ส่วนตัวผมมองว่าผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่น่าจะรุนแรง เพราะจะเรียกสงครามก็เรียกได้ไม่เต็มปาก
น่าจะเรียกว่าการข่มเหงรังแกมากกว่า เหมือนตอนที่บุกยึดอิรักเมื่อปี 2546 โดยการอ้างว่ามีข่าวกรองยืนยันว่า
มีการสะสมอาวุธเคมี ซึ่งหามีไม่ ซึ่งครั้งนั้น(เริ่ม มีนาคม จบ พฤษภาคม 2546) ผมดูจากกกราฟรายเดือน
Set ในเดือนมีนาคม 2546 Low 347.55 High 369.80 ส่วนในเดือนพฤษภาคม Low 373.61 High 407.67
สรุปในช่วงที่มีการบุกอิรัก มี.ค.-พ.ค.2546 นั้น ตลาดหุ้นบ้านเราแทบไม่ให้ความสนใจกับข่าวนี้เลย
ส่วนจะมี Panic ในวันที่เริ่มสงครามรึเเปล่าผมไม่แน่ใจ(ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าตลาด) แต่ก็ถือว่าไม่มีการลงชนิดตลาดแตก
ทั้งนี้ ที่โพสก็เพราะไม่อยากให้กังวลกับเรื่องสงครามนี้มากเกินไปครับ แต่ก็ควรมีแผนในใจเผื่อว่าอะไรๆจะไม่เป็นอย่างที่คิด
ป.ล.แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ก็ยังมีข่าวร้ายอื่นๆ ให้ติดตามอีก เช่น เรื่อง QE และเศรษฐกิจบ้านเราที่ตัวเลขต่างๆออกมาไม่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ครับ ยังไม่เห็นข่าวดีแรงๆเลย
ความรุนแรงของผลกระทบ จากสงครามสหรัฐ-ซีเรีย ต่อตลาดหุ้น
น่าจะเรียกว่าการข่มเหงรังแกมากกว่า เหมือนตอนที่บุกยึดอิรักเมื่อปี 2546 โดยการอ้างว่ามีข่าวกรองยืนยันว่า
มีการสะสมอาวุธเคมี ซึ่งหามีไม่ ซึ่งครั้งนั้น(เริ่ม มีนาคม จบ พฤษภาคม 2546) ผมดูจากกกราฟรายเดือน
Set ในเดือนมีนาคม 2546 Low 347.55 High 369.80 ส่วนในเดือนพฤษภาคม Low 373.61 High 407.67
สรุปในช่วงที่มีการบุกอิรัก มี.ค.-พ.ค.2546 นั้น ตลาดหุ้นบ้านเราแทบไม่ให้ความสนใจกับข่าวนี้เลย
ส่วนจะมี Panic ในวันที่เริ่มสงครามรึเเปล่าผมไม่แน่ใจ(ตอนนั้นยังไม่ได้เข้าตลาด) แต่ก็ถือว่าไม่มีการลงชนิดตลาดแตก
ทั้งนี้ ที่โพสก็เพราะไม่อยากให้กังวลกับเรื่องสงครามนี้มากเกินไปครับ แต่ก็ควรมีแผนในใจเผื่อว่าอะไรๆจะไม่เป็นอย่างที่คิด
ป.ล.แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ก็ยังมีข่าวร้ายอื่นๆ ให้ติดตามอีก เช่น เรื่อง QE และเศรษฐกิจบ้านเราที่ตัวเลขต่างๆออกมาไม่ดีอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ครับ ยังไม่เห็นข่าวดีแรงๆเลย