ผ่านมา 3 เดือน แสนสิริทำยอดขายได้แล้ว 12,000 บาท จากเป้าหมาย 32,000 ล้านบาท เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ เขาคงไม่พลาดเป้าโดยเฉพาะในส่วนของยอดรับรู้รายได้ที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 28,000 ล้านบาท เทียบกับปี 25554 ที่มียอดรับรู้รายได้เกือบ 21,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แสนสิริเข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทยที่ชอบซื้อสิ่งที่ดีที่สุด แม้รายได้จะต่ำ แต่ขอให้ผ่อนได้นานๆ เขาตีโจทย์ข้อนี้แตก โดยไม่เอาราคามาเป็นตัวตั้ง ไม่เคยแข่งขันด้านราคาเหมือนผู้ประกอบการรายอื่นๆ แต่เขาแข่งในเรื่องคุณภาพมากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ทิวาจะปลื้มหุ้นแสนสิริ ค่อนข้างมากแต่เขาก็บอกว่า ตอนนี้ราคาหุ้น SIRI "ไม่ถูกแล้ว" ราคาออกแนวกลางๆ มากกว่าคือ "ไม่ถูก-ไม่แพง" แต่ก็มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปที่ 2 บาทปลายๆ หรือชน 3 บาทได้ หากคิดที่ P/E เรโชที่ระดับ 8 เท่า
"ผมตั้งใจจะถือหุ้น SIRI-W1 และหุ้น SIRI ราวๆ 1 ปี ยกเว้นมีเหตุการณ์น้ำท่วมอีกรอบอาจขายก่อน ส่วนตัวเชื่อว่าแสนสิริจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งทำให้อนาคตของบริษัทยังสดใส ยอดขายเขามีโอกาสเติบโต 10-15% ยอดรับรู้รายได้ก็คงเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน"
นอกจากหุ้นแสนสิริแล้ว ทิวายังได้กำไรงามจากหุ้น JAS ของ พิชญ์ โพธารามิก ซึ่งเขามีต้นทุนเฉลี่ยในพอร์ตหุ้นละ 1.80 บาท เคยซื้อสูงสุดที่ราคา 2 บาท เขาคาดว่าปีนี้ ผลประกอบการของจัสมินจะออกมาดีมาก เพราะไม่ต้องตัดจ่ายหนี้ TT&T เหมือนปีก่อน โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2555 ไว้สูงถึง 0.25-0.27 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท บริษัทอาจมีรายได้ในส่วนของอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ เพิ่มขึ้นอีก 240,000 ราย เป็น 1,300,000 ราย จาก 1,060,000 ราย ในปีก่อน ภายหลังรัฐบาลชุดนี้เดินหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตนักเรียน
"ผมมองอนาคตหุ้น JAS ยังสดใส วันนี้ประเทศไทยมีบ้าน 22 ล้านครัวเรือน แต่มีคนใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบรนด์) เพียง 3.1 ล้านครัวเรือน ซึ่ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงไอซีที บอกว่าภายในปี 2558 จะมีคนใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้น 85% และปี 2563 จะขยายเป็น 95% ผมคิดว่าแค่มีคนใช้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2558 ก็แฮปปี้แล้วล่ะ เท่าที่ประเมินหากคิด P/E เรโชที่ 12-15 เท่า ราคาเป้าหมายหุ้น JAS น่าจะอยู่ราวๆ 3-3.75 บาทได้"
นอกจากหุ้นแสนสิริ และจัสมินแล้ว ทิวายังมีหุ้นที่ทำกำไรงามในพอร์ตอีกตัวคือ ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ถือมาพักใหญ่แล้วมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 35-36 บาท ตอนนี้ซื้อขายที่ 55 บาท หุ้นตัวนี้ต้องเน้นดูผลประกอบการของ ADVANC เพราะถือหุ้นอยู่ 40.45% ประเมินว่าปีนี้ ADVANC อาจมีกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงถึง 11 บาท จากปีที่แล้วทำได้ 7.48 บาท แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ 3จี ที่กำลังจะเปิดประมูลจะทำให้บริษัทจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐลดลงมาก
"หุ้นที่ผมลงทุนทั้ง 3 ตัว SIRI JAS และ INTUCH เขามี “จุดเด่น” เหมือนกันอยู่ 3 ข้อ คือ 1.เป็นหุ้นที่อ้างอิงการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นทุกปี 2. บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เพราะส่วนใหญ่จ้างพนักงานที่มีอัตราค่าแรงเกินกว่าระดับ 300 บาทอยู่แล้ว สุดท้าย คือ ทั้ง 3 บริษัทได้รับประโยชน์จากการลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านั้นมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทันที 10%"
ถามว่าหลังสงกรานต์สนใจจะลงทุนหุ้นกลุ่มไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทิวา ตอบว่า ตอนนี้กำลังสนใจหุ้นกลุ่ม "ดิจิทัลทีวี" แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด เท่าที่ประเมินเบื้องต้นสนใจหุ้น เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) และ อาร์เอส (RS) ราคาหุ้นยังไม่สูงเท่าไร คิดว่าราคายังปรับตัวขึ้นได้อีก
"ผมมองว่าหุ้น WORK กับ RS จะได้รับประโยชน์จากการหันมาทำช่องทีวีดาวเทียม หลังจากเวิร์คพอยท์เปิดตัว Workpoint TV ปัจจัยพื้นฐานหุ้นเปลี่ยน ส่วน RS ก็มีแผนจะทำรูปแบบของสถานีช่อง 8 อินฟินิตี้ ฟรีทีวี วาไรตี้ 24 ชั่วโมง ให้เป็นเหมือนช่องฟรีทีวี"
ถามว่าเขา (WORK-RS) จะได้ประโยชน์จากอะไร วันนี้ต้องยอมรับว่าราคาค่าโฆษณาในทีวีดาวเทียมถูกมากเฉลี่ยนาทีละ 2,000-3,000 บาท ห่างจากค่าโฆษณาฟรีทีวีที่อยู่สูง 400,000 บาทต่อนาที ฉะนั้นโอกาสที่อัตราค่าโฆษณาในทีวีดาวเทียมจะปรับตัวสูงขึ้นมีแน่นอน ต้องยอมรับความจริงว่าทุกวันนี้คนไทยดูรายการในทีวีดาวเทียมมากขึ้น ติดจานพร้อมกล่องราคาไม่กี่พันบาท ดูได้กว่า 100 ช่อง แถมไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน ใครจะไม่อยากติด อนาคตดีแน่นอน!
"เหตุที่ไม่ชอบหุ้น GRAMMY ที่หันมาทำทีวีดาวเทียมเหมือนกัน เพราะคิดว่าจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ลงทุนหนักมาก ช่วงแรกอาจ "ขาดทุน" รอให้เขาเข้าที่เข้าทางก่อนแล้วค่อยกลับมาดูราคาหุ้นและปัจจัยพื้นฐานใหม่ อีกอย่างผมมองว่ารายการของแกรมมี่ส่วนใหญ่เจาะตลาดคนกรุงเทพฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวขับเคลื่อนทีวีดาวเทียมส่วนใหญ่มาจากคนต่างจังหวัด รายการของเวิร์คพอยท์และอาร์เอส คนต่างจังหวัดชอบมากกว่ารายการของแกรมมี่"
นอกจากนี้ ยังสนใจหุ้น ทุนธนชาต (TCAP) ที่ผ่านมาก็ "ทยอยเก็บ" มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ธนาคารธนชาตควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย ทำให้กลายเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของไทย ที่สำคัญธนาคารธนชาตเป็น "เบอร์หนึ่ง" ทางด้านสินเชื่อรถยนต์และการทำประกันภัย เมื่อปีก่อนยอดขายรถยนต์ลดลง แต่ธนาคารธนชาตกลับมีผลประกอบการดีขึ้น ยิ่งปีนี้แนวโน้มยอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้น คาดว่าเขาจะได้ประโยชน์เต็มๆ ส่วนตัวประเมินว่าในปี 2555 ทุนธนชาตอาจมีกำไรต่อหุ้น 4.7-5 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 3.91 บาท
เซียนหุ้นร้อยล้าน กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ตอนนี้ SET Index ระดับ 1,200 จุด หุ้นจะ "ไม่ถูก" แล้ว การลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แต่ส่วนตัวยังคงเล่นหุ้นเต็มพอร์ต เล่นหุ้นช่วงนี้อาจต้องตั้งสติมากเป็นพิเศษ บอกตามตรงมองไม่ออกจริงๆ ว่าดัชนีจะไปทิศทางไหนต่อ ตอนตลาดหุ้นอยู่ 800-900 จุด ยังพอเห็นภาพว่าหุ้นจะไปต่อ แต่พอขึ้นมาแตะ 1,200 จุด "ทำนายไม่ถูกจริงๆ"
"รู้เพียงว่า ถ้าหุ้นลงคงไม่แรง หากใครต้องการลงทุนช่วงนี้ให้เน้นหุ้นที่อ้างอิงเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะหุ้นที่อ้างอิงตลาดต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลก...แม้แต่ภรรยาผมยังบอกให้แบ่งเงินบางส่วนออกมาซื้อตราสารหนี้และหุ้นกู้ 30% เพื่อกินดอกเบี้ย 4-5% เขาอยากให้ลดความเสี่ยง แต่ส่วนตัวยังคงเล่นหุ้นเต็มพอร์ต 100%"
บทความ เก่า เพื่อมีประโยขน์
เซียนมี่ รวยเละ เสี่ยนิด ให้โชค 3-4 เดือนโกยกำไรหุ้น 80%
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ - 29 เม.ย. 55
หอบกระเป๋าพาลูก-เมียไปเที่ยวสิงคโปร์ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาอย่างสบายใจเฉิบ เพราะตลาดหุ้นทะยาน 1,200 จุดรอบนี้ "มี่" ทิวา ชินธาดาพงษ์ เซียนหุ้นพอร์ตใหญ่ระดับ "ร้อยล้าน" ได้กำไร "อื้อซ่าส์" ทั้งปี 2555 เคยตั้งเป้ากำไรไว้ 30% ของพอร์ตแต่ผ่านมาแค่ 3-4 เดือน เจ้าตัวทำกำไรหุ้นอิ่มหนำไปแล้ว 80% จับหุ้นตัวไหนตัวนั้นดังเปรี้ยงปร้าง! ราคาพุ่งกระฉูด โดยเฉพาะหุ้น SIRI และ SIRI-W1 ของ "เสี่ยนิด" เศรษฐา ทวีสิน ให้ลาภก้อนโตตั้งแต่ต้นปี
อาจกล่าวได้ว่าเขาดวงกำลังขึ้น ตาแหลม ใจถึง มีพรรคพวกเพื่อนฝูงในวงการหุ้น หลายๆ องค์ประกอบรวมกันที่ทำให้ทิวา ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างงดงาม เขาเป็นเจ้าของนามแฝง SAI ในเว็บไซต์หุ้นชื่อดัง และเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจการเล่นหุ้นมาจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่ถือเป็นปรมาจารย์ด้าน "วีไอ" ของเมืองไทย
ทิวาถือเป็นเซียนหุ้นที่ก้าวมาจากก้อนกรวดระดับล่างของสังคมเมืองกรุง เขาเคยขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างหาเงินเลี้ยงชีพ เป็นเซลส์แมนขายสินค้า และอีกหลากหลายอาชีพ ก่อนจะมาพบ "ทางสว่าง" ในตลาดหุ้น นิยายกลายเป็นจริงส่งให้คนต๊อกต๋อยธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็น "เศรษฐีร้อยล้าน" ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ล่าสุดเขาเล่าให้ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟังด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ดีว่า ในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมา (มกราคม-เมษายน 2555) ชีวิตช่วงนี้ประสบความสำเร็จมาก เพราะได้กำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว 70-80% เรียกได้ว่าทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20-30% ต่อปี ไปเรียบร้อยแล้ว
หุ้นตัวที่ทำให้ทิวามีกำไรเป็นกอบเป็นกำมากที่สุดคือ SIRI-W1 หลังจากรู้ว่า "แสนสิริ" ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐา ทวีสิน ตุน Backlog ไว้จำนวนมาก ทิวาเลือกที่จะ "เต็ง" หุ้น SIRI-W1 ที่ราคามีโอกาสทะยานเร็วและแรงกว่าตัวแม่ เขาเริ่มเก็บสะสมมาตั้งแต่ราคา 0.30 บาท ก่อนที่ราคาจะทะยานขึ้นมา 1.07 บาท กำไรมากกว่า 200% ส่วนหุ้นแม่ SIRI เขามีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.20 บาท วันนี้ขึ้นมา 2 บาท "รวยเละ" เช่นเดียวกัน
"หุ้น SIRI-W1 ถือเป็นตัวที่สร้างกำไรให้พอร์ตของผมจำนวนมาก ซื้อมาตั้งแต่ราคา 0.30 บาท ตอนนี้ขึ้นมา 1 บาทแล้ว ถามว่าจะแปลงเป็นหุ้นแม่ช่วงไหน ขอดูราคาหุ้น SIRI ก่อน"
ทิวา กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกเต็งหุ้นแสนสิริ จากการวิเคราะห์เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการของแสนสิริ จะออกมาดีมาก เมื่อเทียบกับปี 2554 โดยเฉพาะในแง่ของ "กำไรสุทธิต่อหุ้น" (EPS) ส่วนตัวเชื่อว่าปีนี้ จะทำ EPS ได้ที่ระดับ 0.40 บาท จากปีก่อนอยู่ที่ 0.29 บาท เพราะบริษัทเดินกลยุทธ์เชิงรุก มีเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในแง่ของคุณภาพ ภายใน 3 ปีข้างหน้า
เขาชี้ว่า ผ่านมา 3 เดือน แสนสิริทำยอดขายได้แล้ว 12,000 บาท จากเป้าหมาย 32,000 ล้านบาท เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ เขาคงไม่พลาดเป้าโดยเฉพาะในส่วนของยอดรับรู้รายได้ที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 28,000 ล้านบาท เทียบกับปี 25554 ที่มียอดรับรู้รายได้เกือบ 21,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ แสนสิริเข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทยที่ชอบซื้อสิ่งที่ดีที่สุด แม้รายได้จะต่ำ แต่ขอให้ผ่อนได้นานๆ เขาตีโจทย์ข้อนี้แตก โดยไม่เอาราคามาเป็นตัวตั้ง ไม่เคยแข่งขันด้านราคาเหมือนผู้ประกอบการรายอื่นๆ แต่เขาแข่งในเรื่องคุณภาพมากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ทิวาจะปลื้มหุ้นแสนสิริ ค่อนข้างมากแต่เขาก็บอกว่า ตอนนี้ราคาหุ้น SIRI "ไม่ถูกแล้ว" ราคาออกแนวกลางๆ มากกว่าคือ "ไม่ถูก-ไม่แพง" แต่ก็มีโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปที่ 2 บาทปลายๆ หรือชน 3 บาทได้ หากคิดที่ P/E เรโชที่ระดับ 8 เท่า
"ผมตั้งใจจะถือหุ้น SIRI-W1 และหุ้น SIRI ราวๆ 1 ปี ยกเว้นมีเหตุการณ์น้ำท่วมอีกรอบอาจขายก่อน ส่วนตัวเชื่อว่าแสนสิริจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งทำให้อนาคตของบริษัทยังสดใส ยอดขายเขามีโอกาสเติบโต 10-15% ยอดรับรู้รายได้ก็คงเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน"
นอกจากหุ้นแสนสิริแล้ว ทิวายังได้กำไรงามจากหุ้น JAS ของ พิชญ์ โพธารามิก ซึ่งเขามีต้นทุนเฉลี่ยในพอร์ตหุ้นละ 1.80 บาท เคยซื้อสูงสุดที่ราคา 2 บาท เขาคาดว่าปีนี้ ผลประกอบการของจัสมินจะออกมาดีมาก เพราะไม่ต้องตัดจ่ายหนี้ TT&T เหมือนปีก่อน โดยประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2555 ไว้สูงถึง 0.25-0.27 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท บริษัทอาจมีรายได้ในส่วนของอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ เพิ่มขึ้นอีก 240,000 ราย เป็น 1,300,000 ราย จาก 1,060,000 ราย ในปีก่อน ภายหลังรัฐบาลชุดนี้เดินหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตนักเรียน
"ผมมองอนาคตหุ้น JAS ยังสดใส วันนี้ประเทศไทยมีบ้าน 22 ล้านครัวเรือน แต่มีคนใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบรนด์) เพียง 3.1 ล้านครัวเรือน ซึ่ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงไอซีที บอกว่าภายในปี 2558 จะมีคนใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้น 85% และปี 2563 จะขยายเป็น 95% ผมคิดว่าแค่มีคนใช้เพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2558 ก็แฮปปี้แล้วล่ะ เท่าที่ประเมินหากคิด P/E เรโชที่ 12-15 เท่า ราคาเป้าหมายหุ้น JAS น่าจะอยู่ราวๆ 3-3.75 บาทได้"
นอกจากหุ้นแสนสิริ และจัสมินแล้ว ทิวายังมีหุ้นที่ทำกำไรงามในพอร์ตอีกตัวคือ ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ถือมาพักใหญ่แล้วมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 35-36 บาท ตอนนี้ซื้อขายที่ 55 บาท หุ้นตัวนี้ต้องเน้นดูผลประกอบการของ ADVANC เพราะถือหุ้นอยู่ 40.45% ประเมินว่าปีนี้ ADVANC อาจมีกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงถึง 11 บาท จากปีที่แล้วทำได้ 7.48 บาท แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ 3จี ที่กำลังจะเปิดประมูลจะทำให้บริษัทจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐลดลงมาก
"หุ้นที่ผมลงทุนทั้ง 3 ตัว SIRI JAS และ INTUCH เขามี “จุดเด่น” เหมือนกันอยู่ 3 ข้อ คือ 1.เป็นหุ้นที่อ้างอิงการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นทุกปี 2. บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เพราะส่วนใหญ่จ้างพนักงานที่มีอัตราค่าแรงเกินกว่าระดับ 300 บาทอยู่แล้ว สุดท้าย คือ ทั้ง 3 บริษัทได้รับประโยชน์จากการลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านั้นมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทันที 10%"
ถามว่าหลังสงกรานต์สนใจจะลงทุนหุ้นกลุ่มไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทิวา ตอบว่า ตอนนี้กำลังสนใจหุ้นกลุ่ม "ดิจิทัลทีวี" แต่ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด เท่าที่ประเมินเบื้องต้นสนใจหุ้น เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) และ อาร์เอส (RS) ราคาหุ้นยังไม่สูงเท่าไร คิดว่าราคายังปรับตัวขึ้นได้อีก
"ผมมองว่าหุ้น WORK กับ RS จะได้รับประโยชน์จากการหันมาทำช่องทีวีดาวเทียม หลังจากเวิร์คพอยท์เปิดตัว Workpoint TV ปัจจัยพื้นฐานหุ้นเปลี่ยน ส่วน RS ก็มีแผนจะทำรูปแบบของสถานีช่อง 8 อินฟินิตี้ ฟรีทีวี วาไรตี้ 24 ชั่วโมง ให้เป็นเหมือนช่องฟรีทีวี"
ถามว่าเขา (WORK-RS) จะได้ประโยชน์จากอะไร วันนี้ต้องยอมรับว่าราคาค่าโฆษณาในทีวีดาวเทียมถูกมากเฉลี่ยนาทีละ 2,000-3,000 บาท ห่างจากค่าโฆษณาฟรีทีวีที่อยู่สูง 400,000 บาทต่อนาที ฉะนั้นโอกาสที่อัตราค่าโฆษณาในทีวีดาวเทียมจะปรับตัวสูงขึ้นมีแน่นอน ต้องยอมรับความจริงว่าทุกวันนี้คนไทยดูรายการในทีวีดาวเทียมมากขึ้น ติดจานพร้อมกล่องราคาไม่กี่พันบาท ดูได้กว่า 100 ช่อง แถมไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน ใครจะไม่อยากติด อนาคตดีแน่นอน!
"เหตุที่ไม่ชอบหุ้น GRAMMY ที่หันมาทำทีวีดาวเทียมเหมือนกัน เพราะคิดว่าจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ลงทุนหนักมาก ช่วงแรกอาจ "ขาดทุน" รอให้เขาเข้าที่เข้าทางก่อนแล้วค่อยกลับมาดูราคาหุ้นและปัจจัยพื้นฐานใหม่ อีกอย่างผมมองว่ารายการของแกรมมี่ส่วนใหญ่เจาะตลาดคนกรุงเทพฯ ซึ่งต้องยอมรับว่าตัวขับเคลื่อนทีวีดาวเทียมส่วนใหญ่มาจากคนต่างจังหวัด รายการของเวิร์คพอยท์และอาร์เอส คนต่างจังหวัดชอบมากกว่ารายการของแกรมมี่"
นอกจากนี้ ยังสนใจหุ้น ทุนธนชาต (TCAP) ที่ผ่านมาก็ "ทยอยเก็บ" มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ธนาคารธนชาตควบรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย ทำให้กลายเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 5 ของไทย ที่สำคัญธนาคารธนชาตเป็น "เบอร์หนึ่ง" ทางด้านสินเชื่อรถยนต์และการทำประกันภัย เมื่อปีก่อนยอดขายรถยนต์ลดลง แต่ธนาคารธนชาตกลับมีผลประกอบการดีขึ้น ยิ่งปีนี้แนวโน้มยอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้น คาดว่าเขาจะได้ประโยชน์เต็มๆ ส่วนตัวประเมินว่าในปี 2555 ทุนธนชาตอาจมีกำไรต่อหุ้น 4.7-5 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 3.91 บาท
เซียนหุ้นร้อยล้าน กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ตอนนี้ SET Index ระดับ 1,200 จุด หุ้นจะ "ไม่ถูก" แล้ว การลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แต่ส่วนตัวยังคงเล่นหุ้นเต็มพอร์ต เล่นหุ้นช่วงนี้อาจต้องตั้งสติมากเป็นพิเศษ บอกตามตรงมองไม่ออกจริงๆ ว่าดัชนีจะไปทิศทางไหนต่อ ตอนตลาดหุ้นอยู่ 800-900 จุด ยังพอเห็นภาพว่าหุ้นจะไปต่อ แต่พอขึ้นมาแตะ 1,200 จุด "ทำนายไม่ถูกจริงๆ"
"รู้เพียงว่า ถ้าหุ้นลงคงไม่แรง หากใครต้องการลงทุนช่วงนี้ให้เน้นหุ้นที่อ้างอิงเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะหุ้นที่อ้างอิงตลาดต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลก...แม้แต่ภรรยาผมยังบอกให้แบ่งเงินบางส่วนออกมาซื้อตราสารหนี้และหุ้นกู้ 30% เพื่อกินดอกเบี้ย 4-5% เขาอยากให้ลดความเสี่ยง แต่ส่วนตัวยังคงเล่นหุ้นเต็มพอร์ต 100%"