มีนักเตะสเปนคนหนึ่ง ย้ายจากสโมสรฟุตบอลชื่อดังในบุนเดส ลีกา มาอยู่ยังสโมสร Al Sadd ประจำลีกส์ฟุตบอลอันดับ 1 ของประเทศการ์ต้า เขาพึ่งย้ายมาอยู่กับสโมสรได้เพียงปีเดียว แต่ก็ได้สร้างฤดูกาลอันแสนมหัศจรรย์ให้กับสโมสรทันที ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ Qatar Star Leage ในปีแรก และยิ่งกว่านั้นเขายังได้ฉลองการลงเล่นในเกมฟุตบอลอาชีพครบ 1000 นัดตลอดการค้าแข้งอาชีพ ไปเมื่อไม่นาน ด้วยรอยยิ้มของตัวเองและัคนทั้งสนาม
วันหนึ่งในช่วงราวๆกลางเดือนกรกฏาคมอันแสนอบอ้าวของโดฮา ประเทศการ์ต้า
เขากลับประกาศ "เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ"
15 กรกฏาคม 2013 ราอูล กอนซาเลซ ประกาศ "เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ"
ด้วยวัย 36 ปี / 16 ฤดูกาลกับ Real Madrid / 10 ปีกับ Spain Internazional
แฟนบอลต่างใจหายกับข่าวนี้ของราอูล แต่อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายแต่อย่างใด
เพราะราอูลเองเคยมีข่าวลือว่าจะรีไทร์มาตั้งแต่ตอนเล่นให้ชาลเก้แล้ว
22 สิงหาคม ...
ตารางการแข่งขันของรีล มาดริดที่ออกตั้งแต่ช่วงก่อนปิดฤดูกาลบอกเราว่ามาดริดจะต้องพบกับ Al Sadd ในช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงเปิดฤดูกาลพอดี และเรารู้ดีว่านั่นคือทีมของราอูล ในการแข่ง Bernabéu Trophy แต่ในตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่า นั่นจะเป็น Testimonial Match ของ ราอูล กอนซาเลซ ...
ถ้วย Trofeo Santiago Bernabéu แต่เดิมนั้นเป็นถ้วยที่เป็นรางวัลในการแข่งขันบอลประเพณีเพื่อเชิดชูเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งสโมสรอย่าง Santiago Bernabéu แต่ในปีหลังๆมาดริดเองก็ใช้เป็นแมตช์การแข่งขันเพื่อเปิดตัวผู้เล่นหรือเป็นแมตช์การกุศลบ้าง รวมไปถึง แมตอำลา Testimonial Match ด้วย
22 สิงหาคม .. วันนี้พวกเขาจะร่ำลา ชายผู้ที่เป็นกัปตันตลอดกาลของทีม
แฟนบอลหลายคนไม่ได้เรียกแมตในวันนี้ว่าเป็น "วันอำลาราอูล"
แต่ .. นี่คือวัน
Gracias Raúl
ขอบคุณ ราอูล สำหรับความสุข และ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยทำให้กับสโมสรและแฟนบอล
วันนี้ซานติอาโก เบอนาเบว เปิดสนามรับผู้ชมเกือบเต็มความจุกว่า 80,000 ที่นั่ง เพื่อต้อนรับการกลับมาของ Eterno 7 แน่นอนว่า เจ้าของเบอร์ 7 คนปัจจุบันแบบ คริสเตียโน โรนัลโด้จะกลับไปสวมเสื้อเบอร์ 11 แทน นักเตะรีล มารดิด ตั้งแถวที่ริมสนามพร้อมๆกับนักเตะจากอัลซาด เสียงเชียร์กระหึ่มก้องไปทั่วสนาม เพื่อรอชายเพียงคนเดียวออกมาจากอุโมงค์นั่น ..
ราอูล กอนซาเลซ วิ่งออกมาจากอุโมงค์ ในเสื้อสีขาวล้วน หลังเสื้อเขาสกรีนด้วยเบอร์ 7 ที่มีการออกแบบเฉพาะเพื่อการแข่งขันในนัดนี้ บนปกคอเสื้อ มีข้อความเล็กๆว่า Real Madrid
Real Madrid
Raul
7
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรอคอยจะได้เห็นในค่ำคืนนี้ ...
ราอูลวิ่งเข้ามาในสนาม พร้อมโบกมือกว้าง ยิ้มร่า เมื่อเข้าเขตเส้นสนาม เขาหยิบหญ้าจากพื้นสนาม ขึ้นมาแตะไปที่หน้าอกทั้งสองข้างและจูบมัน ราอูล ก้าวเข้าไปยืนที่แสตนด์ที่ตั้งถ้วยรางวัลที่ ราอูล เคยพา รีล มาดริด คว้ามา ถ้วยสีเงินแวววาว ขนาดเล็กใหญ่ ตั้งลดหลั่นกัน ก่อนที่เขาจะวนกลับขึ้นไปที่อัฒจันทร์เพื่อรับถ้วยกิติมศักดิ์จากประธานสโมสรเหล่าผู้บริหาร และวิ่งไปยังกลางสนามเพื่อทักทายแฟนๆ
จากมุมมองของราอูล เรามองเห็น แฟนบอลและแสงไฟจำนวนมหาศาล เกือบทุกคนถือป้ายที่มีชื่อของ ราอูล กอนซาเลซ เรายังเห็นแสตนด์ฝั่งหนึ่งแปลอักษร Tifo เป็นชื่อของราอูลด้วย ก่อนกลับมาหาเพื่อนๆที่ตั้งแถวรอ ราอูลยืนถัดจากคริส อยู่ระหว่าง กาก้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และ อิเกร์ ก็ก้าวเข้ามา .. ท่าทียียวน .. พวกเขาส่งยิ้มให้กัน สิ่งที่อิเกร์ถือมาด้วยคือ ปลอกแขนกัปตันทีมสีดำ ...
"ของของนาย..."
จากนั้น ทั้งชุดขาว และ ชุดดำ ก็ยืนถ่ายรูปร่วมกัน เกมส์กำลังจะเปิดฉาก ...
รูปเกมในช่วงแรกดำเนินไปอย่างไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรนัก แม้มาดริดจะได้โอกาสในการทำประตูมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจากราอูล ที่เล่นในตำแหน้งหน้าเป้าในวันนี้ ราอูลมีโอกาสหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู ซาอัด อัล ชีด จนกระทั่งในนาที่ที่ 23 ดิมาเรียดีดบอลลอยมาให้ราอูล ก่อนราอูลจะพักบอลแล้วหวดเข้าไปประตูไปแบบจ่อๆ ส่งให้รีล มาดริด ขึ้นนำก่อน 1 ประตูต่อ 0
ทุกประตูมีความหมาย แต่นี่คือประตูที่สำคัญที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้ ...
จบครึ่งแรกโดยมีเพียงประตูเดียวจากราอูล กอนซาเลซ โดยในครึ่งหลัง ราอูลจะกลับไปสวมเสื้อดำของอัลซาด ราอูลรีบวิ่งมาหา อิเกร์ เพื่อคืนปลอกแขนกัปตันทีมให้เขาก่อนจะถอดเสื้อตัวเองแล้วเดินไปหาคริสเตียโน โรนัลโด้
"มันเป็นของนาย..."
นั่นอาจเป็นเสมือนพิธีมอบเบอร์เสื้ออย่างเป็นทางการ จากเจ้าของเดิม ... Eterno 7 ของ ชาว Los Blancos
เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง เฆเซ่ รอดิเกซ ปีกดาวรุ่งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังได้ลุ้นก่อน แต่ก็ทำได้เพียงเข้าข้างหน้าต่างเท่านั้น จนกระทั่งนาทีที่ 59 คาบาฮาลวิ่งไล่บอลจนเกือบมาสุดเส้นหลัง แต่ดีดกลับไปให้อิซโกที่รออยู่หน้าประตูทัน อิซโกเทคตัวโหม่งทำมุมสวย บอลพุ่งผ่านซาอัดเข้าประตูไปอย่างสวยงาม มาดริด นำ อัล ซาด 2 ประตู ต่อ 0
ราวๆนาที่ที่ 75 ผู้เล่นของอัลซาดพุ่งสกัดบอลแต่กลายเป็นการเตะตัดขาคาบาฮาลในเขตโทษ ส่งผลให้รีล มาดริดได้ลูกจุดโทษทันที และเป็นเบนเซม่า ที่ยิงง่ายๆ ลูกโค้งเบนออกซ้าย รีล มาดริด นำที่ 3 ประตู ต่อ 0
นาทีที่ 82 เป็นประตูจากเฆเซ่ รอดิเกซ และก็ยังคงฮอตไม่เลิก เมื่อเขามาได้อีกประตูในนาที่ที่ 88 ด้วย จบเกมส์ Testimonial Match Real madrid ชนะ Al Sadd 5 ประตูต่อ 0
นักเตะจับไม้จับมือและโอบกอดกัน เฆเซ่ เข้ามาหาราอูลเกือบๆคนสุดท้าย เขาเอ่ยปากขอเสื้อทีมอัลซาดที่ราอูลใส่ ราอูลรับปาก ก่อนที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อถ่ายรูปกับถ้วย Trofeo Santiago Bernabéu รามอสตะโกนเรียกราอูลที่มาเป็นคนสุดท้าย ราอูลรีบไถลเข่าเข้ามารวมตัวกับเพื่อนทันที เขากลับมาสวมเสื้อเบอร์ 7 สีขาวอีกครั้ง เมื่อพวกเขาถ่ายรูปเสร็จและกำลังจะแยกย้าย เป็น รามอสที่เข้าไปรวบตัวราอูลขึ้น และทุกคนก็รีบกรูเข้ามา เพื่อส่งตัว Eterno 7 ขึ้นสู่อากาศ ..
ราอูลใช้เวลาที่เหลือเพื่อเดินรอบๆสนามเพื่อขอบคุณแฟนๆ เขาเดินไปที่อัฒจันทร์ด้านหนึ่ง แล้วแฟนบอลก็โยนผ้าคลุมสีชมพูให้เขา ราอูลยกนิ้วขอบคุณ เขาลากมันมากลางสนามแล้วค่อยๆบรรจงทำทำมาธาดอร์ แบบขำขันเพื่อเอาใจแฟนๆ ก่อนจะลากมันกลับไปคืนแฟนบอลแล้ว ชี้มือขอบคุณ
เขาเดินรอบสนามอีกครั้ง หยอกล้อกับแฟนๆ และโปรยปรายรอยยิ้มและรอยจูบไปทั่วสนาม แบบที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
และนอกจากรอยจูบเพื่อแฟนๆ ..
ราอูลยังบรรจงจูบไปที่ Santiago Bernabéu
เขากลับถึงบ้านแล้วในที่สุด
Gracias Raúl
ขอบคุณ
... The Return Of The Real Prince, Raul Gonzalez ...
วันหนึ่งในช่วงราวๆกลางเดือนกรกฏาคมอันแสนอบอ้าวของโดฮา ประเทศการ์ต้า
เขากลับประกาศ "เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ"
15 กรกฏาคม 2013 ราอูล กอนซาเลซ ประกาศ "เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ"
ด้วยวัย 36 ปี / 16 ฤดูกาลกับ Real Madrid / 10 ปีกับ Spain Internazional
แฟนบอลต่างใจหายกับข่าวนี้ของราอูล แต่อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมายแต่อย่างใด
เพราะราอูลเองเคยมีข่าวลือว่าจะรีไทร์มาตั้งแต่ตอนเล่นให้ชาลเก้แล้ว
22 สิงหาคม ...
ตารางการแข่งขันของรีล มาดริดที่ออกตั้งแต่ช่วงก่อนปิดฤดูกาลบอกเราว่ามาดริดจะต้องพบกับ Al Sadd ในช่วงเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงเปิดฤดูกาลพอดี และเรารู้ดีว่านั่นคือทีมของราอูล ในการแข่ง Bernabéu Trophy แต่ในตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่า นั่นจะเป็น Testimonial Match ของ ราอูล กอนซาเลซ ...
ถ้วย Trofeo Santiago Bernabéu แต่เดิมนั้นเป็นถ้วยที่เป็นรางวัลในการแข่งขันบอลประเพณีเพื่อเชิดชูเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งสโมสรอย่าง Santiago Bernabéu แต่ในปีหลังๆมาดริดเองก็ใช้เป็นแมตช์การแข่งขันเพื่อเปิดตัวผู้เล่นหรือเป็นแมตช์การกุศลบ้าง รวมไปถึง แมตอำลา Testimonial Match ด้วย
22 สิงหาคม .. วันนี้พวกเขาจะร่ำลา ชายผู้ที่เป็นกัปตันตลอดกาลของทีม
แฟนบอลหลายคนไม่ได้เรียกแมตในวันนี้ว่าเป็น "วันอำลาราอูล"
แต่ .. นี่คือวัน
Gracias Raúl
ขอบคุณ ราอูล สำหรับความสุข และ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยทำให้กับสโมสรและแฟนบอล
วันนี้ซานติอาโก เบอนาเบว เปิดสนามรับผู้ชมเกือบเต็มความจุกว่า 80,000 ที่นั่ง เพื่อต้อนรับการกลับมาของ Eterno 7 แน่นอนว่า เจ้าของเบอร์ 7 คนปัจจุบันแบบ คริสเตียโน โรนัลโด้จะกลับไปสวมเสื้อเบอร์ 11 แทน นักเตะรีล มารดิด ตั้งแถวที่ริมสนามพร้อมๆกับนักเตะจากอัลซาด เสียงเชียร์กระหึ่มก้องไปทั่วสนาม เพื่อรอชายเพียงคนเดียวออกมาจากอุโมงค์นั่น ..
ราอูล กอนซาเลซ วิ่งออกมาจากอุโมงค์ ในเสื้อสีขาวล้วน หลังเสื้อเขาสกรีนด้วยเบอร์ 7 ที่มีการออกแบบเฉพาะเพื่อการแข่งขันในนัดนี้ บนปกคอเสื้อ มีข้อความเล็กๆว่า Real Madrid
Real Madrid
Raul
7
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนรอคอยจะได้เห็นในค่ำคืนนี้ ...
ราอูลวิ่งเข้ามาในสนาม พร้อมโบกมือกว้าง ยิ้มร่า เมื่อเข้าเขตเส้นสนาม เขาหยิบหญ้าจากพื้นสนาม ขึ้นมาแตะไปที่หน้าอกทั้งสองข้างและจูบมัน ราอูล ก้าวเข้าไปยืนที่แสตนด์ที่ตั้งถ้วยรางวัลที่ ราอูล เคยพา รีล มาดริด คว้ามา ถ้วยสีเงินแวววาว ขนาดเล็กใหญ่ ตั้งลดหลั่นกัน ก่อนที่เขาจะวนกลับขึ้นไปที่อัฒจันทร์เพื่อรับถ้วยกิติมศักดิ์จากประธานสโมสรเหล่าผู้บริหาร และวิ่งไปยังกลางสนามเพื่อทักทายแฟนๆ
จากมุมมองของราอูล เรามองเห็น แฟนบอลและแสงไฟจำนวนมหาศาล เกือบทุกคนถือป้ายที่มีชื่อของ ราอูล กอนซาเลซ เรายังเห็นแสตนด์ฝั่งหนึ่งแปลอักษร Tifo เป็นชื่อของราอูลด้วย ก่อนกลับมาหาเพื่อนๆที่ตั้งแถวรอ ราอูลยืนถัดจากคริส อยู่ระหว่าง กาก้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และ อิเกร์ ก็ก้าวเข้ามา .. ท่าทียียวน .. พวกเขาส่งยิ้มให้กัน สิ่งที่อิเกร์ถือมาด้วยคือ ปลอกแขนกัปตันทีมสีดำ ...
"ของของนาย..."
จากนั้น ทั้งชุดขาว และ ชุดดำ ก็ยืนถ่ายรูปร่วมกัน เกมส์กำลังจะเปิดฉาก ...
รูปเกมในช่วงแรกดำเนินไปอย่างไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรนัก แม้มาดริดจะได้โอกาสในการทำประตูมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจากราอูล ที่เล่นในตำแหน้งหน้าเป้าในวันนี้ ราอูลมีโอกาสหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู ซาอัด อัล ชีด จนกระทั่งในนาที่ที่ 23 ดิมาเรียดีดบอลลอยมาให้ราอูล ก่อนราอูลจะพักบอลแล้วหวดเข้าไปประตูไปแบบจ่อๆ ส่งให้รีล มาดริด ขึ้นนำก่อน 1 ประตูต่อ 0
ทุกประตูมีความหมาย แต่นี่คือประตูที่สำคัญที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้ ...
จบครึ่งแรกโดยมีเพียงประตูเดียวจากราอูล กอนซาเลซ โดยในครึ่งหลัง ราอูลจะกลับไปสวมเสื้อดำของอัลซาด ราอูลรีบวิ่งมาหา อิเกร์ เพื่อคืนปลอกแขนกัปตันทีมให้เขาก่อนจะถอดเสื้อตัวเองแล้วเดินไปหาคริสเตียโน โรนัลโด้
"มันเป็นของนาย..."
นั่นอาจเป็นเสมือนพิธีมอบเบอร์เสื้ออย่างเป็นทางการ จากเจ้าของเดิม ... Eterno 7 ของ ชาว Los Blancos
เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง เฆเซ่ รอดิเกซ ปีกดาวรุ่งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังได้ลุ้นก่อน แต่ก็ทำได้เพียงเข้าข้างหน้าต่างเท่านั้น จนกระทั่งนาทีที่ 59 คาบาฮาลวิ่งไล่บอลจนเกือบมาสุดเส้นหลัง แต่ดีดกลับไปให้อิซโกที่รออยู่หน้าประตูทัน อิซโกเทคตัวโหม่งทำมุมสวย บอลพุ่งผ่านซาอัดเข้าประตูไปอย่างสวยงาม มาดริด นำ อัล ซาด 2 ประตู ต่อ 0
ราวๆนาที่ที่ 75 ผู้เล่นของอัลซาดพุ่งสกัดบอลแต่กลายเป็นการเตะตัดขาคาบาฮาลในเขตโทษ ส่งผลให้รีล มาดริดได้ลูกจุดโทษทันที และเป็นเบนเซม่า ที่ยิงง่ายๆ ลูกโค้งเบนออกซ้าย รีล มาดริด นำที่ 3 ประตู ต่อ 0
นาทีที่ 82 เป็นประตูจากเฆเซ่ รอดิเกซ และก็ยังคงฮอตไม่เลิก เมื่อเขามาได้อีกประตูในนาที่ที่ 88 ด้วย จบเกมส์ Testimonial Match Real madrid ชนะ Al Sadd 5 ประตูต่อ 0
นักเตะจับไม้จับมือและโอบกอดกัน เฆเซ่ เข้ามาหาราอูลเกือบๆคนสุดท้าย เขาเอ่ยปากขอเสื้อทีมอัลซาดที่ราอูลใส่ ราอูลรับปาก ก่อนที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อถ่ายรูปกับถ้วย Trofeo Santiago Bernabéu รามอสตะโกนเรียกราอูลที่มาเป็นคนสุดท้าย ราอูลรีบไถลเข่าเข้ามารวมตัวกับเพื่อนทันที เขากลับมาสวมเสื้อเบอร์ 7 สีขาวอีกครั้ง เมื่อพวกเขาถ่ายรูปเสร็จและกำลังจะแยกย้าย เป็น รามอสที่เข้าไปรวบตัวราอูลขึ้น และทุกคนก็รีบกรูเข้ามา เพื่อส่งตัว Eterno 7 ขึ้นสู่อากาศ ..
ราอูลใช้เวลาที่เหลือเพื่อเดินรอบๆสนามเพื่อขอบคุณแฟนๆ เขาเดินไปที่อัฒจันทร์ด้านหนึ่ง แล้วแฟนบอลก็โยนผ้าคลุมสีชมพูให้เขา ราอูลยกนิ้วขอบคุณ เขาลากมันมากลางสนามแล้วค่อยๆบรรจงทำทำมาธาดอร์ แบบขำขันเพื่อเอาใจแฟนๆ ก่อนจะลากมันกลับไปคืนแฟนบอลแล้ว ชี้มือขอบคุณ
เขาเดินรอบสนามอีกครั้ง หยอกล้อกับแฟนๆ และโปรยปรายรอยยิ้มและรอยจูบไปทั่วสนาม แบบที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
และนอกจากรอยจูบเพื่อแฟนๆ ..
ราอูลยังบรรจงจูบไปที่ Santiago Bernabéu
เขากลับถึงบ้านแล้วในที่สุด
Gracias Raúl
ขอบคุณ