วิเคราะห์ข่าว: แกเร็ธ เบล กับการสวมชุดขาวและเดินเข้า "พาเธนอนแห่งมาดริด"
** คำเตือน: ยาวมาก! แต่อ่านจบน่าจะเข้าใจได้ในเรื่องการย้ายทีมครั้งนี้ครับ
การเจรจาที่ยืดเยื้อ ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในโลกฟุตบอลสมัยใหม่กำลังจะจบลงอย่างสมหวังสำหรับ เบล และเรอัล มาดริด เมื่อ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ จำใจตอบรับข้อเสนอ 100 ล้านยูโร หรือ 86 ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติใหม่ของโลกแล้ว โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ และจะมีการเปิดตัวภายในวันนี้ (อังคาร) ที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว โดยจะรอให้จบเกมกับกรานาด้า ที่กำลังจะลงเตะในอีกไม่กี่นาทีก่อน
สำหรับการเจรจาที่ยืดเยื้อนั้น จุดเริ่มต้นจากการที่ มาดริด พลาดการได้ตัว เนย์มาร์ ทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซึ่งเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรต่ออีกสมัยต้องพยายามหาตัวเลือก "สตาร์" ในระดับ "กลาคติกอส" เข้ามาแทน
และบนโลกนี้ไม่มีนักเตะคนไหนที่มีศักยภาพในสนาม และศักยภาพทางการตลาดที่โดดเด่นคนอื่นๆนอกเหนือจาก เบล
ทันทีที่ทราบว่ามีคนอยากให้ใส่ "ชุดขาว" เบล ไม่รีรอ ไม่มีการสงวนท่าที ไม่มีการสอบถาม มีแต่การแจ้งว่า "ผมจะไป ขอให้ผมย้ายทีม"
แน่นอนว่า สเปอร์ส "ช็อก" กับเรื่องดังกล่าวเพราะไม่ได้เตรียมการสำหรับการเสียเบลในซัมเมอร์นี้ และทำให้ "โคตรนักเจรจา" อย่าง ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรต้องออกแรงเหนื่อยในการหาทางออกที่ดีที่สุด
กลเม็ดต่างๆถูกนำมาใช้ทั้งการเตะถ่วงเวลาด้วยการขอให้เรอัล มาดริด ขอการรับรองจากธนาคารว่าจะสามารถ "ชำระหนี้" ได้จริง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลา หรือแม้แต่การนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา โดยระหว่างที่ เลวี่ สวมบท "พระเตมีย์ใบ้" ทางด้านฟรังโก้ บัลดินี่ ทำงานร่วมกับ "เอวีบี" ในการหานักเตะเข้ามาทดแทน ซึงได้ เปาลินโญ่, โรแบร์โต้ โซลดาโด้ เข้ามา แต่พลาดในรายของ วิลเลียน ที่ถูกอิทธิพลมืดจากซูไลมาน เคริมอฟ เจ้าของทีมอันชิ มาคัชคาลา แทรกแซงทำให้ วิลเลียน ได้ย้ายไปเชลซี ที่มีโรมัน อบราโมวิช เศรษฐีเพื่อนร่วมชาติรัสเซียแทน
อย่างไรก็ดีแม้จะไม่อยากขาย แต่เลวี่ รู้ว่าการเตะถ่วงไปเรื่อยๆจนถึงวันสุดท้ายไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ สเปอร์ส ควรจะมีเวลาในการจะเอาเงินที่ได้จากการขาย เบล ซึ่งก็ทำตัวเป็น "เตย์มีใบ้" ไม่พูดไม่จากับใคร หายตัวราวกับล่องหน โดยอ้างเรื่องอาการบาดเจ็บที่ทุกคนก็รู้ว่า "ป่วยการเมือง"
นั่นทำให้แม้จะพลาดวิลเลียน แต่เลวี่ พร้อมทั้ง บัลดินี่ ตัดสินใจบุกไปเจรจาถึงมาดริด เพื่อพยายามโก่งค่าตัวให้ได้มากที่สุด และสเปอร์ส ต้องได้เงื่อนไขที่ดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายบทสรุปอยู่ที่
86 ล้านปอนด์ ผ่อนชำระ 3 งวดด้วยกัน โดยหากผ่อนเร็ว สเปอร์ส พร้อมจะลดราคาให้ 10 เปอร์เซ็นต์
ด้าน มาดริด ก็พยายามผ่องถ่ายนักเตะโดยปล่อยออกไปหลายราย อาทิ อัลบิโอล, กาเญฆอน, อิกวาอิน และกำลังจะรวมถึง ดิ มาเรียด้วย ทั้งๆที่ คาร์โล อันเชล็อตติ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่เห็นด้วย เพราะดิ มาเรีย เป็นคนที่สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับทีม การขาดดิ มาเรีย จะส่งผลต่อบรรยากาศในทีมแน่นอน
แต่อีกด้านหนึ่ง มาดริด เองก็จ่ายไปเยอะกว่า 76.5 ล้านปอนด์แลก อิสโก้ อิลญาร์เมนดี้ และคาร์บาคัล มาร่วมทีม
กระนั้นทางด้าน เปเรซ ไม่ได้วิตกนักเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพทางการตลาดของเบล ที่จะช่วยทีมได้มากทั้งเรื่องของการขายเสื้อ บัตรเข้าชม ลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ต่างๆ (เบลใส่รองเท้าอาดิดาส สปอนเซอร์เดียวกับมาดริด ไม่เหมือนโรนัลโด้ที่ใส่ไนกี้) สิ่งเหล่านี้เป็นเม็ดเงินมหาศาล และโอกาสในการทำตลาดที่สูงอยู่
และแน่นอนว่าเรื่องในสนามนั้น การได้เบลมาจะทำให้ มาดริด น่าสยองขวัญมากยิ่งขึ้นเพราะมีนักเตะระดับมหัศจรรย์อย่าง เบล และโรนัลโด้ อยู่ในทีมพร้อมกัน
โดยคาดว่า เบล น่าจะได้โอกาสลงเล่นประเดิม "ชุดขาว" เกมแรกกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ซึ่งเป็นเกมพิเศษที่ มาดริด จะลงเล่นด้วยโดยมอบรายได้จากบัตรผ่านประตูให้ "ซูเปอร์เดปอร์" ที่กำลังลำบาก
แต่มาดริด จะได้เงินส่วนแบ่งมากกว่าจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทีวี ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นเกมแรกของ เบล คนทั้งสเปน ก็ย่อมอยากดูแน่ และนั่นหมายถึงเรตติ้งที่พุ่งกระฉูด ดึงดูดค่าโฆษณามหาศาลได้เลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้คือเบื้องลึกของดีลพลิกโลก ซึ่งสะท้อนอะไรได้หลายอย่างในวงการฟุตบอลปัจจุบัน ทั้งในเรื่องอำนาจการต่อรองของผู้เล่น เรื่องการตลาดในเกมลูกหนัง
และมนต์ขลังของเสื้อสีขาวตัวนั้นยังใช้ได้อยู่เสมอจนถึงทุกวันนี้ ...
Credit Fanpage -
https://www.facebook.com/Sockrrr (เพจฟุตบอลเนื้อหาดีๆ มีอะไรให้อ่านเรื่อยๆทุกวัน)
วิเคราะห์ข่าว: แกเร็ธ เบล กับการสวมชุดขาวและเดินเข้า "พาเธนอนแห่งมาดริด"
** คำเตือน: ยาวมาก! แต่อ่านจบน่าจะเข้าใจได้ในเรื่องการย้ายทีมครั้งนี้ครับ
การเจรจาที่ยืดเยื้อ ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในโลกฟุตบอลสมัยใหม่กำลังจะจบลงอย่างสมหวังสำหรับ เบล และเรอัล มาดริด เมื่อ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ จำใจตอบรับข้อเสนอ 100 ล้านยูโร หรือ 86 ล้านปอนด์ อันเป็นสถิติใหม่ของโลกแล้ว โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ และจะมีการเปิดตัวภายในวันนี้ (อังคาร) ที่ซานติอาโก เบอร์นาบิว โดยจะรอให้จบเกมกับกรานาด้า ที่กำลังจะลงเตะในอีกไม่กี่นาทีก่อน
สำหรับการเจรจาที่ยืดเยื้อนั้น จุดเริ่มต้นจากการที่ มาดริด พลาดการได้ตัว เนย์มาร์ ทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซึ่งเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสรต่ออีกสมัยต้องพยายามหาตัวเลือก "สตาร์" ในระดับ "กลาคติกอส" เข้ามาแทน
และบนโลกนี้ไม่มีนักเตะคนไหนที่มีศักยภาพในสนาม และศักยภาพทางการตลาดที่โดดเด่นคนอื่นๆนอกเหนือจาก เบล
ทันทีที่ทราบว่ามีคนอยากให้ใส่ "ชุดขาว" เบล ไม่รีรอ ไม่มีการสงวนท่าที ไม่มีการสอบถาม มีแต่การแจ้งว่า "ผมจะไป ขอให้ผมย้ายทีม"
แน่นอนว่า สเปอร์ส "ช็อก" กับเรื่องดังกล่าวเพราะไม่ได้เตรียมการสำหรับการเสียเบลในซัมเมอร์นี้ และทำให้ "โคตรนักเจรจา" อย่าง ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรต้องออกแรงเหนื่อยในการหาทางออกที่ดีที่สุด
กลเม็ดต่างๆถูกนำมาใช้ทั้งการเตะถ่วงเวลาด้วยการขอให้เรอัล มาดริด ขอการรับรองจากธนาคารว่าจะสามารถ "ชำระหนี้" ได้จริง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลา หรือแม้แต่การนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา โดยระหว่างที่ เลวี่ สวมบท "พระเตมีย์ใบ้" ทางด้านฟรังโก้ บัลดินี่ ทำงานร่วมกับ "เอวีบี" ในการหานักเตะเข้ามาทดแทน ซึงได้ เปาลินโญ่, โรแบร์โต้ โซลดาโด้ เข้ามา แต่พลาดในรายของ วิลเลียน ที่ถูกอิทธิพลมืดจากซูไลมาน เคริมอฟ เจ้าของทีมอันชิ มาคัชคาลา แทรกแซงทำให้ วิลเลียน ได้ย้ายไปเชลซี ที่มีโรมัน อบราโมวิช เศรษฐีเพื่อนร่วมชาติรัสเซียแทน
อย่างไรก็ดีแม้จะไม่อยากขาย แต่เลวี่ รู้ว่าการเตะถ่วงไปเรื่อยๆจนถึงวันสุดท้ายไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ สเปอร์ส ควรจะมีเวลาในการจะเอาเงินที่ได้จากการขาย เบล ซึ่งก็ทำตัวเป็น "เตย์มีใบ้" ไม่พูดไม่จากับใคร หายตัวราวกับล่องหน โดยอ้างเรื่องอาการบาดเจ็บที่ทุกคนก็รู้ว่า "ป่วยการเมือง"
นั่นทำให้แม้จะพลาดวิลเลียน แต่เลวี่ พร้อมทั้ง บัลดินี่ ตัดสินใจบุกไปเจรจาถึงมาดริด เพื่อพยายามโก่งค่าตัวให้ได้มากที่สุด และสเปอร์ส ต้องได้เงื่อนไขที่ดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายบทสรุปอยู่ที่
86 ล้านปอนด์ ผ่อนชำระ 3 งวดด้วยกัน โดยหากผ่อนเร็ว สเปอร์ส พร้อมจะลดราคาให้ 10 เปอร์เซ็นต์
ด้าน มาดริด ก็พยายามผ่องถ่ายนักเตะโดยปล่อยออกไปหลายราย อาทิ อัลบิโอล, กาเญฆอน, อิกวาอิน และกำลังจะรวมถึง ดิ มาเรียด้วย ทั้งๆที่ คาร์โล อันเชล็อตติ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่เห็นด้วย เพราะดิ มาเรีย เป็นคนที่สร้างบรรยากาศที่ดีให้กับทีม การขาดดิ มาเรีย จะส่งผลต่อบรรยากาศในทีมแน่นอน
แต่อีกด้านหนึ่ง มาดริด เองก็จ่ายไปเยอะกว่า 76.5 ล้านปอนด์แลก อิสโก้ อิลญาร์เมนดี้ และคาร์บาคัล มาร่วมทีม
กระนั้นทางด้าน เปเรซ ไม่ได้วิตกนักเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพทางการตลาดของเบล ที่จะช่วยทีมได้มากทั้งเรื่องของการขายเสื้อ บัตรเข้าชม ลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ต่างๆ (เบลใส่รองเท้าอาดิดาส สปอนเซอร์เดียวกับมาดริด ไม่เหมือนโรนัลโด้ที่ใส่ไนกี้) สิ่งเหล่านี้เป็นเม็ดเงินมหาศาล และโอกาสในการทำตลาดที่สูงอยู่
และแน่นอนว่าเรื่องในสนามนั้น การได้เบลมาจะทำให้ มาดริด น่าสยองขวัญมากยิ่งขึ้นเพราะมีนักเตะระดับมหัศจรรย์อย่าง เบล และโรนัลโด้ อยู่ในทีมพร้อมกัน
โดยคาดว่า เบล น่าจะได้โอกาสลงเล่นประเดิม "ชุดขาว" เกมแรกกับ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ซึ่งเป็นเกมพิเศษที่ มาดริด จะลงเล่นด้วยโดยมอบรายได้จากบัตรผ่านประตูให้ "ซูเปอร์เดปอร์" ที่กำลังลำบาก
แต่มาดริด จะได้เงินส่วนแบ่งมากกว่าจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทีวี ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นเกมแรกของ เบล คนทั้งสเปน ก็ย่อมอยากดูแน่ และนั่นหมายถึงเรตติ้งที่พุ่งกระฉูด ดึงดูดค่าโฆษณามหาศาลได้เลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้คือเบื้องลึกของดีลพลิกโลก ซึ่งสะท้อนอะไรได้หลายอย่างในวงการฟุตบอลปัจจุบัน ทั้งในเรื่องอำนาจการต่อรองของผู้เล่น เรื่องการตลาดในเกมลูกหนัง
และมนต์ขลังของเสื้อสีขาวตัวนั้นยังใช้ได้อยู่เสมอจนถึงทุกวันนี้ ...
Credit Fanpage - https://www.facebook.com/Sockrrr (เพจฟุตบอลเนื้อหาดีๆ มีอะไรให้อ่านเรื่อยๆทุกวัน)