ข่าวเต็มๆที่นี่
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130822_404.html
ที่เอามาล งผมคัดมาเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตัวนายกฯส.บอล อย่างเดียวฮะ
ตัวแทนลีกภูมิภาคนำโดย นายวิมล กาญจนะ และ ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ พร้อมประธานศูนย์ฯ ทั้ง 6 ภาค ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะมาปรับลดจำนวนเสียงจาก 30 เสียงเหลือ 24 เสียงตามที่ฝ่ายของ ''บิ๊กก๊อง'' วิรัช ชาญพานิชย์ เสนอ บอกให้ฝ่ายคัดค้านหยุดสร้างเงื่อนไขและให้เดินเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเสียที โดย ''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี เห็นด้วยแถมชี้จำนวน 30 เสียงที่ฟีฟ่ากำหนดยังน้อยไปด้วยซ้ำ ทั้งที่ควรจะได้มากกว่านี้ เนื่องจากลีกภูมิภาคที่แม้จะแข่งมาเพียง 5 ปี กับช่วยพัฒนาสังคมและวงการฟุตบอลหลายๆ ด้าน แถมแต่ละทีมก็ลงทุนกันเป็นหลักล้านในแต่ละปี ผิดกับทีมสมัครเล่นในฟุตบอลถ้วยที่แข่งปีละครั้งนั้น จึงมาเทียบไม่ได้ ให้ประธานศูนย์ฯทั้ง 6 ภาคลงนามถึงการไม่เห็นด้วยแจ้งต่อผู้แทนฟีฟ่าที่จะมาประชุมในวันที่ 23 ส.ค.นี้
ความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายหลังจากที่สโมสรสมาชิกได้ยกมือโหวตรับร่างธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าฝ่ายไม่เห็นด้วยได้ขอสงวนสิทธิ์ในข้อ 21 ถึงที่มาที่ไปของจำนวนเสียง
โดยเฉพาะที่มาจากตัวแทนลีกภูมิภาค ซึ่งทางด้าน "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ได้เสนอขอปรับลดจำนวนเสียงตัวแทนจากลีกภูมิภาค จาก 30 เหลือ 24 เสียง และเพิ่มเสียงของสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง เป็น 12 เสียงแทน โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 ส.ค.นี้ที่ รร.โกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน เวลา 14.00 น.
โดยจากการที่นำเสนอเรื่องของจำนวนเสียงออกมาดังกล่าว ทางด้านตัวแทนของสโมสรในลีกภูมิภาคที่มี นายวิมล กาญจนะ เป็นประธานก็คัดค้านทันที และไม่เห็นด้วยกันที่จะมาปรับลดเสียงจากลีกภูมิภาคออกไป ล่าสุด "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ไปร่วมการประชุมจัดการแข่งขันฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 รอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ได้ทำการชี้แจงว่า สิทธิ์ในการออกเสียงของลีกภูมิภาค ความจริงแล้วไม่ควรจะโดนตัดแต่อย่างใด เนื่องจากสโมสรเหล่านี้ทำกิจกรรมตลอดทั้งปี ผิดกับสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง ที่มีแข่งแค่ 1 เดือนต่อปี หรือบางทีมแข่งแค่ 1 ครั้งต่อปีเท่านั้นถือว่าต่างกันลิบลับ
"จุดยืนของฟีฟ่าที่กำหนดออกมา 30 เสียงให้กับสโมสรจากลีกภูมิภาค เราคิดว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ พวกเขามีทั้งสิ้น 84 ทีม ส่วนใหญ่ลงทุนทำทีมกันปีละหลายล้านบาท ซึ่งไม่ได้น้อยกว่าสโมสรที่เล่นอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก หรือดิวิชั่น 1 เลย เห็นสิ่งที่สโมสรเหล่านี้ทำแล้ว
สมควรที่จะต้องให้การสนับสนุนทีมที่อยู่ในลีกภูมิภาคให้มาก เนื่องจากสโมสรเหล่านี้ช่วยพัฒนาให้กับประเทศในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ, ชุมชน หรือท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของลีกภูมิภาค ที่ได้รับการตอบรับได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก่อตั้งมาได้เพียงแค่ระยะเวลา 5 ปี เท่านั้น
ลงนามเป็นหนังสือแจ้งฟีฟ่าไม่เห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝ่ายค้านจะยังยืนยันที่จะให้มีการใช้ 24 เสียงกับลีกภูมิภาคตามที่เสนอมา ทางสมาคมฟุตบอลฯ จะดำเนินการอย่างไร ทาง "บังยี" เผยว่าได้มีการหารือกับสภากรรมการและสโมสรต่างๆ จากลีกภูมิภาคแล้ว พร้อมกับทำการส่งหนังสือให้กับประธานศูนย์ฯ ทั้ง 6 ภูมิภาค
เพื่อให้ลงนามว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และส่งไปถึงคณะผู้แทนของฟีฟ่าก่อนจะประชุมในวันที่ 23 ส.ค. เพื่อตัดสินใจ เราต้องยอมรับว่าลีกภูมิภาค กำลังอยู่ในช่วงที่พัฒนาก้าวไปสู่อาชีพ นอกจากนี้ลีกภูมิภาคยังทำตามกรอบที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย และฟีฟ่าได้กำหนดขั้นตอนให้มีการพัฒนาทีมเพื่อก้าวไปสู่รูปแบบสากลอีกด้วย ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบลีกภายในประเทศที่ต้องพัฒนาควบคู่กับไปลีกใหญ่
"วิมล" ให้ฝ่ายค้านหยุดสร้างเงื่อนไข
โดยภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง นายวิมล กาญจนะ ประธานลีกภูมิภาค ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนในเรื่องนี้ พร้อมด้วย ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดการแข่งขันลีกภูมิภาค และประธานดูแลทีมในภูมิภาคทั้ง 6 ภาค ซึ่งนายใหญ่แห่งลีกรากหญ้าได้กล่าวว่า
"เราอยากจะทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สมัครนายกสมาคมฟุตบอลที่นำโดย คุณวิรัช ชาญพานิชย์ ที่จะให้ลดจำนวนเสียงของลีกภูมิภาค ให้เหลือเพียง 24 เสียง จากทั้ง 6 ภาค ในฐานะของผู้บริหารเอไอเอส ลีกภูมิภาค เรายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะทุกวันนี้ลีกภูมิภาค มีการจัดการแข่งขันกันเป็นลีกอาชีพ ซึ่งดำเนินกิจกรรมกันตลอดทั้งปี"
"เพราะฉะนั้นเราจึงขอวอนให้ คุณวิรัช ชาญพานิชย์ เห็นความสำคัญของทีมจากลีกภูมิภาคด้วย ที่ผ่านมาพวกเราพยายามจะไม่มีการโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น ทุกทีมเคารพในกฎ และอยู่ในกติกา ซึ่งในนามลีกภูมิภาคอยากจะขอขอบคุณทางฟีฟ่า ที่ให้สิทธิ์แก่ลีกภูมิภาคคัดเลือกผู้แทนมาออกเสียงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลตามธรรมนูญใหม่ด้วยถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องอย่างมาก"
นายวิมล กาญจนะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "เราอยากขอให้ คุณวิรัช ชาญพานิชย์ หยุดสร้างเงื่อนไข และเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แบบจริงจังเสียที เพราะถ้ามีนโยบายที่อยากจะทำ ก็มาหาเสียงกันให้ถูกต้อง ทำไมต้องสร้างเงื่อนปมให้เกิดขึ้นมาตลอด ความจริงผู้ที่จะเข้ามารับสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ สมควรที่จะต้องรู้จักกฎและกติกาด้วย"
"วิชัย"ย้ำควรเพิ่มเสียงด้วยซ้ำไป
ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า พวกเราแม้ว่าจะเป็นทีมท้องถิ่นที่มาจากระดับรากหญ้า แต่การคัดเลือกเพื่อหาตัวแทน 5 เสียงในแต่ละภูมิภาค ทุกทีมมีความสามัคคี และมีจุดมุ่งหมายในการเฟ้นหาผู้แทนที่ดีที่สุดเป็นตัวแทนของภาคกันอยู่แล้ว ความจริงควรจะมีเสียงเพิ่มขึ้นจาก 30 เสียงด้วยซ้ำไป
แต่อยู่ดีๆ จะมาลดเสียงพวกเราลง ผมถือว่ามันไม่ยุติธรรมและทำให้เป็นการบั่นทอนกันลงเรื่อยๆ เนื่องจากเรื่องนี้เรามีการประชุมร่วมกันหลายครั้ง ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจากที่ได้รับทราบข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่า
ประธาน 6 ภาคยันไม่เห็นด้วย
ในส่วนของประธานจากลีกภูมิภาคทั้ง 6 ภูมิภาค ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดย อ.โสภิต ภาโนมัย ประธานศูนย์ฯ ภาคกลางและตะวันตก กล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ตัดสิทธิ์ทีมจากลีกภูมิภาค และนำไปเพิ่มให้กับทีมฟุตบอลสมัครเล่นอย่าง ถ้วยข, ค, ง เนื่องจากเห็นว่าร่างที่ฟีฟ่ากำหนดให้นั้นเกิดจากการออกแบบที่มีการวิเคราะห์ทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง ปัญหาต่างๆ มาเป็นอย่างดี
ด้าน เกรียงสิทธิ์ หนุ่มรักชาติ ประธานศูนย์ฯ โซนภาคเหนือ ก็แสดงความเห็นว่า เรื่องการตัดสิทธิ์ทีมในลีกภูมิภาค ตนไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะเชื่อว่าฟีฟ่าได้กำหนดอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว ไม่เกิดการได้เปรียบเสียบเปรียบกัน อีกทั้งยังสมเหตุสมผลอีกด้วย
ส่วน วิมล นับทอง รองประธานศูนย์ฯ โซนภาคใต้ ก็กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเลยกับการตัดเสียงให้เหลือแค่ 24 เสียง มองมุมไหนก็ไม่เกิดการพัฒนา ที่จริงลีกภูมิภาคควรได้ทั้ง 84 เสียงเลยด้วยซ้ำ แต่ว่า 30 เสียงก็ยังพอรับได้ ขณะที่ พิเชษฐ์ เกิดวิชัย ประธานศูนย์ โซนกรุงเทพฯ และภาคกลาง ชี้ว่าที่ฟีฟ่ากำหนดให้มี 30 เสียง เรารับข้อตกลงได้ เพราะลีกภูมิภาคถือเป็นทีมอาชีพแทบจะเต็มตัวแล้ว หลายๆ ทีมได้เริ่มมีการพัฒนาไปในทางที่ดีและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น จึงไม่ควรปรับลดจำนวนลง
ฝั่งนายวัฒนชนินท์ บุญศิริ ประธานศูนย์ฯ โซนภาคกลางและตะวันออกก็มองว่า มันเป็นการริดรอนสิทธิ์เกินไป 30 เสียงก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้เสนอเป็น 24 เสียงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไงกรณีแบบนี้ผมคิดว่าเราควรจะทำตามกฎของทางฟีฟ่าดีกว่า และปิดท้ายที่ นายสถาพร โคตรบุตร ประธานศูนย์ฯ โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เผยว่าฟุตบอลในลีกภูมิภาคกำลังพัฒนาไปได้ดี อยากจะให้ท่านผู้ใดที่ต้องการจะตัดเสียงให้เหลือ 24 เสียง ลองกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เรามีการบริหารจัดการตรงตามที่ฟีฟ่ากำหนดเอาไว้ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสโมสรอาชีพ แน่นอนผมขอสนับสนุนแนวทางสมาคมฟุตบอลฯ ให้ทำตามกฎระเบียบที่เป็นมาตรฐานสากลเท่านั้น
6ภาคไม่เห็นด้วยลดสิทธ์ด.2เหลือ24
ที่เอามาล งผมคัดมาเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตัวนายกฯส.บอล อย่างเดียวฮะ
ตัวแทนลีกภูมิภาคนำโดย นายวิมล กาญจนะ และ ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ พร้อมประธานศูนย์ฯ ทั้ง 6 ภาค ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะมาปรับลดจำนวนเสียงจาก 30 เสียงเหลือ 24 เสียงตามที่ฝ่ายของ ''บิ๊กก๊อง'' วิรัช ชาญพานิชย์ เสนอ บอกให้ฝ่ายคัดค้านหยุดสร้างเงื่อนไขและให้เดินเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งเสียที โดย ''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี เห็นด้วยแถมชี้จำนวน 30 เสียงที่ฟีฟ่ากำหนดยังน้อยไปด้วยซ้ำ ทั้งที่ควรจะได้มากกว่านี้ เนื่องจากลีกภูมิภาคที่แม้จะแข่งมาเพียง 5 ปี กับช่วยพัฒนาสังคมและวงการฟุตบอลหลายๆ ด้าน แถมแต่ละทีมก็ลงทุนกันเป็นหลักล้านในแต่ละปี ผิดกับทีมสมัครเล่นในฟุตบอลถ้วยที่แข่งปีละครั้งนั้น จึงมาเทียบไม่ได้ ให้ประธานศูนย์ฯทั้ง 6 ภาคลงนามถึงการไม่เห็นด้วยแจ้งต่อผู้แทนฟีฟ่าที่จะมาประชุมในวันที่ 23 ส.ค.นี้
ความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายหลังจากที่สโมสรสมาชิกได้ยกมือโหวตรับร่างธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าฝ่ายไม่เห็นด้วยได้ขอสงวนสิทธิ์ในข้อ 21 ถึงที่มาที่ไปของจำนวนเสียง
โดยเฉพาะที่มาจากตัวแทนลีกภูมิภาค ซึ่งทางด้าน "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ได้เสนอขอปรับลดจำนวนเสียงตัวแทนจากลีกภูมิภาค จาก 30 เหลือ 24 เสียง และเพิ่มเสียงของสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง เป็น 12 เสียงแทน โดยจะมีการนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 23 ส.ค.นี้ที่ รร.โกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน เวลา 14.00 น.
โดยจากการที่นำเสนอเรื่องของจำนวนเสียงออกมาดังกล่าว ทางด้านตัวแทนของสโมสรในลีกภูมิภาคที่มี นายวิมล กาญจนะ เป็นประธานก็คัดค้านทันที และไม่เห็นด้วยกันที่จะมาปรับลดเสียงจากลีกภูมิภาคออกไป ล่าสุด "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ไปร่วมการประชุมจัดการแข่งขันฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 รอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ได้ทำการชี้แจงว่า สิทธิ์ในการออกเสียงของลีกภูมิภาค ความจริงแล้วไม่ควรจะโดนตัดแต่อย่างใด เนื่องจากสโมสรเหล่านี้ทำกิจกรรมตลอดทั้งปี ผิดกับสโมสรจากฟุตบอลถ้วย ข, ค, ง ที่มีแข่งแค่ 1 เดือนต่อปี หรือบางทีมแข่งแค่ 1 ครั้งต่อปีเท่านั้นถือว่าต่างกันลิบลับ
"จุดยืนของฟีฟ่าที่กำหนดออกมา 30 เสียงให้กับสโมสรจากลีกภูมิภาค เราคิดว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ พวกเขามีทั้งสิ้น 84 ทีม ส่วนใหญ่ลงทุนทำทีมกันปีละหลายล้านบาท ซึ่งไม่ได้น้อยกว่าสโมสรที่เล่นอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก หรือดิวิชั่น 1 เลย เห็นสิ่งที่สโมสรเหล่านี้ทำแล้ว
สมควรที่จะต้องให้การสนับสนุนทีมที่อยู่ในลีกภูมิภาคให้มาก เนื่องจากสโมสรเหล่านี้ช่วยพัฒนาให้กับประเทศในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ, ชุมชน หรือท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเติบโตของลีกภูมิภาค ที่ได้รับการตอบรับได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ก่อตั้งมาได้เพียงแค่ระยะเวลา 5 ปี เท่านั้น
ลงนามเป็นหนังสือแจ้งฟีฟ่าไม่เห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝ่ายค้านจะยังยืนยันที่จะให้มีการใช้ 24 เสียงกับลีกภูมิภาคตามที่เสนอมา ทางสมาคมฟุตบอลฯ จะดำเนินการอย่างไร ทาง "บังยี" เผยว่าได้มีการหารือกับสภากรรมการและสโมสรต่างๆ จากลีกภูมิภาคแล้ว พร้อมกับทำการส่งหนังสือให้กับประธานศูนย์ฯ ทั้ง 6 ภูมิภาค
เพื่อให้ลงนามว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และส่งไปถึงคณะผู้แทนของฟีฟ่าก่อนจะประชุมในวันที่ 23 ส.ค. เพื่อตัดสินใจ เราต้องยอมรับว่าลีกภูมิภาค กำลังอยู่ในช่วงที่พัฒนาก้าวไปสู่อาชีพ นอกจากนี้ลีกภูมิภาคยังทำตามกรอบที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย และฟีฟ่าได้กำหนดขั้นตอนให้มีการพัฒนาทีมเพื่อก้าวไปสู่รูปแบบสากลอีกด้วย ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบลีกภายในประเทศที่ต้องพัฒนาควบคู่กับไปลีกใหญ่
"วิมล" ให้ฝ่ายค้านหยุดสร้างเงื่อนไข
โดยภายหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง นายวิมล กาญจนะ ประธานลีกภูมิภาค ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงจุดยืนในเรื่องนี้ พร้อมด้วย ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดการแข่งขันลีกภูมิภาค และประธานดูแลทีมในภูมิภาคทั้ง 6 ภาค ซึ่งนายใหญ่แห่งลีกรากหญ้าได้กล่าวว่า
"เราอยากจะทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้สมัครนายกสมาคมฟุตบอลที่นำโดย คุณวิรัช ชาญพานิชย์ ที่จะให้ลดจำนวนเสียงของลีกภูมิภาค ให้เหลือเพียง 24 เสียง จากทั้ง 6 ภาค ในฐานะของผู้บริหารเอไอเอส ลีกภูมิภาค เรายืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะทุกวันนี้ลีกภูมิภาค มีการจัดการแข่งขันกันเป็นลีกอาชีพ ซึ่งดำเนินกิจกรรมกันตลอดทั้งปี"
"เพราะฉะนั้นเราจึงขอวอนให้ คุณวิรัช ชาญพานิชย์ เห็นความสำคัญของทีมจากลีกภูมิภาคด้วย ที่ผ่านมาพวกเราพยายามจะไม่มีการโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น ทุกทีมเคารพในกฎ และอยู่ในกติกา ซึ่งในนามลีกภูมิภาคอยากจะขอขอบคุณทางฟีฟ่า ที่ให้สิทธิ์แก่ลีกภูมิภาคคัดเลือกผู้แทนมาออกเสียงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลตามธรรมนูญใหม่ด้วยถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องอย่างมาก"
นายวิมล กาญจนะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "เราอยากขอให้ คุณวิรัช ชาญพานิชย์ หยุดสร้างเงื่อนไข และเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ แบบจริงจังเสียที เพราะถ้ามีนโยบายที่อยากจะทำ ก็มาหาเสียงกันให้ถูกต้อง ทำไมต้องสร้างเงื่อนปมให้เกิดขึ้นมาตลอด ความจริงผู้ที่จะเข้ามารับสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ สมควรที่จะต้องรู้จักกฎและกติกาด้วย"
"วิชัย"ย้ำควรเพิ่มเสียงด้วยซ้ำไป
ส.ส.วิชัย ล้ำสุทธิ ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า พวกเราแม้ว่าจะเป็นทีมท้องถิ่นที่มาจากระดับรากหญ้า แต่การคัดเลือกเพื่อหาตัวแทน 5 เสียงในแต่ละภูมิภาค ทุกทีมมีความสามัคคี และมีจุดมุ่งหมายในการเฟ้นหาผู้แทนที่ดีที่สุดเป็นตัวแทนของภาคกันอยู่แล้ว ความจริงควรจะมีเสียงเพิ่มขึ้นจาก 30 เสียงด้วยซ้ำไป
แต่อยู่ดีๆ จะมาลดเสียงพวกเราลง ผมถือว่ามันไม่ยุติธรรมและทำให้เป็นการบั่นทอนกันลงเรื่อยๆ เนื่องจากเรื่องนี้เรามีการประชุมร่วมกันหลายครั้ง ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจากที่ได้รับทราบข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่า
ประธาน 6 ภาคยันไม่เห็นด้วย
ในส่วนของประธานจากลีกภูมิภาคทั้ง 6 ภูมิภาค ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน โดย อ.โสภิต ภาโนมัย ประธานศูนย์ฯ ภาคกลางและตะวันตก กล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอให้ตัดสิทธิ์ทีมจากลีกภูมิภาค และนำไปเพิ่มให้กับทีมฟุตบอลสมัครเล่นอย่าง ถ้วยข, ค, ง เนื่องจากเห็นว่าร่างที่ฟีฟ่ากำหนดให้นั้นเกิดจากการออกแบบที่มีการวิเคราะห์ทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง ปัญหาต่างๆ มาเป็นอย่างดี
ด้าน เกรียงสิทธิ์ หนุ่มรักชาติ ประธานศูนย์ฯ โซนภาคเหนือ ก็แสดงความเห็นว่า เรื่องการตัดสิทธิ์ทีมในลีกภูมิภาค ตนไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะเชื่อว่าฟีฟ่าได้กำหนดอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว ไม่เกิดการได้เปรียบเสียบเปรียบกัน อีกทั้งยังสมเหตุสมผลอีกด้วย
ส่วน วิมล นับทอง รองประธานศูนย์ฯ โซนภาคใต้ ก็กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเลยกับการตัดเสียงให้เหลือแค่ 24 เสียง มองมุมไหนก็ไม่เกิดการพัฒนา ที่จริงลีกภูมิภาคควรได้ทั้ง 84 เสียงเลยด้วยซ้ำ แต่ว่า 30 เสียงก็ยังพอรับได้ ขณะที่ พิเชษฐ์ เกิดวิชัย ประธานศูนย์ โซนกรุงเทพฯ และภาคกลาง ชี้ว่าที่ฟีฟ่ากำหนดให้มี 30 เสียง เรารับข้อตกลงได้ เพราะลีกภูมิภาคถือเป็นทีมอาชีพแทบจะเต็มตัวแล้ว หลายๆ ทีมได้เริ่มมีการพัฒนาไปในทางที่ดีและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น จึงไม่ควรปรับลดจำนวนลง
ฝั่งนายวัฒนชนินท์ บุญศิริ ประธานศูนย์ฯ โซนภาคกลางและตะวันออกก็มองว่า มันเป็นการริดรอนสิทธิ์เกินไป 30 เสียงก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้เสนอเป็น 24 เสียงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไงกรณีแบบนี้ผมคิดว่าเราควรจะทำตามกฎของทางฟีฟ่าดีกว่า และปิดท้ายที่ นายสถาพร โคตรบุตร ประธานศูนย์ฯ โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เผยว่าฟุตบอลในลีกภูมิภาคกำลังพัฒนาไปได้ดี อยากจะให้ท่านผู้ใดที่ต้องการจะตัดเสียงให้เหลือ 24 เสียง ลองกลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เรามีการบริหารจัดการตรงตามที่ฟีฟ่ากำหนดเอาไว้ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสโมสรอาชีพ แน่นอนผมขอสนับสนุนแนวทางสมาคมฟุตบอลฯ ให้ทำตามกฎระเบียบที่เป็นมาตรฐานสากลเท่านั้น