บอกเลยว่าอ่านกระทู้ครีมสีทาบ้านแล้ว มึน ซึมมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนเราทุกวันนี้ เชื่อสื่อโฆษณามากๆ อยากขาวอยากสวยใสจนขาดวิจารณญาณ
เอาครีมใส่สารขัดส้วมมาทาหน้า
เราอยากแชร์ตามประสบการณ์ที่ได้รู้มาในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์แบบง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ มาเล่าเอามัน (แฝงความรู้เล็กน้อย)
หากมีเภสัช หรือ ท่านผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยากแชร์ ขอเชิญเลย ช่วยๆกันนะคะ
เริ่มตั้งแต่โรงงานก่อนเลย หลักเกณฑ์ของโรงงาน รายชื่อโรงงานที่ได้มาตรฐาน ข้อมูลนี้มีในเวปไซต์ อ.ย. นะคะ ใครอยากทราบเสริทกูเกิ้ล อ.ย. กองเครื่องสำอาง เชคได้เลย
แน่นอน ร ง ที่ได้มาตรฐาน มีแลป มีคิวซี คิวเอ พร้อม เรื่องวัตถุดิบที่ทำครีมนั้น เราบอกเลย ของดี ราคาแพงมาก ดีมากๆยิ่งแพง
สูตรการผลิตนั้น ขอยกตัวอย่างเอาให้นึกกันได้ หากใครเคยใช้ครีมเคาเตอร์แบรน เนื้อจะเกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่ทิ้งคราบ พวกนี้ก็จะมีสูตรเฉพาะ ที่เป๊ะมาก อัตราส่วนที่เฉพาะ
เพราะผิวหนังคนนั้นเป็นอะไรที่ซึมผ่านยากมากๆ ครีมแพงๆจะคิดค้นนวัตกรรมให้สารบำรุงซึมลึกเข้าถึงผิวหนังชั้นในให้ได้มากที่สุด ซึ่งยากมาก การออกแบบระบบนำส่งสารพวกนี้ต้องวิจัย
และพัฒนา ต้องวิจัยลงไปถึงเรื่องขนาดอนุภาคสารที่ต้องการให้ซึมผ่าน และออกแบบ เช้น เป็นถุงขนาดเล็กที่จะค่อยๆซึมผ่านชั้นผิวหนังเพื่อให้เข้าไปปลดปล่อยสารบำรุง
ซึ่งส่วนมากจะไปได้แค่หนังกำพร้าซะมาก ตรงนี้ยากมาก และเป็นนวัตกรรมที่หลายแบรนด์ทำได้และจดลิขสิทธ์
ส่วนประกอบอิ่นเช่น สารเพิ่มความคงตัวต่างๆ สารกันบูดก็ดี พวกนี้ต้องถูกใส่เพื่อป้องกันครีมบูดเสีย สารเพิ่มความคงตัวให้ครีมยังคงเนื้อสัมผัสเดิม แต่อย่างไรก็ดีครีม โลชั่น เซรั่ม ก็มีอายุแค่ 2ปี
เป็นส่วนใหญ่ การตรวจสอบทางเคมีเมื่อผลิตภัณฑ์เตรียมเสร็จเป็นขั้นตอนทางแลปที่ต้องมีความละเอียดสูงและตรวจสอบด้วยเครื่องมือทันสมัย
คราวนี้มาถึงส่วนที่ต้องทำการทดสอบการแพ้ แบรนด์มีชื่อจะทำทุกตัว และทำกับผิวหนังคนจริงๆ เทสจริงกับผิวหนังเช่น ที่หลัง ที่หน้า เครื่องสำอาง เช่นแป้งพัฟก็มีเทสค่ะ เราเคยเทสมาแล้ว
ยิ่งครีมยิ่งมีการเทสมาก เพื่อดูว่าเกิดการแพ้หรือไม่ สภาพผิวหนังหลังทาครีม แพ้ แดง รอยนูนไม๊ ตรงนี้จะเก็บข้อมูลละเอียดค่ะ
้
ความสะอาดโรงงานมีผลในเรื่องของเชื้อที่อาจขึ้นได้ถ้าโรงงานสกปรก ไม่ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เชื้อเกิดสะสม ดองเน่าอยู่ในอับครีม ทามาก็หน้าแหกค่ะ
บางคนอาจสงสัยมาถ้ามีการเทสการแพ้ ทำไมบางคนแพ้ บางคนไม่แพ้ เนื่องแต่ละคนจะเซ้นต่อสารที่เป็นส่วนผสมในครีมต่างกันค่ะ ปฏกิริยาการแพ้มีตั้งแต่เกิดทันทีจนทิ้งระยะเวลานาน
วิธีป้องกันคือ ลองดูส่วนประกอบครีมและหาข้อมูลค่ะ ลองตรวจสอบดูว่าเราอาจจะเเพ้สารตัวไหน ส่วนใหญ่ที่จะแพ้เช่น มีน้ำหอม มีมิเนรอย ออยด์ ประมาณนี้เป็นต้น
ส่วนครีมขัดส้วมที่ขาวไว ใสเร็ว เพราะผิวด้านนอกเราถูกทำลาย รุนแรงค่ะ นึกภาพเราซักผ้า หรือล้างห้องน้ำเนอะ มือซีด ตึงๆ ก็เหมือนผิวหน้าที่โดนเข้าไปค่ะ
แรกๆเลยขาวใส่เว่อ เพราะหนังกำพร้าลอกไปเยอะ จึงดูใส ขาว ระบบการผลัดเซลล์ผิวรวน เกิดการระคายเคือใและการสร้างผิวใหม่ และการผลักเซลล์ผิวเก่า
ระบบนี้เสียหายถาวร หน้าพังแบบกู่ไม่กลับ
ใครมีความรู้เพิ่มเติมมาช่วยกันแบ่งปันค่ะ อยากให้ทุกท่านมีสติในการบริโภค และตั้งคำถามว่า มันสมควรแล้วหรือที่จะเสียเงินไปกับมันฟรีๆกะไอ้ครีมพริ้ตตี้สตอ ทั้งหลาย
ทำไมครีม เซรั่ม โลชั่น บำรุงผิวหน้า ที่เป็นแบรนด์ ถึงแพง
เอาครีมใส่สารขัดส้วมมาทาหน้า
เราอยากแชร์ตามประสบการณ์ที่ได้รู้มาในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์แบบง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ มาเล่าเอามัน (แฝงความรู้เล็กน้อย)
หากมีเภสัช หรือ ท่านผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยากแชร์ ขอเชิญเลย ช่วยๆกันนะคะ
เริ่มตั้งแต่โรงงานก่อนเลย หลักเกณฑ์ของโรงงาน รายชื่อโรงงานที่ได้มาตรฐาน ข้อมูลนี้มีในเวปไซต์ อ.ย. นะคะ ใครอยากทราบเสริทกูเกิ้ล อ.ย. กองเครื่องสำอาง เชคได้เลย
แน่นอน ร ง ที่ได้มาตรฐาน มีแลป มีคิวซี คิวเอ พร้อม เรื่องวัตถุดิบที่ทำครีมนั้น เราบอกเลย ของดี ราคาแพงมาก ดีมากๆยิ่งแพง
สูตรการผลิตนั้น ขอยกตัวอย่างเอาให้นึกกันได้ หากใครเคยใช้ครีมเคาเตอร์แบรน เนื้อจะเกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่ทิ้งคราบ พวกนี้ก็จะมีสูตรเฉพาะ ที่เป๊ะมาก อัตราส่วนที่เฉพาะ
เพราะผิวหนังคนนั้นเป็นอะไรที่ซึมผ่านยากมากๆ ครีมแพงๆจะคิดค้นนวัตกรรมให้สารบำรุงซึมลึกเข้าถึงผิวหนังชั้นในให้ได้มากที่สุด ซึ่งยากมาก การออกแบบระบบนำส่งสารพวกนี้ต้องวิจัย
และพัฒนา ต้องวิจัยลงไปถึงเรื่องขนาดอนุภาคสารที่ต้องการให้ซึมผ่าน และออกแบบ เช้น เป็นถุงขนาดเล็กที่จะค่อยๆซึมผ่านชั้นผิวหนังเพื่อให้เข้าไปปลดปล่อยสารบำรุง
ซึ่งส่วนมากจะไปได้แค่หนังกำพร้าซะมาก ตรงนี้ยากมาก และเป็นนวัตกรรมที่หลายแบรนด์ทำได้และจดลิขสิทธ์
ส่วนประกอบอิ่นเช่น สารเพิ่มความคงตัวต่างๆ สารกันบูดก็ดี พวกนี้ต้องถูกใส่เพื่อป้องกันครีมบูดเสีย สารเพิ่มความคงตัวให้ครีมยังคงเนื้อสัมผัสเดิม แต่อย่างไรก็ดีครีม โลชั่น เซรั่ม ก็มีอายุแค่ 2ปี
เป็นส่วนใหญ่ การตรวจสอบทางเคมีเมื่อผลิตภัณฑ์เตรียมเสร็จเป็นขั้นตอนทางแลปที่ต้องมีความละเอียดสูงและตรวจสอบด้วยเครื่องมือทันสมัย
คราวนี้มาถึงส่วนที่ต้องทำการทดสอบการแพ้ แบรนด์มีชื่อจะทำทุกตัว และทำกับผิวหนังคนจริงๆ เทสจริงกับผิวหนังเช่น ที่หลัง ที่หน้า เครื่องสำอาง เช่นแป้งพัฟก็มีเทสค่ะ เราเคยเทสมาแล้ว
ยิ่งครีมยิ่งมีการเทสมาก เพื่อดูว่าเกิดการแพ้หรือไม่ สภาพผิวหนังหลังทาครีม แพ้ แดง รอยนูนไม๊ ตรงนี้จะเก็บข้อมูลละเอียดค่ะ
้
ความสะอาดโรงงานมีผลในเรื่องของเชื้อที่อาจขึ้นได้ถ้าโรงงานสกปรก ไม่ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เชื้อเกิดสะสม ดองเน่าอยู่ในอับครีม ทามาก็หน้าแหกค่ะ
บางคนอาจสงสัยมาถ้ามีการเทสการแพ้ ทำไมบางคนแพ้ บางคนไม่แพ้ เนื่องแต่ละคนจะเซ้นต่อสารที่เป็นส่วนผสมในครีมต่างกันค่ะ ปฏกิริยาการแพ้มีตั้งแต่เกิดทันทีจนทิ้งระยะเวลานาน
วิธีป้องกันคือ ลองดูส่วนประกอบครีมและหาข้อมูลค่ะ ลองตรวจสอบดูว่าเราอาจจะเเพ้สารตัวไหน ส่วนใหญ่ที่จะแพ้เช่น มีน้ำหอม มีมิเนรอย ออยด์ ประมาณนี้เป็นต้น
ส่วนครีมขัดส้วมที่ขาวไว ใสเร็ว เพราะผิวด้านนอกเราถูกทำลาย รุนแรงค่ะ นึกภาพเราซักผ้า หรือล้างห้องน้ำเนอะ มือซีด ตึงๆ ก็เหมือนผิวหน้าที่โดนเข้าไปค่ะ
แรกๆเลยขาวใส่เว่อ เพราะหนังกำพร้าลอกไปเยอะ จึงดูใส ขาว ระบบการผลัดเซลล์ผิวรวน เกิดการระคายเคือใและการสร้างผิวใหม่ และการผลักเซลล์ผิวเก่า
ระบบนี้เสียหายถาวร หน้าพังแบบกู่ไม่กลับ
ใครมีความรู้เพิ่มเติมมาช่วยกันแบ่งปันค่ะ อยากให้ทุกท่านมีสติในการบริโภค และตั้งคำถามว่า มันสมควรแล้วหรือที่จะเสียเงินไปกับมันฟรีๆกะไอ้ครีมพริ้ตตี้สตอ ทั้งหลาย