คำถามแรก
คือจะมีเงินสามส่วน
ส่วนแรกได้มาตอนใส่ย่ามหลังพิธีบวชที่ออกมาจากโบสถ์
ส่วนที่สองได้จากมีคนเอาใส่บาตร
ส่วนที่สามคือซองจากกิจนิมนต์
แต่ผมไม่ได้จับแยกส่วน เก็บรวมๆ กันไว้ช่วงบวชไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว
แล้วตอนสึกผมเอาส่วนนึงมาแยกใส่ซองให้พระ 5 รูปที่มาทำพิธีสึกให้ รวมทั้งหมด 1,100 .- (องค์นึง 300 ที่เหลือ 200)
นอกนั้นที่เหลือก็แบ่งเป็นส่วนๆ คือ ถวายเจ้าอาวาส /ชำระหนี้สงฆ์ /ค่าน้ำค่าไฟวัด /และทำบุญรวม ไม่เก็บไว้เพราะตั้งใจถวายหมดอยู่แล้วตอนสึก
มีของที่เอากลับบ้านคือพัดลม ที่นอน ที่โกนหนวด พระเครื่องที่พระท่านให้ตอนสึก และหนังสือสวดมนต์พิธีพระท่านยกให้เอามาใช้ที่บ้าน กับหนังสือธรรมะที่ท่านให้ยืมมาอ่าน
ประเด็นคือเงินใส่ซองที่ถวายพระที่สึกให้ สามารถใช้เงินส่วนนี้ถวายได้หรือไม่ครับ
คือผมตั้งใจว่าตอนสึกไม่อยากรบกวนปัจจัยจากทางบ้านเพราะตอนบวชเค้าก็จ่ายไปร่วมหมื่นแล้ว(ขนาดไม่มีงานเลี้ยงแจกการ์ดแค่โกนหัวเข้าวัด) แล้วเราไม่ได้บวชนานด้วยแค่ 9 วัน ปกตินิสัยผมจะเป็นคนที่พยายามรบกวนทางบ้านน้อยที่สุดเลยค่อนข้างคิดมากกับเรื่องค่าใช้จ่ายเวลาเค้าทำอะไรให้เรา(ส่วนบุญเราตั้งใจบวชให้เค้าอยู่แล้วไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย)
หลังจากสึกมานั่งคิดดูแล้วไม่รู้การที่ผมเอาเงินส่วนนั้นใส่ซองให้พระจะผิดไหมครับเพราะไปอ่านเจอว่าถ้าเป็นเงินที่ได้มาช่วงบวชคือเค้าถวายทำบุญ แต่การสึกนี่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกิจที่เอาเงินส่วนนี้มาใช้ได้หรือเปล่า ถามพระที่วัดท่านบอกว่าได้ไม่เป็นไร แต่ก็อยากจะเอาให้ชัวร์แน่ๆ เพราะกลัวว่าถ้าไม่ถูกต้องแล้วจะเป็นบาปกรรมติดตัว
คำถามที่สอง
อย่างที่บอกว่าผมบวชแค่ 9 วัน คือตอนก่อนบวชไม่คิดว่าจะอยู่ได้นานเพราะรู้ตัวว่าไม่ค่อยมีความอดทนไม่มีระเบียบ กลัวไปผิดอะไรเข้าหรืออยู่แบบเร่งวันอยากสึกจะไม่เป็นประโยชน์เลยกำหนดวันแค่เท่าที่คิดว่าพอจะอยู่ไหว
แต่พอบวชแล้ว 9 วันผ่านไปเร็วมากแบบไม่ตั้งตัวเลย พอจะสึกมีความรู้สึกว่ายังอยากบวชต่ออีกอย่างน้อยซัก 10-20 วันยังดีไหน ๆ ก็บวชแล้ว
และเราก็สบายใจกับตรงนั้น ภาระหน้าที่ทางโลกช่วงนี้ก็ยังสามารถรอเราได้อยู่อีกระยะ
วันก่อนจะสึกยังลังเลจะอยู่ต่อดีมั้ย แต่เห็นว่ากำหนดวันสึกไปแล้ว บอกพระที่จะสึกให้ไปหมดแล้วกลัวเป็นการเรื่องมาก เลยตัดสินใจสึกตามนั้น
แต่พอสึกมาแล้วเหมือนมีอะไรคาใจ ความรู้สึกตอนนี้มันเลยเหมือนหดหู่ตลอดเลยอ่ะครับว่าทำไมเราไม่ตัดสินใจอยู่ต่อ (แต่ระยะที่บวชก็เต็มที่นะ ได้ปฏิบัติ ได้ศึกษาพระวินัย รักษาศีลของพระเต็มที่ ทำวัตร เดินบาตร กวาดลานวัด ล้างโบสถ์ กิจนิมนต์ นั่งสมาธิ แม่ได้มาใส่บาตร ไม่ได้มีความรู้สึกเสียดายเวลาหรือรู้สึกว่าพลาดอะไรไป)
ก็ไม่ได้แบบว่าถึงขั้นติดใจอยากบวชไม่สึกไปตลอดชีวิตนะครับ แต่มันรู้สึกแบบมีโอกาสบวชทั้งทีแล้วสามารถอยู่นานกว่านี้ได้ใจพร้อมกายพร้อมก็น่าจะอยู่ต่ออีกหน่อยสมกับที่ได้บวชทั้งทีนะ
จะเข้าไปบวชต่อใหม่ให้หายคาใจตอนนี้ก็ใช่ที่เพราะบวชทีก็ต้องใช้เงินไม่น้อยแล้วก็เพิ่งสึกมาหยก ๆ ผมกับคิ้วยังไม่ขึ้นเลย
คำถามคือควรทำอารมณ์ใจไงดีช่วยแนะนำหน่อย
ตอนตัดสินใจสึกนึกอยู่ว่าจะรู้สึกเสียดายทีหลังแต่พยายามไม่คิดอะไร แต่พอสึกออกมาแล้วมันแบบเสียดายโอกาสกว่าที่คิดไว้อ่ะครับ ใจมันนึกตลอดเลย
ตอนสึกเงินใส่ซองถวายพระที่สึกให้ใช้เงินที่ได้มาตอนบวชผิดไหมครับ กับอีกคำถามคาใจว่ารู้สึกได้บวชน้อยวันไปหน่อยควรทำไงดี
คือจะมีเงินสามส่วน
ส่วนแรกได้มาตอนใส่ย่ามหลังพิธีบวชที่ออกมาจากโบสถ์
ส่วนที่สองได้จากมีคนเอาใส่บาตร
ส่วนที่สามคือซองจากกิจนิมนต์
แต่ผมไม่ได้จับแยกส่วน เก็บรวมๆ กันไว้ช่วงบวชไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว
แล้วตอนสึกผมเอาส่วนนึงมาแยกใส่ซองให้พระ 5 รูปที่มาทำพิธีสึกให้ รวมทั้งหมด 1,100 .- (องค์นึง 300 ที่เหลือ 200)
นอกนั้นที่เหลือก็แบ่งเป็นส่วนๆ คือ ถวายเจ้าอาวาส /ชำระหนี้สงฆ์ /ค่าน้ำค่าไฟวัด /และทำบุญรวม ไม่เก็บไว้เพราะตั้งใจถวายหมดอยู่แล้วตอนสึก
มีของที่เอากลับบ้านคือพัดลม ที่นอน ที่โกนหนวด พระเครื่องที่พระท่านให้ตอนสึก และหนังสือสวดมนต์พิธีพระท่านยกให้เอามาใช้ที่บ้าน กับหนังสือธรรมะที่ท่านให้ยืมมาอ่าน
ประเด็นคือเงินใส่ซองที่ถวายพระที่สึกให้ สามารถใช้เงินส่วนนี้ถวายได้หรือไม่ครับ
คือผมตั้งใจว่าตอนสึกไม่อยากรบกวนปัจจัยจากทางบ้านเพราะตอนบวชเค้าก็จ่ายไปร่วมหมื่นแล้ว(ขนาดไม่มีงานเลี้ยงแจกการ์ดแค่โกนหัวเข้าวัด) แล้วเราไม่ได้บวชนานด้วยแค่ 9 วัน ปกตินิสัยผมจะเป็นคนที่พยายามรบกวนทางบ้านน้อยที่สุดเลยค่อนข้างคิดมากกับเรื่องค่าใช้จ่ายเวลาเค้าทำอะไรให้เรา(ส่วนบุญเราตั้งใจบวชให้เค้าอยู่แล้วไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย)
หลังจากสึกมานั่งคิดดูแล้วไม่รู้การที่ผมเอาเงินส่วนนั้นใส่ซองให้พระจะผิดไหมครับเพราะไปอ่านเจอว่าถ้าเป็นเงินที่ได้มาช่วงบวชคือเค้าถวายทำบุญ แต่การสึกนี่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นกิจที่เอาเงินส่วนนี้มาใช้ได้หรือเปล่า ถามพระที่วัดท่านบอกว่าได้ไม่เป็นไร แต่ก็อยากจะเอาให้ชัวร์แน่ๆ เพราะกลัวว่าถ้าไม่ถูกต้องแล้วจะเป็นบาปกรรมติดตัว
คำถามที่สอง
อย่างที่บอกว่าผมบวชแค่ 9 วัน คือตอนก่อนบวชไม่คิดว่าจะอยู่ได้นานเพราะรู้ตัวว่าไม่ค่อยมีความอดทนไม่มีระเบียบ กลัวไปผิดอะไรเข้าหรืออยู่แบบเร่งวันอยากสึกจะไม่เป็นประโยชน์เลยกำหนดวันแค่เท่าที่คิดว่าพอจะอยู่ไหว
แต่พอบวชแล้ว 9 วันผ่านไปเร็วมากแบบไม่ตั้งตัวเลย พอจะสึกมีความรู้สึกว่ายังอยากบวชต่ออีกอย่างน้อยซัก 10-20 วันยังดีไหน ๆ ก็บวชแล้ว
และเราก็สบายใจกับตรงนั้น ภาระหน้าที่ทางโลกช่วงนี้ก็ยังสามารถรอเราได้อยู่อีกระยะ
วันก่อนจะสึกยังลังเลจะอยู่ต่อดีมั้ย แต่เห็นว่ากำหนดวันสึกไปแล้ว บอกพระที่จะสึกให้ไปหมดแล้วกลัวเป็นการเรื่องมาก เลยตัดสินใจสึกตามนั้น
แต่พอสึกมาแล้วเหมือนมีอะไรคาใจ ความรู้สึกตอนนี้มันเลยเหมือนหดหู่ตลอดเลยอ่ะครับว่าทำไมเราไม่ตัดสินใจอยู่ต่อ (แต่ระยะที่บวชก็เต็มที่นะ ได้ปฏิบัติ ได้ศึกษาพระวินัย รักษาศีลของพระเต็มที่ ทำวัตร เดินบาตร กวาดลานวัด ล้างโบสถ์ กิจนิมนต์ นั่งสมาธิ แม่ได้มาใส่บาตร ไม่ได้มีความรู้สึกเสียดายเวลาหรือรู้สึกว่าพลาดอะไรไป)
ก็ไม่ได้แบบว่าถึงขั้นติดใจอยากบวชไม่สึกไปตลอดชีวิตนะครับ แต่มันรู้สึกแบบมีโอกาสบวชทั้งทีแล้วสามารถอยู่นานกว่านี้ได้ใจพร้อมกายพร้อมก็น่าจะอยู่ต่ออีกหน่อยสมกับที่ได้บวชทั้งทีนะ
จะเข้าไปบวชต่อใหม่ให้หายคาใจตอนนี้ก็ใช่ที่เพราะบวชทีก็ต้องใช้เงินไม่น้อยแล้วก็เพิ่งสึกมาหยก ๆ ผมกับคิ้วยังไม่ขึ้นเลย
คำถามคือควรทำอารมณ์ใจไงดีช่วยแนะนำหน่อย
ตอนตัดสินใจสึกนึกอยู่ว่าจะรู้สึกเสียดายทีหลังแต่พยายามไม่คิดอะไร แต่พอสึกออกมาแล้วมันแบบเสียดายโอกาสกว่าที่คิดไว้อ่ะครับ ใจมันนึกตลอดเลย