เคยโดนมากับตัวเองกับหุ้นปั่นบางตัวสมัยคุณปิ่น จักกะพาก สมัยนั้นยังเรียนอยู่มัธยมปลาย กำลังจะสอบเอ็นฯ พอดี (นับตัวเลขนางฟ้าอายุเท่าไรหว่า) เริ่มศึกษาตลาดหุ้นตลาดทุน ซึ่งสมัยนั้นไม่มีวัยรุ่นสนใจหุ้นหรอกค่ะ ไม่มีคนนิยมลงทุนในหุ้น และการเทรดก็ไม่ได้ง่ายขนาดนี้ มือถือก็หาสัญญาณยากมากนาทีละถ้าจำไม่ผิด 3-5 บาท ยอดซื้อขายก็หาไม่เจอในแต่ละวัน โอกาสรวยและเจ็บตัวมีมากพอๆ กัน
หนูมีเงินสมัยนั้นทำงานด้วยเรียนด้วยเก็บเงินมาตั้งแต่เด็กๆ แม่ให้หยอดกระปุกออมสิน (แอบจิ๊กทางบ้านบ้างเป็นบางครั้ง กรุณาอย่าเอาอย่างมันไม่ดี) ก็แอบเอาเงินที่สะสมแทนที่จะไปฝากออมสินก็เอาเงินไปซื้อหุ้นซะ อยากรวยไวๆ ไปซื้อหุ้นของพ่อมดทางการเงิน ปิ่น จักกะพาก สมัยนั้นท่านดังมากน่าจะเป็นหุ้น FIN1 ถ้าหนูจำไม่ผิด ผลของความโลภจากเงิน 3,000 บาท กลายเป็นมีเงินเกือบ 20,000 บาท จำได้ว่าวันนั้นกลับมาบ้านแล้วรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทและปิดไฟแนนซ์ซึ่ง FIN1 ก็โดนด้วย เงินเก็บทั้งชีวิตหายเกลี้ยงเหลือเพียงใบหุ้นเป็นที่ระลึก แต่ตอนนี้ย้ายบ้านไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว คงไม่ได้เงินคืนแล้วล่ะ
จากนั้นก็เก็บเงินเริ่มนับหนึ่งใหม่มาซื้อหุ้นตอนวิกฤติ 2540 ด้วยเงิน 10,000 บาท คือแอบเอานาฬิกาและทองเกือบ 2 บาทไปจำนำ หุ้นตัวแรกในชีวิตที่ซื้อหลังเจ๊งหุ้นแล้วคือหุ้น KK (KKP) ซื้อราคา 9 บาท เพราะเป็นหุ้นที่ไม่ล้มไปกับเศรษฐกิจฐานะการเงินดี ซื้อเกลี้ยงตัวเดียวไปขายที่ราคา 48 บาท ที่ขายเพราะอยากได้หุ้นธนาคารใหญ่ BBL ซื้อหุ้น BBL ราคา 52 บาท และจากนั้นขายราคา 72 บาท และนำเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้น MINT 15.00 บาท ติดดอยอยู่เกือบปี ได้ปันผลมานิดหน่อย
คร่าวๆ อยากจะเล่าว่า ใครที่ขาดทุนอย่าท้อแท้ค่ะ ทุกคนมีพลาดมีบทเรียน จำไว้เป็นครู แต่สิ่งหนึ่งที่หนูได้จากการลงทุนคืออย่าไปไล่ราคาในหุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงมากแล้วแม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีข่าวดีในอนาคตมากมายก็ตาม เช่น มันมาจาก 1 บาท แล้วออกข่าวต่างๆ ภายใน 1 ปี ขึ้นไป 7 บาท หนูยอมตกรถไปหาหุ้นตัวที่ราคาไม่สูง ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องลงทุน ตกรถดีกว่าติดดอยค่ะ ถ้าเราซื้อหุ้นราคาไม่แพงเราก็ติดดอยไม่สูง หุ้นในตลาดมีเยอะแยะ อย่าไปไล่ราคาค่ะ โป๊ะ โป๊ะ
ความผิดพลาดในการลงทุนถือเป็นเรื่องปกติ ทุกคนเคยเจอมาหมดแล้ว หนูเองก็เกือบหมดเนื้อหมดตัวในตลาดทุน เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
หนูมีเงินสมัยนั้นทำงานด้วยเรียนด้วยเก็บเงินมาตั้งแต่เด็กๆ แม่ให้หยอดกระปุกออมสิน (แอบจิ๊กทางบ้านบ้างเป็นบางครั้ง กรุณาอย่าเอาอย่างมันไม่ดี) ก็แอบเอาเงินที่สะสมแทนที่จะไปฝากออมสินก็เอาเงินไปซื้อหุ้นซะ อยากรวยไวๆ ไปซื้อหุ้นของพ่อมดทางการเงิน ปิ่น จักกะพาก สมัยนั้นท่านดังมากน่าจะเป็นหุ้น FIN1 ถ้าหนูจำไม่ผิด ผลของความโลภจากเงิน 3,000 บาท กลายเป็นมีเงินเกือบ 20,000 บาท จำได้ว่าวันนั้นกลับมาบ้านแล้วรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาทและปิดไฟแนนซ์ซึ่ง FIN1 ก็โดนด้วย เงินเก็บทั้งชีวิตหายเกลี้ยงเหลือเพียงใบหุ้นเป็นที่ระลึก แต่ตอนนี้ย้ายบ้านไม่รู้ไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว คงไม่ได้เงินคืนแล้วล่ะ
จากนั้นก็เก็บเงินเริ่มนับหนึ่งใหม่มาซื้อหุ้นตอนวิกฤติ 2540 ด้วยเงิน 10,000 บาท คือแอบเอานาฬิกาและทองเกือบ 2 บาทไปจำนำ หุ้นตัวแรกในชีวิตที่ซื้อหลังเจ๊งหุ้นแล้วคือหุ้น KK (KKP) ซื้อราคา 9 บาท เพราะเป็นหุ้นที่ไม่ล้มไปกับเศรษฐกิจฐานะการเงินดี ซื้อเกลี้ยงตัวเดียวไปขายที่ราคา 48 บาท ที่ขายเพราะอยากได้หุ้นธนาคารใหญ่ BBL ซื้อหุ้น BBL ราคา 52 บาท และจากนั้นขายราคา 72 บาท และนำเงินทั้งหมดไปซื้อหุ้น MINT 15.00 บาท ติดดอยอยู่เกือบปี ได้ปันผลมานิดหน่อย
คร่าวๆ อยากจะเล่าว่า ใครที่ขาดทุนอย่าท้อแท้ค่ะ ทุกคนมีพลาดมีบทเรียน จำไว้เป็นครู แต่สิ่งหนึ่งที่หนูได้จากการลงทุนคืออย่าไปไล่ราคาในหุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงมากแล้วแม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีข่าวดีในอนาคตมากมายก็ตาม เช่น มันมาจาก 1 บาท แล้วออกข่าวต่างๆ ภายใน 1 ปี ขึ้นไป 7 บาท หนูยอมตกรถไปหาหุ้นตัวที่ราคาไม่สูง ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องลงทุน ตกรถดีกว่าติดดอยค่ะ ถ้าเราซื้อหุ้นราคาไม่แพงเราก็ติดดอยไม่สูง หุ้นในตลาดมีเยอะแยะ อย่าไปไล่ราคาค่ะ โป๊ะ โป๊ะ