นางลักษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส สำนักงานผู้แทนประเทศไทย ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี กล่าวว่า ได้เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เหลือร้อยละ 4 - 4.3 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4.9 และการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 8
เนื่องจากการส่งออกของไทยชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนที่ชะลอลงจากภาระหนี้ครัวเรือน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเผยแพร่ได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
เศรษกรอาวุโส เอดีบี ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมภาคการส่งออกของไทย รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐ ที่จะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยดึงการลงทุนจากภาคเอกชน และหากในปี 2557 รัฐบาลสามารถดำเนินโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทได้ตามเป้าหมาย ก็จะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เอดีบียังเปิดเผยถึงรายงานเรื่อง "Asia's Economic Transformation" พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้าสู่ประเทศภาคอุตสาหกรรมแล้ว เนื่องจากมีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตเกินร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับ GDP และมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเกินร้อยละ 18 แต่โดยรวมประเทศไทย ยังเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำอยู่ เพราะว่าประเทศไทยยังมีการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมสูงมากถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรม
ดังนั้น หากจะให้ประเทศไทยมีรายได้ประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้น ควรจะยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อนำประชากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพราะจากการศึกษาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของเอดีบี พบว่า หากแรงงานในประเทศที่กำลังพัฒนา ยังอยู่ในภาคเกษตรกรรมจำนวนมาก จะไม่เอื้อต่อการพัฒนาไปเป็นประเทศที่มีรายได้สูง เพราะการเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจะสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ การดำรงชีพจากกองทุนประกันสังคม และสวัสดิการต่างๆ ซึ่งสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้และจะทำให้รายได้ประชากรเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี เป็น 12,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับซึ่งถือเป็นระดับมาตรฐาน
กลุ่มส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม น่าจะยังสดใส หวังว่า
ADB ระบุ ไทยก้าวเข้าสู่ประเทศภาคอุตสาหกรรมแล้ว
เนื่องจากการส่งออกของไทยชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งการจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนที่ชะลอลงจากภาระหนี้ครัวเรือน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเผยแพร่ได้ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
เศรษกรอาวุโส เอดีบี ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมภาคการส่งออกของไทย รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐ ที่จะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยดึงการลงทุนจากภาคเอกชน และหากในปี 2557 รัฐบาลสามารถดำเนินโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทได้ตามเป้าหมาย ก็จะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เอดีบียังเปิดเผยถึงรายงานเรื่อง "Asia's Economic Transformation" พบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้าสู่ประเทศภาคอุตสาหกรรมแล้ว เนื่องจากมีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตเกินร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับ GDP และมีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเกินร้อยละ 18 แต่โดยรวมประเทศไทย ยังเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำอยู่ เพราะว่าประเทศไทยยังมีการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมสูงมากถึงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรม
ดังนั้น หากจะให้ประเทศไทยมีรายได้ประชากรต่อหัวเพิ่มขึ้น ควรจะยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อนำประชากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เพราะจากการศึกษาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของเอดีบี พบว่า หากแรงงานในประเทศที่กำลังพัฒนา ยังอยู่ในภาคเกษตรกรรมจำนวนมาก จะไม่เอื้อต่อการพัฒนาไปเป็นประเทศที่มีรายได้สูง เพราะการเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมจะสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้ การดำรงชีพจากกองทุนประกันสังคม และสวัสดิการต่างๆ ซึ่งสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้และจะทำให้รายได้ประชากรเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี เป็น 12,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งถือเป็นระดับซึ่งถือเป็นระดับมาตรฐาน
กลุ่มส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม น่าจะยังสดใส หวังว่า