สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46
อย่ากลัวค่ะน้อง พี่(น่าจะพี่นะคะ อายุ 33 ค่ะ)ก็ขายของชำค่ะ (ไม่ใช่สมาชิก pantip ค่ะ แต่สมัครมาตอบกระทู้นี้โดยเฉพาะ) ร้านอยู่ห่างจาก 7-11 ประมาณ 20 ก้าวค่ะ (ใกล้มากก เพราะทีแรก 7-11 จะมาขอเช่าที่บ้านค่ะ แต่ถามจากรายได้ต่อเดือนแล้วไม่พอ คชจ. ในบ้านแน่นอน เลยตกลงใจไม่ทำค่ะ เค้าเลยมาเช่าห้องที่ถัดไปจากที่บ้าน 3 ห้อง) จะบอกว่าการที่ 7-11 มาเปิดนั้นคือโอกาสนะคะ
ก่อน 7-11 มาเปิด พี่ก็ทำร้านต่อมาจากแม่ค่ะ (แม่เปิดมาจะ 30 ปีแล้ว) ขายแต่ของชำอย่างเดียว ร้าน 2 คูหาค่ะ ขายส่งบ้างบางอย่าง ตอน 7-11 มาเปิดวันแรก ร้านเงียบมากเลยวันนั้น จำได้เลยนั่งดูลูกค้าถือลูกโป่งกับถุง 7-11 เดินผ่าน จนอาทิตย์แรกผ่านไป เริ่มคิดแล้วรายได้ลดไปอย่างเห็นได้ชัด เอาไงดีวะ (อันนี้บอกตัวเองนะคะ) เพราะมีอีกหลายชีวิตในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ เลยมาเริ่มคิด
ข้อแรกเลยคือ 7-11 มีอะไรและไม่มีอะไร และเรามีอะไรและไม่มีอะไร 555 งงมั้ยคะ จะสรุปให้ฟังทีหลังนะ
ข้อ 2 ลูกค้าไปซื้ออะไรใน 7-11
หาจุดอ่อนจุดแข็งทั้งของเราและของเค้าค่ะ(SWOT analysis ที่เรียนมาเพิ่งจะได้รู้ประโยชน์จริงจังก็วันนี้ 555 เขียนผิดอย่าว่ากันนะคะ)
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จุดแข็งของเราคือเรื่องสินค้า ราคา และลูกค้าค่ะ เอาทีละข้อนะคะ (ตอบยาวเพราะอยากให้เพื่อนๆร้านชำอีกหลายๆคนสู้ๆเหมือนกันค่ะ อย่ายอมแพ้นะคะ)
สินค้า ความหลากหลายเราต้องมีให้มากกว่าค่ะ ตอนเรียนโชคดีที่บังเอิญอาจารย์ให้หาข้อมูลของ 7-11 เลยรู้ว่า 7-11 จะคัดเลือกเฉพาะสินค้าขายดี 3 อันดับต้นๆเข้ามาขายค่ะ ทุกสาขาจะมีสินค้าคล้ายๆกัน แต่ความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันนะคะ เราคนพื้นที่ คุยกับลูกค้าบ่อยๆ เวลาเค้ามาซื้อของเราจะได้รู้ว่าเค้าต้องการอะไร ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆของเรามากกว่าค่ะ สังเกตุดูลูกค้าเราเป็นใคร ชอบอะไร ก็หามาขายค่ะ อีกอย่างต้องไวนะคะ โฆษณาห้ามเปลี่ยนช่องดูเข้าไปอะไรออกใหม่ ต้องหามาขายให้ทันโฆษณาค่ะ 7-11 ขายได้เราก็ต้องขายได้
ราคาสินค้า เดินไปดูเลยค่ะที่ 7-11 ขายกี่บาท เราตั้งราคาให้ถูกกว่าค่ะ 7-11 จะบวกกำไรเยอะมาก เราลดราคาลงมาหน่อย หาร้านส่งที่ราคาถูก (ที่บ้านพี่แยกซื้อค่ะ กว่าจะได้ของครบนี่บางทีวนเกือบ 10 ร้าน -_-") ที่สำคัญหมั่นไปดูเค้าขายอะไร แปลกๆใหม่ๆดูจะขายได้ต้องขวนขวายไปหามาค่ะ ป้ายราคาต้องมีให้ชัดเจนนะคะ ไม่ต้องถึงขนาดไปซื้อป้ายแบบใน 7-11 มาก็ได้ แค่ตัวยิงราคาแบบที่ติดที่สินค้าเลย ตัวละ 2-300 บาทก็ใช้ได้แล้ว ยิ่งอันไหนถูกกว่ามาก มีคอมใช้คอมปรินท์ติดให้เห็นตัวโตๆค่ะ)
สร้างความแตกต่าง ของแบ่งขายนี่ตัวได้กำไรเลยค่ะ บ้านพี่แบ่งทั้งถุงใส่กับข้าว ยางรัดของ ขนมปี๊บ (ทำแพคเกจให้สวยงามนะคะ กำไรดีมาก) หลังๆมีลูกค้ามาบ่นเรื่องเด็กๆชอบไปซื้อของเล่นใน 7-11 ซึ่งราคาแพงมาก พี่เลยไปหาของเล่นแผงมาขายค่ะ ตอนนี้ลูกค้าเด็กๆเลยกลับมาเพียบแล้วค่ะ อิอิ แต่ขายของเด็กต้องทันเด็กนะคะ ตอนนี้เค้าเล่นอะไรกัน อะไรกำลังฮิต ถามเอาจากร้านขายส่งนั่นแหละค่ะ เลือกร้านที่เค้าแนะนำเราดีๆ
อีกอย่างสินค้าเครื่องแต่งตัว 7-11 จะไม่ขายของพวกฮิตๆตามตลาดนัดค่ะ เช่น พวกสบู่ต่างๆ ครีมยอดฮิต
อีกอย่าง 7-11 ข้างบ้านเราพนักงานหน้าเป็นตูด(ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพค่ะ ลูกค้าพูดมาอีกที) ร้านเราเลยได้เปรียบเพราะเราอยากให้ลูกค้าออกจากร้านเราไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า อ้อ รายได้เสริมบ้านพี่คือมีตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ กับตู้เติมเงินมือถือค่ะ (ตู้ 7-11 คิดค่าบริการตามยอดที่เติม ตู้ที่บ้านพี่ พี่ตั้งค่าบริการเองถูกกว่า 7-11 ค่ะ รายได้ไปเอาจากส่วนแบ่ง % จากเงินที่ลูกค้าเติมแทน) ปีใหม่พี่มีของขวัญให้ลูกค้าจับรางวัลด้วยค่ะ ของเล็กๆน้อยๆแต่ถือว่าเป็นน้ำใจตอบแทนลูกค้า ลูกค้าก็สนุกไปกับเราด้วย
หลายอย่างค่ะ เริ่มเมื่อยมือแล้ว จิ้มในมือถือ-_-" สรุปคือค่อยๆคิดค่ะ แก้ปัญหาทีละอย่าง ความเครียดช่วยอะไรไม่ได้เลยมีแต่ทำให้แย่ลง สิ่งสำคัญคือสตินะคะ
ทุกวันนี้ 7-11 ทำให้พี่หมดหนี้ค่ะ ก่อน 7-11 มาเปิดมีหนี้อยู่ประมาณล้านกว่าบาท 7-11 เปิดได้ 1 ปีกว่าๆยอกขายที่ร้านพี่เพิ่มขึ้นมาก หนี้จากที่ไม่ค่อยขยับไปไหนก็หมดไป (ขอบคุณ 7-11 ค่ะ) ปัจจุบันร้านจาก 2 ห้องขยายเป็น 3 ห้องแล้วค่ะ สินค้าในร้านเยอะมากขึ้นมาก ลูกค้าก็เยอะขึ้นตามมามากเหมือนกัน (7-11 ช่วยดึงลูกค้านะคะ บ้านพี่ไม่ได้อยู่ในตลาด ตะก่อนลูกค้าจะเลยเข้าตลาด พอ 7-11 มาเปิดเลยดึงลูกค้าส่วนนี้มา) หนี้ที่หมดเริ่มมีก้อนใหม่แล้วค่ะ เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่กลัวแล้วค่ะ แถมตอนนี้ Big C มาแล้ว ข่าวว่า Lotus กำลังจะตามมา แต่ก็ไม่ท้อค่ะ ลูกค้าไป bigc มาส่วนใหญ่ว่าของแพง บ้านเราถูกกว่า(จะไม่ถูกกว่าได้ยังไง เราแอบดูราคาจากในเว็บ bigc อิอิ) ไม่ได้มีแต่ร้านเรานะคะที่คิดว่า 7-11 มาเปิดแล้วไม่ดี คนรู้จักกันเปิดร้านคนละอำเภอเจอสถานการณ์เดียวกัน เค้าก็ขายดีขึ้นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ 7-11 เปิดมาได้น่าจะ 3-4 ปีแล้ว ได้น้องพนักงานขาย 7-11 มาเป็นลูกค้าเราด้วยอีก อิอิ อย่าท้อค่ะ อย่าท้อ มาสู้ๆไปด้วยกันนะคะ
ก่อน 7-11 มาเปิด พี่ก็ทำร้านต่อมาจากแม่ค่ะ (แม่เปิดมาจะ 30 ปีแล้ว) ขายแต่ของชำอย่างเดียว ร้าน 2 คูหาค่ะ ขายส่งบ้างบางอย่าง ตอน 7-11 มาเปิดวันแรก ร้านเงียบมากเลยวันนั้น จำได้เลยนั่งดูลูกค้าถือลูกโป่งกับถุง 7-11 เดินผ่าน จนอาทิตย์แรกผ่านไป เริ่มคิดแล้วรายได้ลดไปอย่างเห็นได้ชัด เอาไงดีวะ (อันนี้บอกตัวเองนะคะ) เพราะมีอีกหลายชีวิตในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ เลยมาเริ่มคิด
ข้อแรกเลยคือ 7-11 มีอะไรและไม่มีอะไร และเรามีอะไรและไม่มีอะไร 555 งงมั้ยคะ จะสรุปให้ฟังทีหลังนะ
ข้อ 2 ลูกค้าไปซื้ออะไรใน 7-11
หาจุดอ่อนจุดแข็งทั้งของเราและของเค้าค่ะ(SWOT analysis ที่เรียนมาเพิ่งจะได้รู้ประโยชน์จริงจังก็วันนี้ 555 เขียนผิดอย่าว่ากันนะคะ)
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จุดแข็งของเราคือเรื่องสินค้า ราคา และลูกค้าค่ะ เอาทีละข้อนะคะ (ตอบยาวเพราะอยากให้เพื่อนๆร้านชำอีกหลายๆคนสู้ๆเหมือนกันค่ะ อย่ายอมแพ้นะคะ)
สินค้า ความหลากหลายเราต้องมีให้มากกว่าค่ะ ตอนเรียนโชคดีที่บังเอิญอาจารย์ให้หาข้อมูลของ 7-11 เลยรู้ว่า 7-11 จะคัดเลือกเฉพาะสินค้าขายดี 3 อันดับต้นๆเข้ามาขายค่ะ ทุกสาขาจะมีสินค้าคล้ายๆกัน แต่ความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันนะคะ เราคนพื้นที่ คุยกับลูกค้าบ่อยๆ เวลาเค้ามาซื้อของเราจะได้รู้ว่าเค้าต้องการอะไร ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆของเรามากกว่าค่ะ สังเกตุดูลูกค้าเราเป็นใคร ชอบอะไร ก็หามาขายค่ะ อีกอย่างต้องไวนะคะ โฆษณาห้ามเปลี่ยนช่องดูเข้าไปอะไรออกใหม่ ต้องหามาขายให้ทันโฆษณาค่ะ 7-11 ขายได้เราก็ต้องขายได้
ราคาสินค้า เดินไปดูเลยค่ะที่ 7-11 ขายกี่บาท เราตั้งราคาให้ถูกกว่าค่ะ 7-11 จะบวกกำไรเยอะมาก เราลดราคาลงมาหน่อย หาร้านส่งที่ราคาถูก (ที่บ้านพี่แยกซื้อค่ะ กว่าจะได้ของครบนี่บางทีวนเกือบ 10 ร้าน -_-") ที่สำคัญหมั่นไปดูเค้าขายอะไร แปลกๆใหม่ๆดูจะขายได้ต้องขวนขวายไปหามาค่ะ ป้ายราคาต้องมีให้ชัดเจนนะคะ ไม่ต้องถึงขนาดไปซื้อป้ายแบบใน 7-11 มาก็ได้ แค่ตัวยิงราคาแบบที่ติดที่สินค้าเลย ตัวละ 2-300 บาทก็ใช้ได้แล้ว ยิ่งอันไหนถูกกว่ามาก มีคอมใช้คอมปรินท์ติดให้เห็นตัวโตๆค่ะ)
สร้างความแตกต่าง ของแบ่งขายนี่ตัวได้กำไรเลยค่ะ บ้านพี่แบ่งทั้งถุงใส่กับข้าว ยางรัดของ ขนมปี๊บ (ทำแพคเกจให้สวยงามนะคะ กำไรดีมาก) หลังๆมีลูกค้ามาบ่นเรื่องเด็กๆชอบไปซื้อของเล่นใน 7-11 ซึ่งราคาแพงมาก พี่เลยไปหาของเล่นแผงมาขายค่ะ ตอนนี้ลูกค้าเด็กๆเลยกลับมาเพียบแล้วค่ะ อิอิ แต่ขายของเด็กต้องทันเด็กนะคะ ตอนนี้เค้าเล่นอะไรกัน อะไรกำลังฮิต ถามเอาจากร้านขายส่งนั่นแหละค่ะ เลือกร้านที่เค้าแนะนำเราดีๆ
อีกอย่างสินค้าเครื่องแต่งตัว 7-11 จะไม่ขายของพวกฮิตๆตามตลาดนัดค่ะ เช่น พวกสบู่ต่างๆ ครีมยอดฮิต
อีกอย่าง 7-11 ข้างบ้านเราพนักงานหน้าเป็นตูด(ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพค่ะ ลูกค้าพูดมาอีกที) ร้านเราเลยได้เปรียบเพราะเราอยากให้ลูกค้าออกจากร้านเราไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า อ้อ รายได้เสริมบ้านพี่คือมีตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ กับตู้เติมเงินมือถือค่ะ (ตู้ 7-11 คิดค่าบริการตามยอดที่เติม ตู้ที่บ้านพี่ พี่ตั้งค่าบริการเองถูกกว่า 7-11 ค่ะ รายได้ไปเอาจากส่วนแบ่ง % จากเงินที่ลูกค้าเติมแทน) ปีใหม่พี่มีของขวัญให้ลูกค้าจับรางวัลด้วยค่ะ ของเล็กๆน้อยๆแต่ถือว่าเป็นน้ำใจตอบแทนลูกค้า ลูกค้าก็สนุกไปกับเราด้วย
หลายอย่างค่ะ เริ่มเมื่อยมือแล้ว จิ้มในมือถือ-_-" สรุปคือค่อยๆคิดค่ะ แก้ปัญหาทีละอย่าง ความเครียดช่วยอะไรไม่ได้เลยมีแต่ทำให้แย่ลง สิ่งสำคัญคือสตินะคะ
ทุกวันนี้ 7-11 ทำให้พี่หมดหนี้ค่ะ ก่อน 7-11 มาเปิดมีหนี้อยู่ประมาณล้านกว่าบาท 7-11 เปิดได้ 1 ปีกว่าๆยอกขายที่ร้านพี่เพิ่มขึ้นมาก หนี้จากที่ไม่ค่อยขยับไปไหนก็หมดไป (ขอบคุณ 7-11 ค่ะ) ปัจจุบันร้านจาก 2 ห้องขยายเป็น 3 ห้องแล้วค่ะ สินค้าในร้านเยอะมากขึ้นมาก ลูกค้าก็เยอะขึ้นตามมามากเหมือนกัน (7-11 ช่วยดึงลูกค้านะคะ บ้านพี่ไม่ได้อยู่ในตลาด ตะก่อนลูกค้าจะเลยเข้าตลาด พอ 7-11 มาเปิดเลยดึงลูกค้าส่วนนี้มา) หนี้ที่หมดเริ่มมีก้อนใหม่แล้วค่ะ เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่กลัวแล้วค่ะ แถมตอนนี้ Big C มาแล้ว ข่าวว่า Lotus กำลังจะตามมา แต่ก็ไม่ท้อค่ะ ลูกค้าไป bigc มาส่วนใหญ่ว่าของแพง บ้านเราถูกกว่า(จะไม่ถูกกว่าได้ยังไง เราแอบดูราคาจากในเว็บ bigc อิอิ) ไม่ได้มีแต่ร้านเรานะคะที่คิดว่า 7-11 มาเปิดแล้วไม่ดี คนรู้จักกันเปิดร้านคนละอำเภอเจอสถานการณ์เดียวกัน เค้าก็ขายดีขึ้นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ 7-11 เปิดมาได้น่าจะ 3-4 ปีแล้ว ได้น้องพนักงานขาย 7-11 มาเป็นลูกค้าเราด้วยอีก อิอิ อย่าท้อค่ะ อย่าท้อ มาสู้ๆไปด้วยกันนะคะ
ความคิดเห็นที่ 93
-ความต้องการสินค้า ของพม่านะครับ
- หมาก หั่นหมากและหั่นแยกขายเป็นแพคๆก็ได้ครับ
- สลาก จับเบอร์ ไม่รู้เป็นอะไรครับ ลูกน้อง พม่าผม ต้องเล่นไม่ค่ำกว่า 20บาท/คน/วัน
- แกงต่างๆสไตล์พม่า ครับ จะออก จืดเผ็ด มัน แบ่งเป็นถุงขายก็ดี ครับ
- โทรศัพท์ จีนครับ เอา ราคา 500-800 ทัชสกรีน นี่กริ้ด กันเป็นแถบๆ
- m 150 กระทิง ต้องแช่ใส่ลังน้ำแข็งนะครับ ขอย้ำ เคยถาม เขาเขา บอกว่า ชื่นใจกว่า
- ขนม แบ่ง ขาย ถุง 5 บาท จะเป็น ขนม แบ่งจากปี้ปก็ดี ครับ ที่ซื้อขนมพวกนี้ จะอยู่ ตรงสะพานหัน ครับ
- เหล้ากั้ก กำไร 100% up
- บุหรี่ ราคาถูก ทั้งหลาย ครับ ถ้ามีตัวไหน ที่ออกใหม่ราคา ถูก อย่าพลาด ครับ
- บัตรเติมเงิน ส่วนมาก พวกนี้ จะเติมไม่ค่อยเป็น ครับ ถ้า เรา บริการดี ช่วยเติมให้ ลูกค้าติดครับ
- ไพ่ สำรับ อย่างถูก-กลางๆครับ
ใครมีอะไรเพิ่มเติม ก็ต่อได้เลยนะครับ ร่วมใจช่วยกัน สู้กับกลุ่มนายทุน ครับ
- หมาก หั่นหมากและหั่นแยกขายเป็นแพคๆก็ได้ครับ
- สลาก จับเบอร์ ไม่รู้เป็นอะไรครับ ลูกน้อง พม่าผม ต้องเล่นไม่ค่ำกว่า 20บาท/คน/วัน
- แกงต่างๆสไตล์พม่า ครับ จะออก จืดเผ็ด มัน แบ่งเป็นถุงขายก็ดี ครับ
- โทรศัพท์ จีนครับ เอา ราคา 500-800 ทัชสกรีน นี่กริ้ด กันเป็นแถบๆ
- m 150 กระทิง ต้องแช่ใส่ลังน้ำแข็งนะครับ ขอย้ำ เคยถาม เขาเขา บอกว่า ชื่นใจกว่า
- ขนม แบ่ง ขาย ถุง 5 บาท จะเป็น ขนม แบ่งจากปี้ปก็ดี ครับ ที่ซื้อขนมพวกนี้ จะอยู่ ตรงสะพานหัน ครับ
- เหล้ากั้ก กำไร 100% up
- บุหรี่ ราคาถูก ทั้งหลาย ครับ ถ้ามีตัวไหน ที่ออกใหม่ราคา ถูก อย่าพลาด ครับ
- บัตรเติมเงิน ส่วนมาก พวกนี้ จะเติมไม่ค่อยเป็น ครับ ถ้า เรา บริการดี ช่วยเติมให้ ลูกค้าติดครับ
- ไพ่ สำรับ อย่างถูก-กลางๆครับ
ใครมีอะไรเพิ่มเติม ก็ต่อได้เลยนะครับ ร่วมใจช่วยกัน สู้กับกลุ่มนายทุน ครับ
ความคิดเห็นที่ 30
1.อย่าเครียด ทำใจให้สบาย เครียดมากจะทำให้คิดอะไรไม่ออกและเกิดการท้อถอยหมดกำลังใจไปง่ายๆ และไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
มีแต่จะทำให้แย่ลง
2. การขายของคนงาน หรือ ลูกค้าขาประจำ สามารถสร้างความได้เปรียบเลข 7 ด้วยการแบ่งขาย และการขายเชื่อแบบเคลียร์บัญชีทุกสิ้นเดือน ขายแบบนี้คนงานชอบ ช่วงกลางเดือนปลายเดือนไม่ต้องมีตังค์ก็เอาของไปก่อนได้ แต่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สายป่านต้องยาวขึ้น เงินทุนจมนานขึ้นและต้อง ดุ เด็ดขาดในการเคลียร์บัญชีให้ได้ทุกสิ้นเดือน ไม่งั้นระบบจะล้มเหลว แต่ถ้าทำได้สู้เลข 7 ได้แน่นอน
3. ทำเลที่อยู่มีเลข 7 มาเปิดในแง่ค้าขายถือว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว ถ้าหาสินค้ามาลงถูกอาจพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้เลย ผักสด และ ผลไม้คัดพิเศษเกรดคนงานเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ผักไม่สวย ผลไม้ไม่สวย แต่กินได้น่ะ ถ้าคนงานพม่าเยอะ ลองศึกษาดูว่าเขาชอบผักอะไร ผลไม้อะไร ชอบสูบยาเส้น เคี้ยวหมากแข็งไหม เคยเห็นคนงานพม่ามะรุมมะตุ้มรถผักที่ ไม่รู้จักชนิดอยู่อย่างกะแจกฟรี
4.ทำร้านก๋วยเตี๋ยวให้ดีขึ้น เน้นเลยก็ดีเพื่อดึงคนเข้าร้าน ขยายโต๊ะเก้าอี้ให้เพียงพอ ถ้าคนมานั่งในร้านแล้วโอกาสลุกเพื่อไปซื้อของร้านเลข 7 อีกจะยากละหากร้านเรามีสินค้านั้นขาย และ สิ่งที่ร้านเลข 7 ไม่มีแต่เรามีคือ ที่นั่ง โต๊ะ เก้าอี้ ให้นั่งบริโภค ไม่ว่าจะเหล้า เบียร์ หรือ อาหาร เปิดทีวีให้ดูมวยเลยได้ก็ดี ช่วงไหนไม่มีมวยหาวิดีโอมวยมาเปิด คนงาน 90 เปอร์เซ็น เห็นมวยต่อยกันเป็นหยุดดูไม่ว่ามันจะสดหรือไม่สด
5.ตีซี้จ่ายคอมมิชชั่นติดไม้ติดมือให้ลูกพี่คนงาน ในการพาลูกน้องมาลงร้านเรา เป็นเหล้า เป็นเบียร์ขวดสองขวด ก็ว่าไปตามอัธยาศัย
ุ6.สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก ของใช้ประจำวัน ฯลฯที่เริ่มค้างสต๊อค จัดกองขายหน้าร้านให้ดูว่าถูก และ ลด และ โล๊ะ ด้วยป้ายถูกตัวโตๆง
พร้อมลำโพงเหมือนพวกรถเร่ เร่เข้ามาๆ ถูกๆ อะไรยังไงก็ว่ากันไป ไม่อยากพูดเองก็อัดเสียงไว้เปิด มันขายได้จริงๆนะมุขรถเร่เนี่ย ยิ่งถ้าพูดได้น่าสนใจนี่ Hard Sale สุดๆ
7.ถ้ามีที่เหลือ ทำศาลาพัก กระต๊อบนั่งเล่น นั่งรอรถ เป็นจุดนัดพบสาธารณะ ไว้หน้าร้านเลย ไม่ซื้อไม่ว่าไม่กดดัน พี่นั่งไปเถอะพร้อมป้ายสูงๆเห็นชัดๆว่า จุดนัดพบ ร้านเลข 7 มีแอร์แต่เราอาจมี น้ำดื่มฟรี ใส่คูลเลอร์น้ำแข็งก้อนไว้บริการแทน
8.เวลาลูกค้ามาซื้อของ ชวนลูกค้าคุยสัพเพเหระ ถามไพ่สารทุกสุขดิบ เล็กๆน้อยๆ สร้างบรรยากาศเป็นกันเอง ใครอุ้มเด็กมาก็เอาลูกอมแจกเด็กซะหน่อย คนแก่มาก็ช่วยหยิงขงหยิบของ หิ้วไปใส่รถ ผู้หญิงมาก็ชวนเม้าท์ละครเมื่อคืนซะเลย ร้านเลข 7 ยังต้องถามว่ารับซาลาเปาไหมเลย ถ้าจะสู้ก็ต้องทำมั่งละนะ ทำให้เป็นนิสัยเดียวก็มีผลตอบแทนกลับมา
9.บัตรเติมงงเติมเงิน ลูกเค้าซื้อแล้วก็บริการเติมให้เขาด้วยฟรีๆก็ได้ถ้ามีเวลา บางคนเติมเองไม่เป็นหรือไม่ชำนาญ จริงๆนะ
10. ทั้งหมดนี้เป็นแค่ไอเดียเผื่ออ่านแล้วปิ้ง ไม่ใช่ไอเดียจากผู้เชียวชาญหรือมีประสบการณ์ตรงแต่อย่างใด อย่าไปคาดหวังมากคิดว่าแชร์กันครับ
ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คิดว่าชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปครับ โชคดีๆ
มีแต่จะทำให้แย่ลง
2. การขายของคนงาน หรือ ลูกค้าขาประจำ สามารถสร้างความได้เปรียบเลข 7 ด้วยการแบ่งขาย และการขายเชื่อแบบเคลียร์บัญชีทุกสิ้นเดือน ขายแบบนี้คนงานชอบ ช่วงกลางเดือนปลายเดือนไม่ต้องมีตังค์ก็เอาของไปก่อนได้ แต่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น สายป่านต้องยาวขึ้น เงินทุนจมนานขึ้นและต้อง ดุ เด็ดขาดในการเคลียร์บัญชีให้ได้ทุกสิ้นเดือน ไม่งั้นระบบจะล้มเหลว แต่ถ้าทำได้สู้เลข 7 ได้แน่นอน
3. ทำเลที่อยู่มีเลข 7 มาเปิดในแง่ค้าขายถือว่าเป็นทำเลที่ดีทีเดียว ถ้าหาสินค้ามาลงถูกอาจพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้เลย ผักสด และ ผลไม้คัดพิเศษเกรดคนงานเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ผักไม่สวย ผลไม้ไม่สวย แต่กินได้น่ะ ถ้าคนงานพม่าเยอะ ลองศึกษาดูว่าเขาชอบผักอะไร ผลไม้อะไร ชอบสูบยาเส้น เคี้ยวหมากแข็งไหม เคยเห็นคนงานพม่ามะรุมมะตุ้มรถผักที่ ไม่รู้จักชนิดอยู่อย่างกะแจกฟรี
4.ทำร้านก๋วยเตี๋ยวให้ดีขึ้น เน้นเลยก็ดีเพื่อดึงคนเข้าร้าน ขยายโต๊ะเก้าอี้ให้เพียงพอ ถ้าคนมานั่งในร้านแล้วโอกาสลุกเพื่อไปซื้อของร้านเลข 7 อีกจะยากละหากร้านเรามีสินค้านั้นขาย และ สิ่งที่ร้านเลข 7 ไม่มีแต่เรามีคือ ที่นั่ง โต๊ะ เก้าอี้ ให้นั่งบริโภค ไม่ว่าจะเหล้า เบียร์ หรือ อาหาร เปิดทีวีให้ดูมวยเลยได้ก็ดี ช่วงไหนไม่มีมวยหาวิดีโอมวยมาเปิด คนงาน 90 เปอร์เซ็น เห็นมวยต่อยกันเป็นหยุดดูไม่ว่ามันจะสดหรือไม่สด
5.ตีซี้จ่ายคอมมิชชั่นติดไม้ติดมือให้ลูกพี่คนงาน ในการพาลูกน้องมาลงร้านเรา เป็นเหล้า เป็นเบียร์ขวดสองขวด ก็ว่าไปตามอัธยาศัย
ุ6.สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก ของใช้ประจำวัน ฯลฯที่เริ่มค้างสต๊อค จัดกองขายหน้าร้านให้ดูว่าถูก และ ลด และ โล๊ะ ด้วยป้ายถูกตัวโตๆง
พร้อมลำโพงเหมือนพวกรถเร่ เร่เข้ามาๆ ถูกๆ อะไรยังไงก็ว่ากันไป ไม่อยากพูดเองก็อัดเสียงไว้เปิด มันขายได้จริงๆนะมุขรถเร่เนี่ย ยิ่งถ้าพูดได้น่าสนใจนี่ Hard Sale สุดๆ
7.ถ้ามีที่เหลือ ทำศาลาพัก กระต๊อบนั่งเล่น นั่งรอรถ เป็นจุดนัดพบสาธารณะ ไว้หน้าร้านเลย ไม่ซื้อไม่ว่าไม่กดดัน พี่นั่งไปเถอะพร้อมป้ายสูงๆเห็นชัดๆว่า จุดนัดพบ ร้านเลข 7 มีแอร์แต่เราอาจมี น้ำดื่มฟรี ใส่คูลเลอร์น้ำแข็งก้อนไว้บริการแทน
8.เวลาลูกค้ามาซื้อของ ชวนลูกค้าคุยสัพเพเหระ ถามไพ่สารทุกสุขดิบ เล็กๆน้อยๆ สร้างบรรยากาศเป็นกันเอง ใครอุ้มเด็กมาก็เอาลูกอมแจกเด็กซะหน่อย คนแก่มาก็ช่วยหยิงขงหยิบของ หิ้วไปใส่รถ ผู้หญิงมาก็ชวนเม้าท์ละครเมื่อคืนซะเลย ร้านเลข 7 ยังต้องถามว่ารับซาลาเปาไหมเลย ถ้าจะสู้ก็ต้องทำมั่งละนะ ทำให้เป็นนิสัยเดียวก็มีผลตอบแทนกลับมา
9.บัตรเติมงงเติมเงิน ลูกเค้าซื้อแล้วก็บริการเติมให้เขาด้วยฟรีๆก็ได้ถ้ามีเวลา บางคนเติมเองไม่เป็นหรือไม่ชำนาญ จริงๆนะ
10. ทั้งหมดนี้เป็นแค่ไอเดียเผื่ออ่านแล้วปิ้ง ไม่ใช่ไอเดียจากผู้เชียวชาญหรือมีประสบการณ์ตรงแต่อย่างใด อย่าไปคาดหวังมากคิดว่าแชร์กันครับ
ถ้าไม่ไหวจริงๆก็คิดว่าชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไปครับ โชคดีๆ
ความคิดเห็นที่ 52
เหรียญมีสองด้านค่ะ เวลามองต้องพลิกดูทั้งสองมุมด้วย
1.จุดเด่นของเซเว่นคงจะเป็นอาหารกล่องสำเร็จรูป ไส้กรอก ซาลาเปา ขนมจุ๊กจิ๊ก เครื่องดื่มเย็นในตู้แช่ ต้องลงทุนตู้แช่และแข่งไปแล้วก็อาจจะแพ้
ไม่ควรแข่งกับสินค้าที่ถือว่าเป็นหัวกะทิของเขา
- ลองคิดถึงสิ่งที่เราหาไม่ได้ในเซเว่นหรือมีก็ราคาแพงกว่าปกติ เช่น แขมพูขวดเล็ก ผงซักฟอก แป้ง บุหรี่ ไฟแช็ค น้ำยาล้างจาน
- ลองเติมร้านด้วยของใช้ประจำบ้าน ติดไว้อย่างละนิดละหน่อย การหาของได้ในยามฉุกเฉินจะทำให้เขาคิดถึงร้านใกล้บ้าน
2. เมื่อมีร้านสะดวกซื้อมาใกล้บ้านแปลว่ามีแรงซื้อ และจะมีแรงดึงดูดจากป้ายร้านเรียกคนเข้ามาเพิ่มเติม ผลดีน่าจะมีกับร้านอาหารตามสั่ง ของทอด ผลไม้ ลูกชิ้นปิ้ง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าในย่านรอบเซเว่นจะพัฒนาเป็นศูนย์ของกินไปโดยทันที บางทำเลจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว แผงลอย มาเช่าพื้นที่หน้าร้าน ดิฉันขับรถเดินทางไปในที่ใหม่ ๆ ตลอดเวลาไม่เคยซ้ำเส้นทาง เมื่อจะหาของกินก็ใช้ระบบมองหาเซเว่นในปั๊ม หรือ เซเว่นในย่านตลาด แต่ไม่ได้ไปเพราะจะไปซื้อของในเซเว่นนะคะ แต่เป็นการเดาและความคาดหวังว่าหน้าเซเว่นจะมีแผงลอย หรือ ร้านก๋วยเตี๋ยว ลองพลิกมุมมองดูก็ได้นะคะ
3. พัฒนาเรื่องบริการ เพื่อนโชห่วยของดิฉันคนหนึ่งอยู่ในละแวกโลตัสเปิดทำการ ตอนแรกก็วุ่นวาย พอเริ่มจับทิศทางได้เขาก็พัฒนาระบบเป็นการบริการส่งสินค้าทางโทรศัพท์ ลูกค้าโทรหาเขาก็ขับจักรยานซอกแซกไปส่งให้ มีทั้งข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำแข็งฯลฯ ยิ่งถ้าใกล้หมู่บ้านที่มักจะทิ้งพ่อแม่คนสูงอายุไว้บ้านคนเดียวก็จะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะให้ร้านของครอบครัวอยู่รอดไปได้ ยังมีปัจจัยเรื่อง "ผู้ทำงาน" ด้วยนะคะ ร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นเห็นว่ารอดอยู่แล้วแต่ทาง จขกท. พูดเหมือนว่าไม่ได้มีส่วนร่วมทำด้วย เมื่อพ่อและแม่สูงวัยกว่านี้ก็อาจจะต้องหยุดกิจการไป แสดงว่าไม่ได้เป็นกิจการที่ จขกท.มีส่วนร่วมทำด้วย แนวความคิดควรจะเป็นของผู้ปฏิบัติ คนคิดกับคนปฏิบัติควรเป็นคนเดียวกัน ถ้าคิดแล้วไม่มีคนทำให้ก็เป็นอันว่าแนวคิดนั้นใช้ไม่ได้ค่ะ
ปัญหาที่สำคัญจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่เซเว่นค่ะ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อต้องปรับเปลี่ยนร้านและการบริการ ร้านของครอบครัว จขกท.จะมีคนดำเนินการต่อหรือเปล่าต่างหาก
1.จุดเด่นของเซเว่นคงจะเป็นอาหารกล่องสำเร็จรูป ไส้กรอก ซาลาเปา ขนมจุ๊กจิ๊ก เครื่องดื่มเย็นในตู้แช่ ต้องลงทุนตู้แช่และแข่งไปแล้วก็อาจจะแพ้
ไม่ควรแข่งกับสินค้าที่ถือว่าเป็นหัวกะทิของเขา
- ลองคิดถึงสิ่งที่เราหาไม่ได้ในเซเว่นหรือมีก็ราคาแพงกว่าปกติ เช่น แขมพูขวดเล็ก ผงซักฟอก แป้ง บุหรี่ ไฟแช็ค น้ำยาล้างจาน
- ลองเติมร้านด้วยของใช้ประจำบ้าน ติดไว้อย่างละนิดละหน่อย การหาของได้ในยามฉุกเฉินจะทำให้เขาคิดถึงร้านใกล้บ้าน
2. เมื่อมีร้านสะดวกซื้อมาใกล้บ้านแปลว่ามีแรงซื้อ และจะมีแรงดึงดูดจากป้ายร้านเรียกคนเข้ามาเพิ่มเติม ผลดีน่าจะมีกับร้านอาหารตามสั่ง ของทอด ผลไม้ ลูกชิ้นปิ้ง ถ้าสังเกตจะเห็นว่าในย่านรอบเซเว่นจะพัฒนาเป็นศูนย์ของกินไปโดยทันที บางทำเลจะมีร้านก๋วยเตี๋ยว แผงลอย มาเช่าพื้นที่หน้าร้าน ดิฉันขับรถเดินทางไปในที่ใหม่ ๆ ตลอดเวลาไม่เคยซ้ำเส้นทาง เมื่อจะหาของกินก็ใช้ระบบมองหาเซเว่นในปั๊ม หรือ เซเว่นในย่านตลาด แต่ไม่ได้ไปเพราะจะไปซื้อของในเซเว่นนะคะ แต่เป็นการเดาและความคาดหวังว่าหน้าเซเว่นจะมีแผงลอย หรือ ร้านก๋วยเตี๋ยว ลองพลิกมุมมองดูก็ได้นะคะ
3. พัฒนาเรื่องบริการ เพื่อนโชห่วยของดิฉันคนหนึ่งอยู่ในละแวกโลตัสเปิดทำการ ตอนแรกก็วุ่นวาย พอเริ่มจับทิศทางได้เขาก็พัฒนาระบบเป็นการบริการส่งสินค้าทางโทรศัพท์ ลูกค้าโทรหาเขาก็ขับจักรยานซอกแซกไปส่งให้ มีทั้งข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืช น้ำแข็งฯลฯ ยิ่งถ้าใกล้หมู่บ้านที่มักจะทิ้งพ่อแม่คนสูงอายุไว้บ้านคนเดียวก็จะได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะให้ร้านของครอบครัวอยู่รอดไปได้ ยังมีปัจจัยเรื่อง "ผู้ทำงาน" ด้วยนะคะ ร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นเห็นว่ารอดอยู่แล้วแต่ทาง จขกท. พูดเหมือนว่าไม่ได้มีส่วนร่วมทำด้วย เมื่อพ่อและแม่สูงวัยกว่านี้ก็อาจจะต้องหยุดกิจการไป แสดงว่าไม่ได้เป็นกิจการที่ จขกท.มีส่วนร่วมทำด้วย แนวความคิดควรจะเป็นของผู้ปฏิบัติ คนคิดกับคนปฏิบัติควรเป็นคนเดียวกัน ถ้าคิดแล้วไม่มีคนทำให้ก็เป็นอันว่าแนวคิดนั้นใช้ไม่ได้ค่ะ
ปัญหาที่สำคัญจริง ๆ ไม่ได้อยู่ที่เซเว่นค่ะ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อต้องปรับเปลี่ยนร้านและการบริการ ร้านของครอบครัว จขกท.จะมีคนดำเนินการต่อหรือเปล่าต่างหาก
ความคิดเห็นที่ 31
สู้ครับๆ ผมเข้าใจความรู้สึกดี บ้านผมขายของโชว์ห่วยมาจะ 20 ปีก็พึ่งมาเลิกขายเมื่อปีที่แล้ว เพราะแม่ผมอายุเยอะแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ขายของได้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แม่ผมก็เลิกขายไปครับ ประกอบกับผมทำงานแล้วได้เงินเดือนพอสมควร สมัยก่อนผมจำได้ขายของตั้งแต่ 7 ขวบไปเรียนหนังสือกลับมาก็มาช่วยแม่ขายของต่อ เสาร์ - อาทิตย์ก็มาเปิดร้านให้แม่ ขายดีมากส่งพี่กับผมเรียนสบาย จนผมอยู่มัธยมก็มีร้าน 7 มาเปิดข้างๆครับ ห่างไป 2 - 3 คูหาพอเปิดเท่านั้น ยอดขายที่บ้านหดลงเลยครับ ก็พอทนอยู่ได้ครับ แต่ให้สังเกตไว้อย่างครับ ร้าน 7 แต่ละที่ ที่มาเปิดใกล้ร้านโชว์ห่วย จะมีมีการส่งคนมาสอดแนมสินค้าของร้านเรา ครับ มันเปิดไป 1 ปี มีของขายบ้านผมเต็มไปหมดแถมถูกกว่าอีกครับ
ทุกวันนี้แม้บ้านผมจะไม่ได้ขายของ ทำงานแล้ว แต่ก็เคยปฏิเสธงานในบริษัทของเครือนี้ครับ แม้จะได้เงินเดือนเยอะก็ตาม ไม่ชอบครับ ทำร้านขายของโชว์ห่วยเจ๊งกันหมด เกิดการผูกขาดจนเกินไป
ตอนนี้ผมลงทุนหุ้นก็ไม่คิดซื้อบริษัทในเครือนี้ด้วยครับ เหมือนไปสนับสนุนการผูกขาดมากขึ้น
ทุกวันนี้แม้บ้านผมจะไม่ได้ขายของ ทำงานแล้ว แต่ก็เคยปฏิเสธงานในบริษัทของเครือนี้ครับ แม้จะได้เงินเดือนเยอะก็ตาม ไม่ชอบครับ ทำร้านขายของโชว์ห่วยเจ๊งกันหมด เกิดการผูกขาดจนเกินไป
ตอนนี้ผมลงทุนหุ้นก็ไม่คิดซื้อบริษัทในเครือนี้ด้วยครับ เหมือนไปสนับสนุนการผูกขาดมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
เครียดมากกิจการร้านของชำรอวันเจ๊ง ร้านเลขเจ็ด มาเปิดใกล้ๆเลย
กิจการนี้พ่อแม่เราทำมา 20 กว่าปีแล้ว กลุ่มลูกค้าส่วนมากจะเป็นคนงานและชาวบ้านในซอย
เราเป็นร้านชำร้านเดียวในย่านนั้น เรียกว่าขายดีมากๆ ทั้งของชำและก๋วยเตี๋ยว( ขาย 20 -25 ราคาขายคนงานเพราะขายแพงกว่านี้ก็ไม่มีคนกิน กำไรจากก๋วยเตี๋ยวแทบไม่เห็น ที่ขายเพราะช่วยดึงลูกค้า ให้ร้านเราคึกคักขึ้น )
ร้านเราเปิดตั้งแต่เช้ายันเย็น ลูกค้าเข้าไม่ขาด ยิ่งช่วงพักของโรงงานทอนตังแทบไม่ทัน
อาชีพนี้ทำให้เรามีกินมีใช้อย่างสุขสบายแม่กับพ่อสามารถเลี้ยงเรากับน้องได้อย่างดี
จนเมื่อปีที่ผ่านมายอดขายตกลง เพราะแรงงานพม่าเข้ามาแทนแรงงานชาวอีสาน
กำลังการซื้อของแรงงานพม่าน้อยว่าชาวอีสานอย่างเห็นได้ชัด พวกนี้จะกินใช้อย่างประหยัดมาก
แต่เราก็ยังพออยู่ได้เรื่อยๆ เพราะยังมีชาวบ้านแถวนั้นแวะเวียนมาซื้ออยู่
จนกระทั่งเร็วๆนี้ ร้านเลขเจ็ด มาเปิดใกล้บ้านห่างกันไม่ถึง 20 เมตร สร้างใหญ่โตอลังการมาก (ประมาณตึกแถว 4 ห้องติด)
ตอนนี้ท้อมากค่ะ คนแห่เข้าร้านสะดวกซื้อหมด ร้านเราเงียบเป็นป่าช้าเลย ที่พอขายได้ก็แค่บุหรี่แบ่งขาย เหล้าแบ่งขาย เป๊ปซี่น้ำแข็ง
นึกแล้วก็ใจหายสงสารคุณแม่นั่งเฝ้าร้านอย่างเหงาๆ ดีที่ยังมีก๋วยเตี๋ยว แต่อีกไม่ปี่ปีพ่อแม่เราคงขายก๋วยเตี๋ยวไม่ไหว ท่านจะ 60 แล้ว
กลุ้มใจมากค่ะ เลยอยากขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆต่อ เราควรทำอย่างไรดี ตอนนี้เราจัดร้านใหม่ให้ดูดีขึ้น เรื่องความสะอาดเราก็ตรวจเช็คตลอด
แต่ก็ยังเงียบ ยิ่งวันโรงงานปิดยิ่งเงียบ คนบ้านไม่แทบไม่เข้าเลย เฮร้ออ
แต่เราก็เข้าใจผู้บริโภคนะคะ ที่นู่นมีพร้อมทุกอย่าง แอร์ก็เย็น ถ้าเป็นเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ณ ตอนนี้ยังมองอนาคตไม่ออกเลยค่ะ ว่าจะไปทางไหนดี ส่วนตัวเราตอนนี้ก็เพิ่งเรียนจบใหม่ทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท
น้องเราก็ยังเรียนไม่จบ ทุกวันนี้เครียดมากนอนไม่หลับเลย เวลามองบ้านเรากับร้านเลขเจ็ดเห็นภาพแล้วมันสะเทือนใจค่ะ
เพื่อนๆพอมีไอเดีย มาแนะนำมั้ยคะ ว่าเราควรทำยังไงต่อไป หรือจะเปลี่ยนจากร้านของชำมาขายอย่างอื่นแทน
แล้วควรจะขายอะไรดี
ขอบคุณมากค่ะ