ต้องไม่ลืมว่า --สนธิ ลิ้ม -- “เป็นนักฉกฉวยทางธุรกิจ”
ไม่ใช่คนที่มีเป้าหมายและอุดมการณ์ทางการเมือง
ทุกสิ่งที่เขาทำ และอ้างว่า เพื่อ แผ่นดิน เพื่อสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยนั้น
แท้จริง เป็นคำโกหกพกลม ปั้นแต่ง เพื่อนำไปสู่จุดมุ่มหมายของเขา คือ “ความมั่งมี อำนาจทางธุรกิจ”
ดังนั้น ดีดลูกคิดรางแก้ว หลายตลบ
สนธิพบว่า ทางเดียวที่การค้าครั้งนี้ ต้องไม่ถึงกับ ย่อยยับ และตัวเองต้องถึงที่ตาย
คือ “การยอมแพ้”
==============================================
--- ถอย เพื่อรอจังหวะ ---- ????
ไม่ใช่เพราะเงื่อนไขนี้แน่นอน
แต่ในความเป็นจริงที่ซ่อนเงื่อนอยู่ คือ แกนนำพันธมิตร รู้ตัวอย่างชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะหนทางใด ก็ไม่สามารถกลับมานำได้อีก”
จะใช้ หลักการวิเคราะห์ด้วยสมมุติฐานใดๆ ล้วนแต่ต้องเจอเงื่อนไขเดียว ตรงขมวดปมสุดท้าย คือ “สิ่งที่พันธมิตรคิด เป็นความพิกลพิการทางตรรกะ”
การที่เขาจุดไฟติดเมื่อก่อนรัฐประหาร นั่นเป็นเพราะ การโน้มน้าวให้คนหลงเชื่อว่าทำเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่เป็นหลักยึด
แต่ในที่สุด หนีไม่พ้นกระแสสังคมโลก การะแสโลกเสรี กระแสอาเชียน และกระแสสื่อไร้พรมแดน ซึ่งไหลเชี่ยวกราก
อาจมีจริงแค่ส่วนเสี้ยวขี้ผง ว่าเขามีความหวัง (ริบหรี่)อยู่ในใจ ว่า ถอยไปก่อน เพื่อตั้งหลักใหม่
แต่.... ความจริงแน่แท้ “มีอยู่เพียงประการเดียว” ----
พวกเขาถอย “เพราะไม่มีทางสู้อีกแล้ว”
และ “การถอยในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ที่ดีที่สุด” --- โทษทัณฑ์ทั้งหลายที่รออยู่ ยังพอมีโอกาส พอมีทางรอด
นั้นคือ แนวทางการปรองดอง และ นิรโทษกรรม
หากยังดื้อดึง หวังสู้ต่อไป โกาสที่จะหลุดรอดจากโทษและคดีต่างๆ จะเหลือเป็นศูนย์
ลงเสียตอนนี้ เพื่อหลุดรอดพ้น แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม
เพื่อ อยางน้อย ยังเอาเรื่องราวต่างๆ ไปเล่าต่อในวันข้างหน้าได้ (ทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จ) ที่เขาได้ทำลงไป
(แน่นอนละว่า เขาจะต้องเล่าเฉพาะในด้านดีเท่านั้น)
การถอยครั้งนี้ จึงไม่ใช่การถอยที่มีเป้าหมาย “หวังจะย้อนกลับมาอีกครั้ง”
เป็นการถอย “เพื่อรักษาชีวิต”
ถอยเพื่อรักษาชีวิต ... และเพื่อขออาศัยอยู่กับสังคมนี้ต่อไป
ต้องไม่ลืมว่า --สนธิ ลิ้ม -- “เป็นนักฉกฉวยทางธุรกิจ”
ไม่ใช่คนที่มีเป้าหมายและอุดมการณ์ทางการเมือง
ทุกสิ่งที่เขาทำ และอ้างว่า เพื่อ แผ่นดิน เพื่อสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตยนั้น
แท้จริง เป็นคำโกหกพกลม ปั้นแต่ง เพื่อนำไปสู่จุดมุ่มหมายของเขา คือ “ความมั่งมี อำนาจทางธุรกิจ”
ดังนั้น ดีดลูกคิดรางแก้ว หลายตลบ
สนธิพบว่า ทางเดียวที่การค้าครั้งนี้ ต้องไม่ถึงกับ ย่อยยับ และตัวเองต้องถึงที่ตาย
คือ “การยอมแพ้”
==============================================
--- ถอย เพื่อรอจังหวะ ---- ????
ไม่ใช่เพราะเงื่อนไขนี้แน่นอน
แต่ในความเป็นจริงที่ซ่อนเงื่อนอยู่ คือ แกนนำพันธมิตร รู้ตัวอย่างชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะหนทางใด ก็ไม่สามารถกลับมานำได้อีก”
จะใช้ หลักการวิเคราะห์ด้วยสมมุติฐานใดๆ ล้วนแต่ต้องเจอเงื่อนไขเดียว ตรงขมวดปมสุดท้าย คือ “สิ่งที่พันธมิตรคิด เป็นความพิกลพิการทางตรรกะ”
การที่เขาจุดไฟติดเมื่อก่อนรัฐประหาร นั่นเป็นเพราะ การโน้มน้าวให้คนหลงเชื่อว่าทำเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่เป็นหลักยึด
แต่ในที่สุด หนีไม่พ้นกระแสสังคมโลก การะแสโลกเสรี กระแสอาเชียน และกระแสสื่อไร้พรมแดน ซึ่งไหลเชี่ยวกราก
อาจมีจริงแค่ส่วนเสี้ยวขี้ผง ว่าเขามีความหวัง (ริบหรี่)อยู่ในใจ ว่า ถอยไปก่อน เพื่อตั้งหลักใหม่
แต่.... ความจริงแน่แท้ “มีอยู่เพียงประการเดียว” ----
พวกเขาถอย “เพราะไม่มีทางสู้อีกแล้ว”
และ “การถอยในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ที่ดีที่สุด” --- โทษทัณฑ์ทั้งหลายที่รออยู่ ยังพอมีโอกาส พอมีทางรอด
นั้นคือ แนวทางการปรองดอง และ นิรโทษกรรม
หากยังดื้อดึง หวังสู้ต่อไป โกาสที่จะหลุดรอดจากโทษและคดีต่างๆ จะเหลือเป็นศูนย์
ลงเสียตอนนี้ เพื่อหลุดรอดพ้น แม้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม
เพื่อ อยางน้อย ยังเอาเรื่องราวต่างๆ ไปเล่าต่อในวันข้างหน้าได้ (ทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จ) ที่เขาได้ทำลงไป
(แน่นอนละว่า เขาจะต้องเล่าเฉพาะในด้านดีเท่านั้น)
การถอยครั้งนี้ จึงไม่ใช่การถอยที่มีเป้าหมาย “หวังจะย้อนกลับมาอีกครั้ง”
เป็นการถอย “เพื่อรักษาชีวิต”
ถอยเพื่อรักษาชีวิต ... และเพื่อขออาศัยอยู่กับสังคมนี้ต่อไป