กับอีกบริษัทที่ไม่มีการันตีโบนัส แต่โดยเฉลี่ยจะให้ประมาณปีละ 1.5 - 2 เดือน แต่เงินเดือนขึ้นประมาณเฉลี่ย 15% ต่อปี
ผมกำลังทำงานอยู่กับบริษัทหลังที่ไม่มีการันตีโบนัส ปีแรกเงินเดือนขึ้น 11% โบนัส 1.5 เดือนทั้งที่เพิ่งเข้าได้ 5 เดือน ปีที่สองขึ้น 24% ทั้งที่โดนอัดอย่างหนักจากเจ้านายว่า มี productivity ห่วยสุดในแผนก และเข้าใจเอาเองว่าน่าจะห่วยที่สุดในบริษัท ก็เข้าใจเจ้านาย แต่ผมเองก็มีอุปสรรคสำคัญเรื่องภาษาซึ่งทำให้ทำงานช้า และผมหยุดทำงานไปนานหลายปีเกิน เพิ่งจะกลับมาเริ่มทำงานใหม่ทำให้อะไรมันดูช้างุ่มง่ามไปหมดโดยเฉพาะต้องติดต่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษไปหมด ลูกค้าก็ต่างชาติล้วน เวลาจะพูดจะจาก็ไม่มีความมั่นใจเลย (นอกจากพูดกับเจ้านายตัวเองเพราะมันไม่ต้องกังวลอะไร พูดผิดพูดถูก เค้าก็เข้าใจหมด) ทั้งขี้หลงขึ้ลืมทั้งขี้เกียจด้วยเพราะพลังงานที่จะทุ่มลงไปกับการทำงานมันรู้สึกลดน้อยถอยลงไปทุกทีด้วยอายุที่มากขึ้น
แต่เจ้านายเค้าก็พยายามจะไฟท์ให้ผมได้รับโปรโมต ตอนที่ทำ self-evaluation ผมก็ประเมินตัวเองไปต่ำสุด Target ที่ set ไว้ก็ไม่บรรลุผลสักกะอย่าง ก็โดนเค้าด่าว่าทำไมให้คะแนนตัวเองต่ำอย่างนี้ แล้วเค้าก็เอาของผมไปแก้แล้วเพิ่มคะแนนให้ในแต่ละข้อๆๆ แล้วเขียนให้ target สำเร็จ 2 ใน 3 อย่างที่เค้ามองว่าผม achieve แล้วเอาไปไฟท์กับ MD เพื่อให้ผมได้โปรโมท แต่สุดท้ายก็ไฟท์ไม่สำเร็จเพราะ productivity มันฟ้องตัวเอง ผมก็ไม่โทษใคร ต้องโทษตัวเอง แต่เค้าก็ไฟท์ในเรื่องของการอัพเงินเดือนขึ้นให้ผมได้ถึง 24% และโบนัส 1.5 เดือน จนสำเร็จ เจ้านายพูดย้ำหลายครั้งว่าเค้ารู้สึก guilty มากที่ไม่สามารถ push ผมได้สำเร็จในปีนี้ แต่จะพยายามอีกครั้งในปีหน้า (สีหน้าเค้าน่าสงสารมาก ผมก็พยายามบอกว่า never mind ๆๆ it's okๆๆ หลายครั้ง)
แต่บริษัทที่สองให้โบนัสขั้นต่ำ 6 เดือน ปีที่แล้วก็ให้ 8-10 เดือนฟังจากที่เค้าบอกมา แต่เงินเดือนคงขึ้นน้อย เดาเอาเองว่าน่าจะประมาณ 5-7% สำหรับบริษัทขนาดใหญ่
ส่วนตัวผมรู้สึกไม่แคร์เรื่องตำแหน่งเท่าไหร่ (เพราะตำแหน่งมันคงจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ผมไม่อยากรับ อย่างเรื่องงาน management ที่ผมทั้งไม่ชอบและไม่ถนัดเลย) แต่สนใจเรื่องเม็ดเงินมากกว่าเพราะผมอยากได้เอามาสร้างบ้านใหม่ให้แม่หรืออย่างน้อยก็รีโนเวทบ้านเก่า ตอนนี้ผมติดเครดิตบูโร (จากปัญหาช่วงที่หยุดงานไปหลายปีนั่นแหละ) จะขอสินเชื่อแบ็งค์ไม่ได้ ลำพังตัวเองคนเดียว ก็ต้องอาศัยเงินก้อนเป็นหลัก ถ้าได้เป็นเงินก้อนขนาดโบนัส 8- 10 เดือน มันทำอะไรได้มากมายเลย คือเงินนี้มันได้ทั้งเคลียร์หนี้สินเก่า ทั้ง renovate บ้านใหม่ได้เลย
แต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่า happy จังที่ทำงานกับเจ้านายที่ให้ความสำคัญกับเราแบบนี้ (ถึงเจ้านายจะจี้จะดุจะบ่นผมบ้างเรื่องทำงานช้า feedback จากลูกค้าไม่ค่อยดี แต่ผมว่ายังดีกว่าไม่บ่นไม่สนใจเลยนะ เค้าพยายามไล่จี้ผมให้ list สิ่งที่จะต้องทำในแต่ละวันไว้ในกระดาษ จะได้ไม่ลืม แล้วไล่กำจัดงานไปแต่ละอันให้พ้นไปไวๆ เค้าพูดแล้วพูดอีกเป็นครั้งที่ร้อย แต่ผมก็ลืมได้ทุกทีสิน่า) และผมก็ได้ทำงานที่รักมากที่สุด ไม่เคยเบื่อเลย (ผมยังคิดว่าถ้าถูกหวยสักร้อยล้าน จะขอมาทำงานทุกวันแบบไม่รับเงินเดือนเลย จะได้ไม่โดนกดดันแถมยังได้ทำงานที่เรารัก) เพื่อนร่วมงานก็นิสัยดีน่ารักทุกคนเลย และแต่ละคนก็ให้เกียร์ติซึ่งกันและกัน และให้ความสำคัญกับเรา
ตอนนี้ไม่รู้จะเอาไงดี ถ้าทำงานไปแบบนี้กับที่เดิม คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่าจะเคลียร์ภาระหนี้สินเดิมหมด กะเก็บเงิน renovate บ้านใหม่ให้แม่ได้ ส่วนเรื่องขอสินเชื่อแบ๊งค์ ไม่ต้องหวังเลย แต่คิดว่าสุดท้ายเรื่องเงินก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมอยู่ดี ยิ่งดูกระทู้ในชายคาของคนอื่นที่รีวิวบ้านใหม่ renovate บ้านใหม่ให้แม่ แล้วก็ชื่นชมเค้าจัง อยากจะทำให้ได้อย่างนั้นเร็วๆ แม่ผมปีนี้ก็ 80 กว่าแล้ว แกก็เปรยๆ อยู่เรื่อยว่า ผมจะซื้อบ้านใหม่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่า จะซื้อๆๆ แต่คงทำไม่ได้ ทำได้อย่างมาก คงแค่ได้ renovate บ้านเดิมให้สวยที่สุดสำหรับแม่
จะเลือกทำงานบริษัทไหนระหว่างบริษัทที่ให้โบนัสขั้นต่ำ 6 เดือนแต่เงินเดือนขึ้นปีละ 5-7% กับ....
ผมกำลังทำงานอยู่กับบริษัทหลังที่ไม่มีการันตีโบนัส ปีแรกเงินเดือนขึ้น 11% โบนัส 1.5 เดือนทั้งที่เพิ่งเข้าได้ 5 เดือน ปีที่สองขึ้น 24% ทั้งที่โดนอัดอย่างหนักจากเจ้านายว่า มี productivity ห่วยสุดในแผนก และเข้าใจเอาเองว่าน่าจะห่วยที่สุดในบริษัท ก็เข้าใจเจ้านาย แต่ผมเองก็มีอุปสรรคสำคัญเรื่องภาษาซึ่งทำให้ทำงานช้า และผมหยุดทำงานไปนานหลายปีเกิน เพิ่งจะกลับมาเริ่มทำงานใหม่ทำให้อะไรมันดูช้างุ่มง่ามไปหมดโดยเฉพาะต้องติดต่อสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษไปหมด ลูกค้าก็ต่างชาติล้วน เวลาจะพูดจะจาก็ไม่มีความมั่นใจเลย (นอกจากพูดกับเจ้านายตัวเองเพราะมันไม่ต้องกังวลอะไร พูดผิดพูดถูก เค้าก็เข้าใจหมด) ทั้งขี้หลงขึ้ลืมทั้งขี้เกียจด้วยเพราะพลังงานที่จะทุ่มลงไปกับการทำงานมันรู้สึกลดน้อยถอยลงไปทุกทีด้วยอายุที่มากขึ้น
แต่เจ้านายเค้าก็พยายามจะไฟท์ให้ผมได้รับโปรโมต ตอนที่ทำ self-evaluation ผมก็ประเมินตัวเองไปต่ำสุด Target ที่ set ไว้ก็ไม่บรรลุผลสักกะอย่าง ก็โดนเค้าด่าว่าทำไมให้คะแนนตัวเองต่ำอย่างนี้ แล้วเค้าก็เอาของผมไปแก้แล้วเพิ่มคะแนนให้ในแต่ละข้อๆๆ แล้วเขียนให้ target สำเร็จ 2 ใน 3 อย่างที่เค้ามองว่าผม achieve แล้วเอาไปไฟท์กับ MD เพื่อให้ผมได้โปรโมท แต่สุดท้ายก็ไฟท์ไม่สำเร็จเพราะ productivity มันฟ้องตัวเอง ผมก็ไม่โทษใคร ต้องโทษตัวเอง แต่เค้าก็ไฟท์ในเรื่องของการอัพเงินเดือนขึ้นให้ผมได้ถึง 24% และโบนัส 1.5 เดือน จนสำเร็จ เจ้านายพูดย้ำหลายครั้งว่าเค้ารู้สึก guilty มากที่ไม่สามารถ push ผมได้สำเร็จในปีนี้ แต่จะพยายามอีกครั้งในปีหน้า (สีหน้าเค้าน่าสงสารมาก ผมก็พยายามบอกว่า never mind ๆๆ it's okๆๆ หลายครั้ง)
แต่บริษัทที่สองให้โบนัสขั้นต่ำ 6 เดือน ปีที่แล้วก็ให้ 8-10 เดือนฟังจากที่เค้าบอกมา แต่เงินเดือนคงขึ้นน้อย เดาเอาเองว่าน่าจะประมาณ 5-7% สำหรับบริษัทขนาดใหญ่
ส่วนตัวผมรู้สึกไม่แคร์เรื่องตำแหน่งเท่าไหร่ (เพราะตำแหน่งมันคงจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ผมไม่อยากรับ อย่างเรื่องงาน management ที่ผมทั้งไม่ชอบและไม่ถนัดเลย) แต่สนใจเรื่องเม็ดเงินมากกว่าเพราะผมอยากได้เอามาสร้างบ้านใหม่ให้แม่หรืออย่างน้อยก็รีโนเวทบ้านเก่า ตอนนี้ผมติดเครดิตบูโร (จากปัญหาช่วงที่หยุดงานไปหลายปีนั่นแหละ) จะขอสินเชื่อแบ็งค์ไม่ได้ ลำพังตัวเองคนเดียว ก็ต้องอาศัยเงินก้อนเป็นหลัก ถ้าได้เป็นเงินก้อนขนาดโบนัส 8- 10 เดือน มันทำอะไรได้มากมายเลย คือเงินนี้มันได้ทั้งเคลียร์หนี้สินเก่า ทั้ง renovate บ้านใหม่ได้เลย
แต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่า happy จังที่ทำงานกับเจ้านายที่ให้ความสำคัญกับเราแบบนี้ (ถึงเจ้านายจะจี้จะดุจะบ่นผมบ้างเรื่องทำงานช้า feedback จากลูกค้าไม่ค่อยดี แต่ผมว่ายังดีกว่าไม่บ่นไม่สนใจเลยนะ เค้าพยายามไล่จี้ผมให้ list สิ่งที่จะต้องทำในแต่ละวันไว้ในกระดาษ จะได้ไม่ลืม แล้วไล่กำจัดงานไปแต่ละอันให้พ้นไปไวๆ เค้าพูดแล้วพูดอีกเป็นครั้งที่ร้อย แต่ผมก็ลืมได้ทุกทีสิน่า) และผมก็ได้ทำงานที่รักมากที่สุด ไม่เคยเบื่อเลย (ผมยังคิดว่าถ้าถูกหวยสักร้อยล้าน จะขอมาทำงานทุกวันแบบไม่รับเงินเดือนเลย จะได้ไม่โดนกดดันแถมยังได้ทำงานที่เรารัก) เพื่อนร่วมงานก็นิสัยดีน่ารักทุกคนเลย และแต่ละคนก็ให้เกียร์ติซึ่งกันและกัน และให้ความสำคัญกับเรา
ตอนนี้ไม่รู้จะเอาไงดี ถ้าทำงานไปแบบนี้กับที่เดิม คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่าจะเคลียร์ภาระหนี้สินเดิมหมด กะเก็บเงิน renovate บ้านใหม่ให้แม่ได้ ส่วนเรื่องขอสินเชื่อแบ๊งค์ ไม่ต้องหวังเลย แต่คิดว่าสุดท้ายเรื่องเงินก็คงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมอยู่ดี ยิ่งดูกระทู้ในชายคาของคนอื่นที่รีวิวบ้านใหม่ renovate บ้านใหม่ให้แม่ แล้วก็ชื่นชมเค้าจัง อยากจะทำให้ได้อย่างนั้นเร็วๆ แม่ผมปีนี้ก็ 80 กว่าแล้ว แกก็เปรยๆ อยู่เรื่อยว่า ผมจะซื้อบ้านใหม่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่า จะซื้อๆๆ แต่คงทำไม่ได้ ทำได้อย่างมาก คงแค่ได้ renovate บ้านเดิมให้สวยที่สุดสำหรับแม่