จากกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมยุโรป ได้ออกแบบสอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว ถึง ปัญหาที่คนไทยประสบเกี่ยวกับการขอรับการตรวจลงตราวีซ่าเข้ากลุ่มประเทศเชงเกน ก็ตามมาด้วยการจัดสัมมนาของบุคลากรหลายฝ่าย อาทิ ผู้ทรงคุณวุฒิจากวุฒิสภา นักวิชาการ ผู้แทนด้านการท่องเที่ยว ผู้แทนจากกรมยุโรป ผู้แทนจากสถานทูตของบางประเทศในกลุ่มเชงเกน เพื่อที่จะสรุปผลการสัมมนา และนำเสนอต่อภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งจากการสัมมนาก็มีประเด็นที่น่าพิจารณา...
กลุ่มเชงเกนเกิดจากข้อตกลงของประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ในการอนุญาตให้ผู้คนของประเทศในกลุ่มเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และก็มีผลถึงการอนุญาตชั่วคราวให้ผู้มีใบอนุญาตเชงเกน หรือ ’เชงเกน วีซ่า (Schengen Visa)“ ของประเทศเดียว มีสิทธิเดินทางได้ในประเทศอื่นในกลุ่มเชงเกน แต่...
การขอวีซ่าของคนไทยมีปัญหาอยู่ไม่น้อย!!!
ทั้งนี้ จากการสัมมนาปัญหาที่คนไทยประสบในการขอวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมี พล.อ.นิพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เป็นประธาน มี พล.อ.ชยุติ สุวรรณมาศ คณะกรรมการบริษัท เคมปินสยาม จำกัด และรองประธานที่ปรึกษา S.G.TOURS เป็นผู้สนับสนุนโครงการ มี ธเนศ จันทร์นวล ที่ปรึกษา กับ รุ่งทิพย์ พูนผลกุล กรรมการผู้จัดการ ของ S.G.TOURS ร่วมกับ TTAA เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ก็มีทั้งการนำเสนอ ข้อเท็จจริง สภาพปัญหา สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
ข้อเท็จจริง มีอาทิ...เอกสารขั้นตอนยุ่งยากและใช้เวลานาน, คนไทยที่ต้องเดินทางต่างประเทศบ่อย เช่น นักธุรกิจ มีช่วงว่างไม่นานพอที่จะทำวีซ่าได้ทัน, เคยมีกรณีนักธุรกิจไทยเพิ่งกลับจากประเทศกลุ่มเชงเกนถูกปฏิเสธการขอวีซ่าเมื่อมีการยื่นใหม่ที่ประเทศเดิม ห่างจากวันที่กลับมาเพียง 3 วัน, เคยมีการยื่นวีซ่ากับสถานทูตในกลุ่มเชงเกนประเทศหนึ่ง มีการรับเอกสารและเงินค่าวีซ่าไว้แล้ว ต่อมาหลายวันมีการคืนเอกสาร ไม่คืนค่าวีซ่า และให้ไปยื่นขอวีซ่าประเทศอื่น, ระบบและมาตรฐานการยื่นวีซ่าเชงเกนของแต่ละสถานทูต ความพร้อมและเพียงพอของบุคลากรต่างกัน, บริษัทท่องเที่ยวมีความเสี่ยงด้านการทำวีซ่าของลูกค้านักท่องเที่ยว และไม่กล้าเรียกร้องสถานทูตในกรณีที่เสียหายเพราะเกรงจะถูกขึ้นบัญชีดำ, ไทยเปิดให้ต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องมีวีซ่า แต่คนไทยต้องเสียค่าวีซ่าเมื่อจะเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน, การที่คนไทยไม่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเชงเกนอาจเพราะความไม่ไว้วางใจด้านการค้าแรงงาน ค้าประเวณี ยาเสพติด แต่นักธุรกิจไทย นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ก็ไม่ได้รับการยืดหยุ่นไปด้วย, บางสถานทูตบางประเทศกลุ่มเชงเกนจำกัดจำนวนรับยื่นขอวีซ่าต่อวันน้อยเกินไป ฯลฯ
สภาพปัญหา มีอาทิ...การยื่นวีซ่ามีระเบียบขั้นตอนมากกว่าแต่ก่อน บางประเทศต้องไปติดต่อหลายครั้งกว่าจะได้คิวยื่น และต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับเล่ม, ผู้เดินทางบางกลุ่มไม่สะดวกยื่นวีซ่าด้วยตนเอง เช่น แพทย์ ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ, แม้จะเดินทางไปกลุ่มประเทศเชงเกนบ่อย แต่ต้องทำวีซ่าใหม่ทุกครั้งที่จะเดินทางอีกเพราะได้วีซ่าระยะสั้น (บางกรณีไม่ถึง 7 วัน), ถูกปฏิเสธวีซ่าโดยไม่ทราบเหตุผล ฯลฯ
สาเหตุ มีอาทิ... เข้าใจว่าอัตรากำลังสถานทูตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะฤดูท่องเที่ยวที่มีผู้ยื่นขอวีซ่ามาก, การวางระบบกฎเกณฑ์อนุมัติวีซ่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจและหน้าที่ของสถานทูตแต่ละประเทศ ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน, คนไทยยังไม่ได้รับความไว้วางใจ ให้เกียรติ และยอมรับ จากกลุ่มประเทศเชงเกน, ภาพลักษณ์คนไทยถูกมองเหมือนกันหมด ไม่มีการแยกแยะกลุ่มหรือประเภทของผู้เดินทาง, บริษัทท่องเที่ยวไม่ได้รับความเข้าใจ เห็นใจ แม้ได้รับความเสียหาย, ภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวยังไม่มีพลังมากพอที่จะเจรจาต่อรอง ฯลฯ
ข้อเสนอแนะ มีอาทิ...ระบบยื่นวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกนควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงกรณีผู้เดินทางไม่ต้องไปแสดงตน, ทางการไทยควรชี้แจงปัญหาและเสนอแนะต่อสถานทูตเพื่อให้ทราบผลกระทบและความเสียหายกับหลาย ๆ ฝ่าย อันเกิดจากวีซ่าไม่ผ่านหรือล่าช้า, รัฐบาลไทยควรเจรจาต่อรองกับประเทศกลุ่มเชงเกนเพื่อให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นแก่คนไทย เช่น ระยะเวลาวีซ่า และอาจเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายกรณีมีการส่งตัวผู้เดินทางที่ไม่ถูกต้องกลับไทยเป็นการแลกเปลี่ยนการยกเลิกวีซ่า, ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับวิธีคิดว่า การเดินทางไปมาระหว่างประเทศเป็นเรื่องสากลที่ต้องสะดวกทั้งสองฝ่ายและสมดุล ซึ่งมีผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะสายการบิน ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนทุกภาคส่วน อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศโดยรวม ฯลฯ
ทั้งนี้ ในการสัมมนา ปัญหาที่คนไทยประสบเกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน นั้น ทางผู้แทนจากกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ก็ระบุไว้ว่า... ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ และจะมีการหารือกับทางสหภาพยุโรป ซึ่งภาคเอกชนที่มีแบบสอบถามเรื่องนี้อยู่ หากจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทางรัฐก็จะเป็นการดี
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามความคืบหน้า
เรื่อง ’วีซ่า“ ที่เกี่ยวกับ ’การยอมรับของยุโรป“
จะมีการ ’ให้เกียรติคนไทย“ ดีขึ้นหรือไม่???. ที่มา เดลินิวส์
เปิดผลสัมมนาปัญหา "วีซ่าเข้าเชงเก้น" เกียรติคนไทยถูกเมิน?
กลุ่มเชงเกนเกิดจากข้อตกลงของประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ในการอนุญาตให้ผู้คนของประเทศในกลุ่มเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องถือหนังสือเดินทาง และก็มีผลถึงการอนุญาตชั่วคราวให้ผู้มีใบอนุญาตเชงเกน หรือ ’เชงเกน วีซ่า (Schengen Visa)“ ของประเทศเดียว มีสิทธิเดินทางได้ในประเทศอื่นในกลุ่มเชงเกน แต่...
การขอวีซ่าของคนไทยมีปัญหาอยู่ไม่น้อย!!!
ทั้งนี้ จากการสัมมนาปัญหาที่คนไทยประสบในการขอวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน ที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมี พล.อ.นิพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา เป็นประธาน มี พล.อ.ชยุติ สุวรรณมาศ คณะกรรมการบริษัท เคมปินสยาม จำกัด และรองประธานที่ปรึกษา S.G.TOURS เป็นผู้สนับสนุนโครงการ มี ธเนศ จันทร์นวล ที่ปรึกษา กับ รุ่งทิพย์ พูนผลกุล กรรมการผู้จัดการ ของ S.G.TOURS ร่วมกับ TTAA เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ก็มีทั้งการนำเสนอ ข้อเท็จจริง สภาพปัญหา สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
ข้อเท็จจริง มีอาทิ...เอกสารขั้นตอนยุ่งยากและใช้เวลานาน, คนไทยที่ต้องเดินทางต่างประเทศบ่อย เช่น นักธุรกิจ มีช่วงว่างไม่นานพอที่จะทำวีซ่าได้ทัน, เคยมีกรณีนักธุรกิจไทยเพิ่งกลับจากประเทศกลุ่มเชงเกนถูกปฏิเสธการขอวีซ่าเมื่อมีการยื่นใหม่ที่ประเทศเดิม ห่างจากวันที่กลับมาเพียง 3 วัน, เคยมีการยื่นวีซ่ากับสถานทูตในกลุ่มเชงเกนประเทศหนึ่ง มีการรับเอกสารและเงินค่าวีซ่าไว้แล้ว ต่อมาหลายวันมีการคืนเอกสาร ไม่คืนค่าวีซ่า และให้ไปยื่นขอวีซ่าประเทศอื่น, ระบบและมาตรฐานการยื่นวีซ่าเชงเกนของแต่ละสถานทูต ความพร้อมและเพียงพอของบุคลากรต่างกัน, บริษัทท่องเที่ยวมีความเสี่ยงด้านการทำวีซ่าของลูกค้านักท่องเที่ยว และไม่กล้าเรียกร้องสถานทูตในกรณีที่เสียหายเพราะเกรงจะถูกขึ้นบัญชีดำ, ไทยเปิดให้ต่างชาติเข้ามาโดยไม่ต้องมีวีซ่า แต่คนไทยต้องเสียค่าวีซ่าเมื่อจะเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน, การที่คนไทยไม่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเชงเกนอาจเพราะความไม่ไว้วางใจด้านการค้าแรงงาน ค้าประเวณี ยาเสพติด แต่นักธุรกิจไทย นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ก็ไม่ได้รับการยืดหยุ่นไปด้วย, บางสถานทูตบางประเทศกลุ่มเชงเกนจำกัดจำนวนรับยื่นขอวีซ่าต่อวันน้อยเกินไป ฯลฯ
สภาพปัญหา มีอาทิ...การยื่นวีซ่ามีระเบียบขั้นตอนมากกว่าแต่ก่อน บางประเทศต้องไปติดต่อหลายครั้งกว่าจะได้คิวยื่น และต้องใช้เวลานานกว่าจะได้รับเล่ม, ผู้เดินทางบางกลุ่มไม่สะดวกยื่นวีซ่าด้วยตนเอง เช่น แพทย์ ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ, แม้จะเดินทางไปกลุ่มประเทศเชงเกนบ่อย แต่ต้องทำวีซ่าใหม่ทุกครั้งที่จะเดินทางอีกเพราะได้วีซ่าระยะสั้น (บางกรณีไม่ถึง 7 วัน), ถูกปฏิเสธวีซ่าโดยไม่ทราบเหตุผล ฯลฯ
สาเหตุ มีอาทิ... เข้าใจว่าอัตรากำลังสถานทูตไม่เพียงพอ โดยเฉพาะฤดูท่องเที่ยวที่มีผู้ยื่นขอวีซ่ามาก, การวางระบบกฎเกณฑ์อนุมัติวีซ่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจและหน้าที่ของสถานทูตแต่ละประเทศ ยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน, คนไทยยังไม่ได้รับความไว้วางใจ ให้เกียรติ และยอมรับ จากกลุ่มประเทศเชงเกน, ภาพลักษณ์คนไทยถูกมองเหมือนกันหมด ไม่มีการแยกแยะกลุ่มหรือประเภทของผู้เดินทาง, บริษัทท่องเที่ยวไม่ได้รับความเข้าใจ เห็นใจ แม้ได้รับความเสียหาย, ภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวยังไม่มีพลังมากพอที่จะเจรจาต่อรอง ฯลฯ
ข้อเสนอแนะ มีอาทิ...ระบบยื่นวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกนควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงกรณีผู้เดินทางไม่ต้องไปแสดงตน, ทางการไทยควรชี้แจงปัญหาและเสนอแนะต่อสถานทูตเพื่อให้ทราบผลกระทบและความเสียหายกับหลาย ๆ ฝ่าย อันเกิดจากวีซ่าไม่ผ่านหรือล่าช้า, รัฐบาลไทยควรเจรจาต่อรองกับประเทศกลุ่มเชงเกนเพื่อให้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นแก่คนไทย เช่น ระยะเวลาวีซ่า และอาจเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายกรณีมีการส่งตัวผู้เดินทางที่ไม่ถูกต้องกลับไทยเป็นการแลกเปลี่ยนการยกเลิกวีซ่า, ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับวิธีคิดว่า การเดินทางไปมาระหว่างประเทศเป็นเรื่องสากลที่ต้องสะดวกทั้งสองฝ่ายและสมดุล ซึ่งมีผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะสายการบิน ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การสนับสนุนทุกภาคส่วน อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศโดยรวม ฯลฯ
ทั้งนี้ ในการสัมมนา ปัญหาที่คนไทยประสบเกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าประเทศกลุ่มเชงเกน นั้น ทางผู้แทนจากกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ ก็ระบุไว้ว่า... ทางภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ และจะมีการหารือกับทางสหภาพยุโรป ซึ่งภาคเอกชนที่มีแบบสอบถามเรื่องนี้อยู่ หากจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทางรัฐก็จะเป็นการดี
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามความคืบหน้า
เรื่อง ’วีซ่า“ ที่เกี่ยวกับ ’การยอมรับของยุโรป“
จะมีการ ’ให้เกียรติคนไทย“ ดีขึ้นหรือไม่???. ที่มา เดลินิวส์