ไม่เข้าใจว่าเรื่องการคลุมผ้าฮิญาบ...
ของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่สถาบันการศึกษา
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องแก้ไขกฏระเบียบ เพื่อเป็นการเอาใจผู้เรียกร้องเชียวหรือ ?
คิด และมองในมุมแคบเกินไป หรือไม่ ?
เพราะความคิดเช่นนี้ มันกลายเป็นว่า เป็นการคิด การกระทำที่เอื้อประโยชน์เฉพาะตน
และเป็นการครอบงำ องค์กรโดยสิ้นเชิง
สังคมมนุษย์ เป็นสังคมที่มีกฏระเบียบ สถาบันต่างๆ มีกฏข้อบังคับ
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถาบัน ที่มุ่งให้บุคลากร มีความเป็นหนึ่งเดียว
การเคารพนับถือในศาสนาใดก็ตาม คนที่เคารพในศาสนานั้นๆ ย่อมต้องทำตามกฏระเบียบที่ศาสนากำหนดไว้
และทุกคนก็ทำตามโดยไม่ละเมิดแห่งกฏนั้น
เป็นสิ่งที่ดีงามพึงปฏิบัติ
การที่ปฏิบัติตามกฏของศาสนาแห่งตนอย่างเหนียวแน่น
แต่ไม่ยอมรับ กฏระเบียบของสังคมส่วนรวม ...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
ก่อนที่ เรา จะเข้าสู่สังคมส่วนรวม เรา ย่อมรู้ดีอยู่แล้วถึงกฏระเบียบที่มีอยู่
ถ้าเราเห็นว่า ไม่สามารถยอมรับได้ ปฏิบัติตามกฏระเบียบของส่วนรวมไม่ได้
แล้วเราเข้าไปในสังคมนั้นทำไม ?
เมื่อเข้าไปแล้ว รับไม่ได้ แล้วไปขอเปลี่ยน ขอเพิ่มกฏระเบียบที่มีอยู่ ให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
การกระทำแบบนี้ คืออะไร? ถ้าไม่ใช่เพื่อตนเอง เพื่อผลประโยชน์แห่งตนเอง
ให้ความเคารพต่อสถาบันหนึ่ง แต่ไปละเมิดกฏระเบียบอีกสถาบันหนึ้ง
เพื่อแสดงออกให้สังคมรับรู้ว่า ตนเอง มีสังคมของตนเป็นการเฉพาะ
การกระทำแบบนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะนักเรียนโรงเรียนวัดหนองจอกเท่านั่น
ยังรวมไปถึงการเข้ารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการร้องขอ ยื่นข้อเสนอเช่นเดียวกัน
สถาบัน มีกฏระเบียบปฏิบัติเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า สถาบันแห่งนี้ มีเครื่องแบบ เครื่องแต่งกายแบบนี้
และตนเองก็ยอมรับแต่แรกเข้า ว่าเมื่อเข้ารับราชการแห่งนี้ ต้องแต่งเครื่องแบบอย่างนี้
แ่ต่ครั้นระยะเวลาผ่านไป กลับยื่นข้อเสนอ ขอเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบ เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่
ขอให้มีการแต่งกายตามระเบียบแบบแผนที่ศาสนาของตนกำหนดกฏระเบียบไว้ (และมีการสนองตอบเรียบร้อย)
ตำรวจหญิงมุสลิมคลุมผ้าฮิญาบได้ !
เชื่อได้ว่า การสนองตอบจากสถาบัน เกิดจากการกดดัน จากองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่างแน่นอน
เพราะลำพังการเรียกร้องของบุคคล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการสนองตอบโดยรวดเร็ว
โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีทางที่ผู้บังคับบัญชา จะตามใจผู้ใต้บังคับบัญชา
ถึงขนาดให้มีเครื่องแบบเฉพาะตนได้...
มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้ถูกกดดัน !
คิดกันอย่างไร ที่ไปยื่นข้อเสนอ แกมบังคับ ให้สถาบันต้องเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบเดิมที่มีอยู่
ให้เป็นไปตามกฏระเบียบของศาสนาแห่งตน
การนับถือศาสนา อยู่ที่ใจ หรือ อยู่ที่การแสดงออกทางการแต่งกาย ?
ผู้ที่นับถือศาสนาหนึ่ง มีกฏระเบียบ มีข้อห้ามในการประพฤติปฏิบัติ มีสังคมของตนเอง ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร
ก็ไม่เกิดการกระทบกับสังคมของศาสนาอื่น ไม่เกิดการลักลั่น กระทบกฏระเบียบของสังคมโดยรวม
แต่ถ้าปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในกฏระเบียบของสังคมแห่งตน แต่ไปละเมิดกฏระเบียบของสังคมส่วนรวม
ใช้อำนาจ อิทธิพลขององค์กร กดดันให้มีการยอมรับ อย่างที่ทำอยู่นี้...
คิดกันอย่างไรหรือ ?...มุสลิม !!
============กฏระเบียบของสังคม กำลังถูกทำลายความชอบธรรม=============
ของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม เป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่สถาบันการศึกษา
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องแก้ไขกฏระเบียบ เพื่อเป็นการเอาใจผู้เรียกร้องเชียวหรือ ?
คิด และมองในมุมแคบเกินไป หรือไม่ ?
เพราะความคิดเช่นนี้ มันกลายเป็นว่า เป็นการคิด การกระทำที่เอื้อประโยชน์เฉพาะตน
และเป็นการครอบงำ องค์กรโดยสิ้นเชิง
สังคมมนุษย์ เป็นสังคมที่มีกฏระเบียบ สถาบันต่างๆ มีกฏข้อบังคับ
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถาบัน ที่มุ่งให้บุคลากร มีความเป็นหนึ่งเดียว
การเคารพนับถือในศาสนาใดก็ตาม คนที่เคารพในศาสนานั้นๆ ย่อมต้องทำตามกฏระเบียบที่ศาสนากำหนดไว้
และทุกคนก็ทำตามโดยไม่ละเมิดแห่งกฏนั้น
เป็นสิ่งที่ดีงามพึงปฏิบัติ
การที่ปฏิบัติตามกฏของศาสนาแห่งตนอย่างเหนียวแน่น
แต่ไม่ยอมรับ กฏระเบียบของสังคมส่วนรวม ...ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?
ก่อนที่ เรา จะเข้าสู่สังคมส่วนรวม เรา ย่อมรู้ดีอยู่แล้วถึงกฏระเบียบที่มีอยู่
ถ้าเราเห็นว่า ไม่สามารถยอมรับได้ ปฏิบัติตามกฏระเบียบของส่วนรวมไม่ได้
แล้วเราเข้าไปในสังคมนั้นทำไม ?
เมื่อเข้าไปแล้ว รับไม่ได้ แล้วไปขอเปลี่ยน ขอเพิ่มกฏระเบียบที่มีอยู่ ให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
การกระทำแบบนี้ คืออะไร? ถ้าไม่ใช่เพื่อตนเอง เพื่อผลประโยชน์แห่งตนเอง
ให้ความเคารพต่อสถาบันหนึ่ง แต่ไปละเมิดกฏระเบียบอีกสถาบันหนึ้ง
เพื่อแสดงออกให้สังคมรับรู้ว่า ตนเอง มีสังคมของตนเป็นการเฉพาะ
การกระทำแบบนี้ไม่ใช่แต่เฉพาะนักเรียนโรงเรียนวัดหนองจอกเท่านั่น
ยังรวมไปถึงการเข้ารับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการร้องขอ ยื่นข้อเสนอเช่นเดียวกัน
สถาบัน มีกฏระเบียบปฏิบัติเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า สถาบันแห่งนี้ มีเครื่องแบบ เครื่องแต่งกายแบบนี้
และตนเองก็ยอมรับแต่แรกเข้า ว่าเมื่อเข้ารับราชการแห่งนี้ ต้องแต่งเครื่องแบบอย่างนี้
แ่ต่ครั้นระยะเวลาผ่านไป กลับยื่นข้อเสนอ ขอเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบ เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่
ขอให้มีการแต่งกายตามระเบียบแบบแผนที่ศาสนาของตนกำหนดกฏระเบียบไว้ (และมีการสนองตอบเรียบร้อย)
ตำรวจหญิงมุสลิมคลุมผ้าฮิญาบได้ !
เชื่อได้ว่า การสนองตอบจากสถาบัน เกิดจากการกดดัน จากองค์กรใดองค์กรหนึ่งอย่างแน่นอน
เพราะลำพังการเรียกร้องของบุคคล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการสนองตอบโดยรวดเร็ว
โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีทางที่ผู้บังคับบัญชา จะตามใจผู้ใต้บังคับบัญชา
ถึงขนาดให้มีเครื่องแบบเฉพาะตนได้...
มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้ถูกกดดัน !
คิดกันอย่างไร ที่ไปยื่นข้อเสนอ แกมบังคับ ให้สถาบันต้องเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบเดิมที่มีอยู่
ให้เป็นไปตามกฏระเบียบของศาสนาแห่งตน
การนับถือศาสนา อยู่ที่ใจ หรือ อยู่ที่การแสดงออกทางการแต่งกาย ?
ผู้ที่นับถือศาสนาหนึ่ง มีกฏระเบียบ มีข้อห้ามในการประพฤติปฏิบัติ มีสังคมของตนเอง ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร
ก็ไม่เกิดการกระทบกับสังคมของศาสนาอื่น ไม่เกิดการลักลั่น กระทบกฏระเบียบของสังคมโดยรวม
แต่ถ้าปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในกฏระเบียบของสังคมแห่งตน แต่ไปละเมิดกฏระเบียบของสังคมส่วนรวม
ใช้อำนาจ อิทธิพลขององค์กร กดดันให้มีการยอมรับ อย่างที่ทำอยู่นี้...
คิดกันอย่างไรหรือ ?...มุสลิม !!