บทความนี้เขียนไว้ที่
http://www.facebook.com/SenseOnFilms
-------------------------------------------------------------------
หลังจากที่หนังอย่าง Saturday Night Fever ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1977...ก่อให้เกิดหนังแนว dancing ตามออกมาอย่างต่อเนื่องในยุค 80’s – 90’s...แต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่เรื่องที่จะได้รับความนิยม...
โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค 2000’s นั้น มีเพียงแค่ Coyote Ugly (2000) กับ Save the Last Dance (2001) และอาจจะนับรวม Shall We Dance (2004) เท่านั้น ที่เรียกได้ว่า ฮิต และ เป็นที่จดจำ...จนกระทั่งการมาถึงของ Step Up (2006) ที่เหมือนเป็นการจุดประกายให้หนังแนวนี้ กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง...
และปีนี้...มีหน่วยกล้าตายอย่าง Make Your Move 3D ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง อเมริกา และ เกาหลีใต้...โดยที่มีกลิ่นอายเรื่องราวในรูปแบบเดียวกับ Romeo and Juliet...
ฉะนั้นแล้ว...พล็อตเรื่องก็คงไม่ต้องพูดถึงกันแล้วนะ...- -“
แต่ว่า...ภายหลังจากที่ดูจบ มาจนถึงตอนนี้ ที่ทำให้เขียน review กันช้า...เป็นเพราะว่า ผมกำลังนั่งคิดวิเคราะห์อยู่นะครับว่า...หนังเรื่องนี้มันมีอะไรดีบ้าง??
งั้นมาฉะกันทีละส่วนเลยละกัน...
บทก่อน...บทเรื่องนี้ ”พยายาม” ที่จะทำออกมาในสไตล์ Romeo and Juliet อย่างที่บอก โดยมี theme เป็นการเต้น...
แต่สิ่งที่ออกมาได้เห็นกันนั้น...มันเป็นอะไรที่เบาโหวง และ จับจุดจับประเด็นไม่ได้เท่าไหร่นัก...
ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนสนิท ที่หนังพยายามจะบอกอยู่เสมอว่า มันมาจากตัวกลางที่คอยทำให้คู่นี้แตกกัน...แต่หนังมันก็ไม่บอกซะงั้นว่า มันทำให้แตกกันเรื่องไหน เพราะอะไร...ซึ่งมีพูดลอยๆมาบ้าง แล้วก็เงียบหายไป...
จุดมุ่งหมายของ 2 ตัวนำ...ซึ่งฝ่ายนางเอกเรายังเห็นว่า เธอมีความมุ่งมั่นที่จะได้เซ็นสัญญาจากค่าย เพื่อจะได้ต่อวีซ่าในการอยู่ใน อเมริกา ต่อไป...แต่ตัวพระเอกนั้น...จุดมุ่งหมายในการเต้นของเขา คืออะไร?? หนังไม่ได้บอก และ ไม่มีการแสดงออกให้เห็นด้วยซ้ำว่า พระเอกมันเต้นเพื่ออะไร?? และความสุขที่ได้เต้นของพระเอกมันอยู่ตรงไหน?? นอกจากเต้นขอทานไปวันๆ...
รวมทั้งไอ้ตัวโกงที่เป็นต้นเหตุให้ 2 ฝ่ายต้องแตกคอนั้น...มันก็ดูไม่ค่อยมีน้ำหนักที่มากพอที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่า มันทำทุกอย่างนั้นเพื่อที่จะได้ฟันนางเอก!! ถึงแม้ว่าสิ่งที่มันทำจะเลวได้ใจก็เถอะ...
ที่มาที่ไปของแต่ละตัวละคร...มีพูดถึงเล็กน้อย แต่แทบไม่มีการปูเรื่องราวมา และหลายๆครั้งที่ดูแล้วงงๆกับตัวละครบางตัวว่า มันเกี่ยวอะไรยังไง โดยเฉพาะ ไอ้พวกไอริช!!
และ...คู่พระนางเรานั้น ไปปิ๊งกันง่ายไปไหม?? เจอกันแล้วเต้นกันปุ๊บ...รักกันเลย?? มันดูง่ายเกินไปเยอะครับ...ง่ายจนแทบจะไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า ทั้งคู่นั้นรักกันจริงๆ...อารมณ์เหมือนประทับใจกันเสียมากกว่า...ซึ่งถ้าหนังจะขายความเป็น romantic ล่ะก็...สอบตกอย่างยิ่งครับ!!
และที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ...การลำดับเหตุการณ์...ซึ่งมันโดดไปโดดมา และ ไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างสุดๆ!! บทจะไปก็ไป จะมาก็มา...จะทำโน่นทำนี่ก็ทำเลย...ไร้ความต่อเนื่องและไหลลื่น...
รวมทั้งบทสรุปสุดท้ายที่...ง่าย เหมือนอ่านนิยายก่อนนอนกล่อมเด็ก...
หลังจากบทแล้ว...ฉาก...เกือบจะดีแล้วครับ...เพียงแต่ว่าทั้งคลับใต้ดินของฝ่ายพระเอก กับ คลับบนดินของพี่นางเอกนั้น...มันดูจืดชืดเกินไป...โดยเฉพาะที่หลัง...
และฉากสุดท้ายในโบสถ์ร้างนั้น...แทบไม่ได้โชว์ความเจ๋ง หรือ ความน่าสนใจให้น่าเข้าไปชมเท่าไหร่นัก...คือว่าถ้าจะใช้ทำอะไรแค่นี้ มันเล่นที่ไหนก็ได้...
บท กับ ฉาก โดนแล้ว...มาพูดถึงส่วนที่ “ดีที่สุด” ของหนังเรื่องนี้กันนะครับ...การเต้น...
คือด้วยความที่ บท มันไม่มีห่าอะไรเท่าไหร่นั้น...ผมก็คาดหวังไว้วว่า ฉากเต้นน่าจะช่วยทำให้รู้สึกสนุก และ มีอะไรมาให้ผมตะลึงบ้าง...
ไม่มีเลยครับ...ไม่มีอะไรแปลกใหม่...สเต็ปทั้งหลายหาชมได้ตามหนังเต้นทั่วไป...
ส่วนตัวพระเอกที่ปูพื้นมาว่า เป็นนักเต้น tap...ก็ไม่ค่อยได้โชว์ให้เห็นเท่าไหร่นัก ว่าเต้น tap อย่างไรให้มันดูแปลกใหม่ และ น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างที่พูดไว้ในหนัง...
นางเอกของเรายิ่งแล้วใหญ่...คือผมก็ไม่รู้นะว่าการเต้นประกอบกลองแบบนี้ เขามีชื่อเรียกว่าอะไร...แต่ดูแล้วเฉยมากกกกกกกกกกกกก...เฉยทั้งการเต้นและการตีกลอง...ดูกลองสะบัดชัยบ้านเรายังดูตื่นตาตื่นใจกว่าอีก...
มีช่วงที่เกือบจะดีแล้ว คือ การเต้นแนว จินตลีลาที่ประกอบกับภาพงานศิลปะ...อันนั้นก็สวยงามดี แต่ก็เคยเห็นๆกันมาอยู่บ้างแล้ว...ไม่มีอะไรแปลกใหม่ (ผมว่าแบบใน นิทรรศการ ที่อยู่ใน Step Up Revolution นั้นยังดูแปลกใหม่ และ น่าตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะ)
อีกฉากที่ดูดีหน่อยก็คือ...”ฉากเข้าพระเข้านาง” นะครับ...
ไม่ใช่ว่าเต้นกันไม่เก่งนะครับ...แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า “มันไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้น่าตื่นตาตื่นใจ” เลย...
ไปๆมาๆ...คนที่เต้นได้น่าดูชมที่สุด...กลับเป็นแขกพิเศษที่มาแจมอย่าง Yunho จาก TVXQ ซะงั้นครับ!!
นักแสดงนั้น...ทั้งพระเอกอย่าง Derek Hough ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ IDSF World Youth Latin Champion รุ่น U-21 และเป็นแชมป์รายการ Dancing with the Stars 4 สมัย และนางเอกอย่าง สาว BoA ต่างก็ไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ...ฉะนั้นแล้วฉากการแสดงเลยดูแข็งๆและไม่ค่อยคล่องมากนัก...แต่ทั้งคู่ก็ชดเชยได้ในการเต้น...ซึ่งถ้าองค์ประกอบอื่นๆของหนังมันดีกว่านี้ ทั้งคู่คงจะสามารถเปล่งประกายได้มากกว่านี้แน่ๆ...
และอีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ...3D
รู้สึกโชคดียังไงไม่รู้นะครับ ที่ได้ชมแบบ 2D...เพราะว่าหนังมันไม่มีอะไรให้เล่น 3D ได้เลย นอกจากฉากที่มันมีอะไรปลิวลงมาจากข้างบน!! และฉากเต้นแทบทั้งเรื่องนั้น...ไม่มีอะไรที่สามารถขายแบบ 3D ได้เลย...ตามเหตุผลด้านบน...
----------------------------------------------------------------------------------------
สรุป : Make Your Move...หนังที่พยายามเอาความโรแมนติกแบบ Romeo and Juliet มาใส่ในการเต้น...ซึ่งทำออกมาได้ไม่ดีในทุกส่วน!! บทกลวงและเบามาก ประเด็นมั่วซั่ว ลำดับเหตุการณ์งงๆ แทบไม่มีความโรแมนติกอยู่ในหนังเท่าไหร่ พระนางมันไปรักกันอะไรยังไง ดูง่ายเกินไปมากๆ...ฉากเต้นก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรโดดเด่น และก็ดันทำ 3D ออกมา ทั้งๆที่ไม่มีฉากขาย!! และตอนจบที่สรุปได้ง่ายราวกับนิทานกล่อมเด็ก!!
เขียนมาจนถึงตอนนี้...ผมก็ยังคงหา “ส่วนที่ดี” ของหนังเรื่องนี้ไม่เจอเลยครับ...- -“
[SR] Make Your Move : ฉันมาทำอะไรที่นี่ [F]
-------------------------------------------------------------------
หลังจากที่หนังอย่าง Saturday Night Fever ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1977...ก่อให้เกิดหนังแนว dancing ตามออกมาอย่างต่อเนื่องในยุค 80’s – 90’s...แต่ก็มีเพียงแค่ไม่กี่เรื่องที่จะได้รับความนิยม...
โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค 2000’s นั้น มีเพียงแค่ Coyote Ugly (2000) กับ Save the Last Dance (2001) และอาจจะนับรวม Shall We Dance (2004) เท่านั้น ที่เรียกได้ว่า ฮิต และ เป็นที่จดจำ...จนกระทั่งการมาถึงของ Step Up (2006) ที่เหมือนเป็นการจุดประกายให้หนังแนวนี้ กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง...
และปีนี้...มีหน่วยกล้าตายอย่าง Make Your Move 3D ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง อเมริกา และ เกาหลีใต้...โดยที่มีกลิ่นอายเรื่องราวในรูปแบบเดียวกับ Romeo and Juliet...
ฉะนั้นแล้ว...พล็อตเรื่องก็คงไม่ต้องพูดถึงกันแล้วนะ...- -“
แต่ว่า...ภายหลังจากที่ดูจบ มาจนถึงตอนนี้ ที่ทำให้เขียน review กันช้า...เป็นเพราะว่า ผมกำลังนั่งคิดวิเคราะห์อยู่นะครับว่า...หนังเรื่องนี้มันมีอะไรดีบ้าง??
งั้นมาฉะกันทีละส่วนเลยละกัน...
บทก่อน...บทเรื่องนี้ ”พยายาม” ที่จะทำออกมาในสไตล์ Romeo and Juliet อย่างที่บอก โดยมี theme เป็นการเต้น...
แต่สิ่งที่ออกมาได้เห็นกันนั้น...มันเป็นอะไรที่เบาโหวง และ จับจุดจับประเด็นไม่ได้เท่าไหร่นัก...
ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนสนิท ที่หนังพยายามจะบอกอยู่เสมอว่า มันมาจากตัวกลางที่คอยทำให้คู่นี้แตกกัน...แต่หนังมันก็ไม่บอกซะงั้นว่า มันทำให้แตกกันเรื่องไหน เพราะอะไร...ซึ่งมีพูดลอยๆมาบ้าง แล้วก็เงียบหายไป...
จุดมุ่งหมายของ 2 ตัวนำ...ซึ่งฝ่ายนางเอกเรายังเห็นว่า เธอมีความมุ่งมั่นที่จะได้เซ็นสัญญาจากค่าย เพื่อจะได้ต่อวีซ่าในการอยู่ใน อเมริกา ต่อไป...แต่ตัวพระเอกนั้น...จุดมุ่งหมายในการเต้นของเขา คืออะไร?? หนังไม่ได้บอก และ ไม่มีการแสดงออกให้เห็นด้วยซ้ำว่า พระเอกมันเต้นเพื่ออะไร?? และความสุขที่ได้เต้นของพระเอกมันอยู่ตรงไหน?? นอกจากเต้นขอทานไปวันๆ...
รวมทั้งไอ้ตัวโกงที่เป็นต้นเหตุให้ 2 ฝ่ายต้องแตกคอนั้น...มันก็ดูไม่ค่อยมีน้ำหนักที่มากพอที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่า มันทำทุกอย่างนั้นเพื่อที่จะได้ฟันนางเอก!! ถึงแม้ว่าสิ่งที่มันทำจะเลวได้ใจก็เถอะ...
ที่มาที่ไปของแต่ละตัวละคร...มีพูดถึงเล็กน้อย แต่แทบไม่มีการปูเรื่องราวมา และหลายๆครั้งที่ดูแล้วงงๆกับตัวละครบางตัวว่า มันเกี่ยวอะไรยังไง โดยเฉพาะ ไอ้พวกไอริช!!
และ...คู่พระนางเรานั้น ไปปิ๊งกันง่ายไปไหม?? เจอกันแล้วเต้นกันปุ๊บ...รักกันเลย?? มันดูง่ายเกินไปเยอะครับ...ง่ายจนแทบจะไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า ทั้งคู่นั้นรักกันจริงๆ...อารมณ์เหมือนประทับใจกันเสียมากกว่า...ซึ่งถ้าหนังจะขายความเป็น romantic ล่ะก็...สอบตกอย่างยิ่งครับ!!
และที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ...การลำดับเหตุการณ์...ซึ่งมันโดดไปโดดมา และ ไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างสุดๆ!! บทจะไปก็ไป จะมาก็มา...จะทำโน่นทำนี่ก็ทำเลย...ไร้ความต่อเนื่องและไหลลื่น...
รวมทั้งบทสรุปสุดท้ายที่...ง่าย เหมือนอ่านนิยายก่อนนอนกล่อมเด็ก...
หลังจากบทแล้ว...ฉาก...เกือบจะดีแล้วครับ...เพียงแต่ว่าทั้งคลับใต้ดินของฝ่ายพระเอก กับ คลับบนดินของพี่นางเอกนั้น...มันดูจืดชืดเกินไป...โดยเฉพาะที่หลัง...
และฉากสุดท้ายในโบสถ์ร้างนั้น...แทบไม่ได้โชว์ความเจ๋ง หรือ ความน่าสนใจให้น่าเข้าไปชมเท่าไหร่นัก...คือว่าถ้าจะใช้ทำอะไรแค่นี้ มันเล่นที่ไหนก็ได้...
บท กับ ฉาก โดนแล้ว...มาพูดถึงส่วนที่ “ดีที่สุด” ของหนังเรื่องนี้กันนะครับ...การเต้น...
คือด้วยความที่ บท มันไม่มีห่าอะไรเท่าไหร่นั้น...ผมก็คาดหวังไว้วว่า ฉากเต้นน่าจะช่วยทำให้รู้สึกสนุก และ มีอะไรมาให้ผมตะลึงบ้าง...
ไม่มีเลยครับ...ไม่มีอะไรแปลกใหม่...สเต็ปทั้งหลายหาชมได้ตามหนังเต้นทั่วไป...
ส่วนตัวพระเอกที่ปูพื้นมาว่า เป็นนักเต้น tap...ก็ไม่ค่อยได้โชว์ให้เห็นเท่าไหร่นัก ว่าเต้น tap อย่างไรให้มันดูแปลกใหม่ และ น่าตื่นตาตื่นใจ อย่างที่พูดไว้ในหนัง...
นางเอกของเรายิ่งแล้วใหญ่...คือผมก็ไม่รู้นะว่าการเต้นประกอบกลองแบบนี้ เขามีชื่อเรียกว่าอะไร...แต่ดูแล้วเฉยมากกกกกกกกกกกกก...เฉยทั้งการเต้นและการตีกลอง...ดูกลองสะบัดชัยบ้านเรายังดูตื่นตาตื่นใจกว่าอีก...
มีช่วงที่เกือบจะดีแล้ว คือ การเต้นแนว จินตลีลาที่ประกอบกับภาพงานศิลปะ...อันนั้นก็สวยงามดี แต่ก็เคยเห็นๆกันมาอยู่บ้างแล้ว...ไม่มีอะไรแปลกใหม่ (ผมว่าแบบใน นิทรรศการ ที่อยู่ใน Step Up Revolution นั้นยังดูแปลกใหม่ และ น่าตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะ)
อีกฉากที่ดูดีหน่อยก็คือ...”ฉากเข้าพระเข้านาง” นะครับ...
ไม่ใช่ว่าเต้นกันไม่เก่งนะครับ...แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า “มันไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้น่าตื่นตาตื่นใจ” เลย...
ไปๆมาๆ...คนที่เต้นได้น่าดูชมที่สุด...กลับเป็นแขกพิเศษที่มาแจมอย่าง Yunho จาก TVXQ ซะงั้นครับ!!
นักแสดงนั้น...ทั้งพระเอกอย่าง Derek Hough ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ IDSF World Youth Latin Champion รุ่น U-21 และเป็นแชมป์รายการ Dancing with the Stars 4 สมัย และนางเอกอย่าง สาว BoA ต่างก็ไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ...ฉะนั้นแล้วฉากการแสดงเลยดูแข็งๆและไม่ค่อยคล่องมากนัก...แต่ทั้งคู่ก็ชดเชยได้ในการเต้น...ซึ่งถ้าองค์ประกอบอื่นๆของหนังมันดีกว่านี้ ทั้งคู่คงจะสามารถเปล่งประกายได้มากกว่านี้แน่ๆ...
และอีกจุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ...3D
รู้สึกโชคดียังไงไม่รู้นะครับ ที่ได้ชมแบบ 2D...เพราะว่าหนังมันไม่มีอะไรให้เล่น 3D ได้เลย นอกจากฉากที่มันมีอะไรปลิวลงมาจากข้างบน!! และฉากเต้นแทบทั้งเรื่องนั้น...ไม่มีอะไรที่สามารถขายแบบ 3D ได้เลย...ตามเหตุผลด้านบน...
----------------------------------------------------------------------------------------
สรุป : Make Your Move...หนังที่พยายามเอาความโรแมนติกแบบ Romeo and Juliet มาใส่ในการเต้น...ซึ่งทำออกมาได้ไม่ดีในทุกส่วน!! บทกลวงและเบามาก ประเด็นมั่วซั่ว ลำดับเหตุการณ์งงๆ แทบไม่มีความโรแมนติกอยู่ในหนังเท่าไหร่ พระนางมันไปรักกันอะไรยังไง ดูง่ายเกินไปมากๆ...ฉากเต้นก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรโดดเด่น และก็ดันทำ 3D ออกมา ทั้งๆที่ไม่มีฉากขาย!! และตอนจบที่สรุปได้ง่ายราวกับนิทานกล่อมเด็ก!!
เขียนมาจนถึงตอนนี้...ผมก็ยังคงหา “ส่วนที่ดี” ของหนังเรื่องนี้ไม่เจอเลยครับ...- -“