มีคนมาขออาศัยที่บ้านเรา แล้วมาทำแบบนี้กับหมาเรา เค้านิสัยไม่ดีหรือเราเห็นแก่ตัวเกินไปคะ

สวัสดีค่ะ ขอความเห็นหน่อยค่ะว่าเราเห็นแก่ตัวเกินไป หรือคู่กรณีเรานิสัยไม่ดีเองคะ
(ยาวหน่อยนะคะ แต่สาระแน่น 55555)

พี่สาวคนละพ่อของสามี ซึ่งไม่สนิทกับสามีเลย มาขออาศัยอยู่บ้านเราซักพักนึง เนื่องจากตัวเค้าทะเลาะกับสามีเค้าเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน เค้าเลยคิดว่าถ้าได้แยกกันอยู่ซักพักอะไรๆอาจจะดีขึ้น โดยที่หอบลูกชายวัยสี่ขวบมาด้วย พร้อมหมาแก่อายุสิบสองขวบหนึ่งตัว พันธุ์เล็ก

บ้านเราไม่ใหญ่มาก อยู่กันสองคนสามีและเรา และหมาน้อยหนึ่งตัวอายุไม่ถึงหนึ่งขวบดี เป็นพันธุ์เล็ก วัยกำลังซนมาก อยากจะเล่นตลอดเวลา แต่ไม่แทะข้าวของนะคะ เราเทรนให้มันขับถ่ายนอกบ้านห้ามขับถ่ายในบ้านเด็ดขาด และมันเชื่อฟังคำสั่งดีค่ะ ฟังคนพูดรู้เรื่อง ไม่ดุไม่ก้าวร้าว เพียงแต่อยากจะเล่นตลอด ต้องการให้คนเล่นด้วยตลอด ชอบเอาของเล่นมาวางแหมะไว้ตรงหน้าคนอยากให้คนเล่นด้วย ถ้าคนไม่สนใจก็จะนั่งจ้องหน้าอยู่อย่างนั้น และเรารักหมาเรามากเหมือนลูก แต่ถ้ามันทำผิดเราฟาดก้นแน่นอน ไม่ตามใจค่ะ เราสอนให้มันอยู่ในระเบียบวินัย (เราเลี้ยงแบบอิงกฏจ่าฝูง) ถ้ามันทำตัวไม่ดีเราไม่เข้าข้างค่ะ อันนี้ต้องบอกก่อนเพราะเรื่องต่อไปนี้จะเกี่ยวกับหมาเราล้วนๆค่ะ

ตอนเค้าโทรมาหา สามีไม่ค่อยอยากให้อยู่ บอกเราว่าพี่สาวนิสัยไม่ค่อยดี ชอบเอาแต่ใจ ทั้งๆที่อายุสามสิบสี่ปีแล้วแต่ยังชอบเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ และเค้าสองคนก็ไม่สนิทกัน จริงๆก็เคยสนิทกันแต่ห่างๆกันไปด้วยอะไรหลายๆอย่าง เวลาสามีเดือดร้อนอะไรหรือไม่เดือดร้อนอะไรแค่อยากโทรไปถามไถ่พี่สาว พี่สาวไม่เคยรับโทรศัพท์ ไม่เคยโทรกลับ ไม่เคยติดต่อกลับมา จนกว่าจะมีเรื่องอะไรที่ตัวเองจะได้ประโยชน์จากการคุยกับสามีเราถึงจะติดต่อมา(อันนี้เราเคยเห็นเองหลายครั้งอยู่) สามีเราเลยไม่ค่อยอยากให้ความช่วยเหลือเท่าไหร่ แต่เราด้วยความเป็นเมียและอยากมีน้ำใจกับทุกคนในครอบครัวของสามี (นึกออกมั้ยคะอารมณ์แบบว่าฉันอยากทำดีกับทุกคนในครอบครัวสามีเพราะเค้าเป็นครอบครัวของฉันแล้วเหมือนกัน) ก็เลยโน้มน้าวใจสามีว่าเอาหน่า ถือว่าช่วยเหลือกัน อย่างน้อยเค้าก็เป็นพี่สาวเรา(คนละพ่อ แม่สามีหย่ากับพ่อของพี่สาวแล้วแปดปีต่อมาแต่งงานใหม่กับพ่อของสามี สามีเลยอายุห่างกับพี่สาวมากอยู่) สามีก็เลยใจอ่อน เราทั้งคู่ก็หวังว่าการมาอยู่ของพี่สาวครั้งนี้อาจจะเป็นการทำให้สองพี่น้องได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ที่ผ่านมาเราได้คลุกคลีกับพี่สาวและหลานบ้างตามงานรวมญาติปีละครั้งสองครั้ง ก็คุยกันพอผิวเผินค่ะ ไม่ได้สนิทกันมาก แต่เรากับหลาน(ลูกพี่สาว)เข้ากันได้ดี

ตอนคุยกันทางโทรศัพท์ พี่สาวก็บอกว่าจะเอาลูก(ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว) และหมามาด้วย เพราะสามีพี่สาวไม่สนใจใยดีหมาเลย (หมาตัวนี้พี่สาวเลี้ยงมาก่อนจะแต่งงานกับสามีเค้า พอแต่งงานมีลูกแล้วทั้งคู่ก็ไม่ค่อยใยดีหมา หันมาดูแลลูกแทน ส่วนหมาระเห็จไปกินนอนที่สวนหลังบ้านค่ะ นานๆจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในบ้านที) เราก็พูดไปตามมารยาทกึ่งๆรู้สึกยินดีต้อนรับเค้าจริงๆว่าจะมาอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้ บ้านเราก็เหมือนบ้านเธอ ให้เค้าสบายใจ เพราะคิดว่าเค้าทะเลาะกับสามีก็ต้องการกำลังใจ ต้องการที่พึ่งทางใจ พี่สาวเค้าก็ขอบคุณเรา

พอมาถึงจริงๆ พี่สาวเอาของมาเยอะมากกกกกก เหมือนจะย้ายบ้าน เอาของเล่นของลูกมาสองลังใหญ่ (ลังสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งใหญ่และยาวมาก) มีฟูกนอน หมอน เตียงเสริมพับได้ของลูกชาย ฯลฯ ไอเราก็ตกใจแต่ไม่แสดงออก เราก็ต้อนรับเค้าอย่างดี ทีนี้เราก็จัดแจงว่าให้เค้าเอาของอันไหนไปไว้ตรงไหน ห้องไหน อะไรยังไง ก็ช่วยเค้าขนของค่ะ (สามีเราไปทำงานค่ะ เราเป็นแม่บ้าน) พอทุกอย่างเสร็จก็เหลือเจ้าหมาชราของเค้า ที่ต้องนอนในห้องครัวกับหมาเรา คือเราให้หมาเรานอนในห้องครัวค่ะ มีเตียงนอนให้ในกรง(แต่ไม่ปิดกรง หมาเรามันรู้สึกปลอดภัยที่นอนในกรง แต่อย่าปิดประตูกรงก็พอ) และเอารั้วกั้นทางเข้าห้องครัว นึกออกมั้ยคะ ไม่งั้นพี่แกจะแอบขึ้นโซฟาตอนทุกคนหลับค่ะ ซึ่งเราไม่อนุญาตให้นอนบนโซฟา เราก็บอกพี่สาวว่าให้หมาพี่นอนกะหมาเราก็ได้ (มันเข้ากันได้ดีค่ะเพียงแต่หมาแก่ของพี่จะออกแนวขอนอนเฉยๆทั้งวัน ส่วนหมาเราจะคอยไปกระดิกหางตามติดเค้า อยากให้เค้าเล่นด้วย แต่เค้าไม่เล่นด้วย หมาเราก็จะล้อมหน้าล้อมหลังเค้ากระดิกหางชวนเล่น) พี่เค้าก็โอเค เพราะปกติพี่เค้าก็ไม่ให้หมาแม้แต่จะเข้ามานอนในบ้านด้วยซ้ำ

เกริ่นมาเยอะ ตอนนี้กำลังจะเข้าเรื่องแล้วค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า (ขอต่อข้างล่างนะคะ)
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. พอถึงเวลาให้อาหารหมา(อาหารเม็ด) พี่เค้าก็ตักอาหารเม็ดของหมาเค้าที่เค้าเตรียมมาใส่ชามให้หมาเค้า ทีนี้พี่สาวเห็นว่าหมาเรากินอาหารเม็ดยี่ห้อดี(ถุงนึงแพงมากค่ะแต่ตัดใจซื้อ) ส่วนผสมอาหารดีกว่าของหมาเค้ามาก (ส่วนผสมของอาหารหมาเค้าแย่มากค่ะ อาหารเป็นแบบถูกมากๆ) เค้าก็เทอาหารหมาเค้ากลับเข้าถุงเค้า แล้วมาขออาหารหมาของเราแทนค่ะ ซึ่งเราก็แบบว่านะ เอ่อ ก็ได้ เอ้า เราควรมีน้ำใจ แค่อาหารหมาเอง เค้าก็เอาช้อนตวงตักอาหารในถุงของเราใส่ชามหมาเค้า แล้วก็ถุงพลาสติกมาใบนึง ตักอาหารหมาของเราใส่ไปในถุงนั้น ซึ่งมันเยอะอ่ะค่ะ เค้าตักเอาไว้สำหรับมื้อต่อๆไป เราก็อึ้งๆนะคะแต่ไม่ได้พูดอะไร
แล้วหมาเรามันเห็นว่าเป็นอาหารมันค่ะ มันก็วิ่งมาจะกินอาหารจากชามหมาของพี่สาว พี่สาวใช้มือเกี่ยวปลอกคอหมาเราแล้วลากหมาเราออกจากชามข้าวหมาเค้าแล้วลากเข้ากรง กำลังจะปิดประตูกรงละเราพูดขึ้นเลยว่าไม่ต้องค่ะ มันถึงเวลากินอาหารแล้วเหมือนกัน เค้าก็เลยปล่อยหมาเรา แล้วให้หมาเค้ากินอาหาร ส่วนเราก็เคืองค่ะ ก็เรียกหมามากินอาหารที่ชามมัน มันก็ดูงงๆ มีเหลือบมองหมาพี่สาวว่าทำไมกินอาหารมัน อันนี้ประเด็นที่หนึ่งค่ะ

2. จากเรื่องอาหารหมา จากนั้นพี่สาวก็เอาอาหารหมาของเราให้หมาเค้ากินตลอดทุกมื้อ อาหารหมาของตัวเองที่เอามาไม่เคยใช้อีกเลย มีวันนึงพี่สาวไม่อยู่บ้าน เราให้อาหารหมาเค้ากับหมาเค้า ปรากฏว่าหมาเค้าไม่ยอมกินอาหารตัวเอง แต่พอให้อาหารหมาเรา หมาเค้ารีบกิน เราก็เซ็งค่ะ คือเราก็ไม่ได้รวยอะไรมาก อาหารหมาราคาแพงซื้อมาถุงนึงอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าค่ะ แต่นี่พี่สาวตักออกไปเยอะมาก มันจะอยู่ไม่ถึงเดือนอ่ะค่ะ เราก็นอยๆ แต่ก็คิดว่า เออน่ะอย่างกๆๆ มีน้ำใจๆๆ สงสารหมามันไม่อยากกินอาหารเดิมมันแล้วเพราะอาหารมันห่วย ก็ทำใจค่ะ และได้เกริ่นๆกับพี่สาวเหมือนกันว่าไปซื้ออาหารแบบนี้ให้หมาสิ หมามันชอบ พี่สาวก็บอกว่าฉันรู้ แต่มันแพงไปน่ะ ตึงงงงง เลยมาใช้ฟรีที่ของเราใช่มั้ยเนี่ย

3. หมาของพี่สาวเนื่องจากแก่มากแล้วก็เลยมีอาการฉี่ราดเป็นพักๆค่ะ พี่สาวก็ใส่แพมเพิสให้หมา(น่ารักดี) แล้วเปลี่ยนทุกๆสองชั่วโมงอะไรก็ว่าไป ทีนี้เวลาหมามันหิวน้ำ มันเดินมากินน้ำ พี่สาวจะเดินมาไล่มันค่ะ บอกว่าอย่ากินน้ำ เดี๋ยวก็ฉี่อีกหรอก แล้วก็เอาชามน้ำขึ้นมาวางบนเค้าเตอร์ค่ะ ซึ่งชามน้ำมีใบเดียว หมาเรากับหมาเค้ากินด้วยกัน พอเค้าเอาขึ้น หมาเราเล่นเสร็จชอบวิ่งมากินน้ำ ไม่มีน้ำให้กิน นั่งเอ๋อเลย พอเรามาเห็นเราก็รีบเอาน้ำให้มันกิน มันก็กินเยอะมากๆๆๆ เราก็เลยปล่อยชามน้ำไว้อย่างนั้น แต่พอพี่สาวมาเห็นพี่สาวรีบเอาขึ้นอีก บอกว่าเดี๋ยวหมาเค้าฉี่ราด เราก็บอกเค้าว่าขอโทษนะแต่หมาเราต้องกินน้ำ เค้าก็วางชามน้ำไว้ตามเดิมแล้วทำท่าไม่พอใจค่ะ เค้าเงียบๆไม่ได้พูดอะไร แค่เดินจากไป
ทีนี้เราก็แอบสงสารหมาเค้า เลยแอบให้มันกินน้ำเวลาพี่สาวพาหลานไปโรงเรียน หมามันก็กินน้ำเยอะมากกกก คือกินน้ำเป็นเกือบนาทีๆเลย เราก็แบบ อ่าวซวยแล้วตรู แต่มันใส่แพมเพิสนี่หว่าไม่เป็นไร แล้วพอมันฉี่ราดเราเห็นแพมเพิสมันตุงๆ เราก็จะเปลี่ยนให้ค่ะ จากนั้นมาเราเลยเชี่ยวชาญ เปลี่ยนแพมเพิสให้มันบ่อย ทีนี้พี่สาวเห็นแบบนี้เลยปล่อยเลยค่ะ ปล่อยให้เราทำประหนึ่งว่าหมาเค้าเป็นหมาเรา ส่วนเค้าเลิกสนใจหมาทันที เวลาให้ข้าวหมาเราก็ให้พร้อมๆกันทั้งหมาเค้าหมาเรา กินข้าวเสร็จมันต้องออกไปขับถ่ายเราก็พามันออกไปพร้อมกัน เก็บอึมันไปทิ้งพร้อมกัน(ที่นี่ถ้าไม่เก็บ โดนปรับ) กลายเป็นหน้าที่เราเลยค่ะ แต่เราก็โอเคนะคะเพราะสงสารหมา หมามันไม่รู้เรื่องด้วย มันหิวมันก็ต้องกิน มันปวดอึมันก็ต้องอึ เราก็ทำใจค่ะ แต่มีเคืองบ้างที่ทำไมปัดความรับผิดชอบแบบนี้
ส่วนเวลาเรากับสามีต้องออกไปซื้อของเข้าบ้าน พี่สาวจะให้ข้าวหมาเฉพาะหมาเค้า ไม่ให้หมาเรา รอให้เรากลับมาให้เอง และไม่พาหมาเราออกไปฉี่ พาแต่หมาตัวเองไปเดินเล่น แบบนี้เสมอค่ะ สามีเราไม่พอใจอย่างมากแต่เค้าเป็นคนไม่ชอบพูดอะไรแรงๆ เค้าแค่พูดเรียบๆขอว่าถ้าเราไม่อยู่ ช่วยทำให้ด้วยได้มั้ย พี่สาวก็ตอบรับแบบแกนๆค่ะ แล้วก็ทำให้ค่ะ ไม่รู้ทำให้จริงรึเปล่านะคะแต่เค้าจะคอยบอกว่าเค้าทำให้แล้วนะ

4. ลูกชายเค้าวัยสี่ขวบชอบวิ่งไปรอบๆบ้าน วิ่งไปส่งเสียงร้องหัวเราะคิกคักไป หมาเรามันเห็นมันก็คึกค่ะ อยากเล่นด้วย มันเลยวิ่งตามค่ะ แล้วก็ส่งเสียง แฮ่กๆๆๆ พอลูกชายเค้าหยุดวิ่ง หมาเรามันก็ตะกายลูกเค้าค่ะ (ความสูงของเด็กเวลาโดนหมาตะกาย เท้าหน้าหมาจะอยู่ที่สะดือเด็กค่ะเพราะลูกเค้าตัวโตและหมาเราพันธุ์เล็กและยังเด็กมาก) ทีนี้ลูกเค้าก็จะเตะหมาเราออกค่ะ หมาเรามันก็ยังนึกว่าเค้าเล่นด้วย มันก็วิ่งไปล้อมหน้าล้อมหลังเค้า ลูกเค้าก็จะตะโกนว่าออกไป! ออกไป! เราก็จะดุหมาและไล่ให้มันไปที่อื่น แล้วพี่สาวซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะสอนลูกว่าหมาแค่อยากเล่นด้วย ทีหลังถ้าไม่อยากให้หมามายุ่งก็อย่าวิ่งสิ วิ่งแล้วหมามันก็อยากเล่นด้วย ลูกก็บอกว่าหมาวิ่งไล่กัดเค้า พี่สาวก็บอกลูกว่าไม่ได้จะกัดหรอก มันแค่อยากเล่นด้วย (คือลูกเค้าโตมาโดยที่หมาของพี่สาวแก่แล้วและอยู่แต่สนามหลังบ้าน ลูกเค้าเลยไม่ได้มีประสบการณ์คลุกคลีกับหมาเท่าไหร่)
เราก็รู้สึกดีค่ะที่พี่สาวสอนลูกแบบนี้ แปลว่าพี่สาวเค้าเข้าใจธรรมชาติของลูกหมา แต่!!!! วันต่อมา แม่สามีโทรมาค่ะ ถามว่าได้ข่าวว่าหมาเราก้าวร้าวหรอ พี่สาวบอกว่าหมาเราไล่กัดลูกเค้า แม่สามีไม่เชื่อเพราะเวลามาเล่นกับหมาเราหมาเราเป็นมิตรมาก เรานี่ทั้งงงทั้งปรี๊ดค่ะ อะไรฟระเมื่อวานต่อหน้าเราสอนลูกซะดิบดีว่าหมาแค่อยากเล่นด้วย ถ้าไม่อยากให้เล่นด้วยก็อย่าวิ่งแบบนั้น แต่ทำไมไปบอกแม่ว่าหมาเราก้าวร้าวไล่กัดลูกเค้า เหอๆๆๆ ชักเริ่มเข้าใจที่สามีพูดละว่าทำไมถึงไม่ชอบพี่สาว เราก็อธิบายให้แม่สามีฟังไปค่ะ แม่สามีก็บอกว่าฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ แล้วจากนั้นเราก็มาถามพี่สาวเลยค่ะว่าเมื่อวานเธอคิดว่าหมาของฉันจะกัดลูกเธอมั้ย เค้าตอบว่าไม่นี่ ทำไมหรอ เราเลยเล่าเลยว่าแม่โทรมาว่ายังไง พี่สาวก็พยายามรีบแก้ตัวใหญ่พูดจาไม่เป็นคำเลยค่ะ อะๆเอ่อๆ ไม่ๆ ทำไมแม่พูดงั้น อะไรแบบนี้ค่ะ เราก็เซ็งค่ะแต่ไม่อยากมีปัญหา ก็เลยบอกเค้าว่า โอเค ไม่เป็นไร ช่างมัน แต่ในใจนี่ เธอคนนี้ยังไงกันแน่เนี่ย และประเด็นนี้ก็จบไปค่ะ

5. ลูกชายเค้าชอบแอบเตะหมาเราค่ะ เราหันไปเห็นพอดีเห็นกับตาตัวเองไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว และได้เตือนเค้าเองแล้วเค้าก็ยิ้มๆแบบเจ้าเล่ห์ค่ะ เตือนเค้าต่อหน้าพี่สาวด้วย พี่สาวก็ดุลูกค่ะ แต่ไม่รู้ว่าลับหลังจะแอบไปหัวเราะสะใจกันรึเปล่านะคะ รู้สึกไม่ไว้ใจแล้วค่ะ และเราสอนหมาคำว่า "ไปเข้ากรง" เวลาก่อนนอนค่ะ ถ้าพูดคำนี้หมาจะเดินไปเข้ากรงค่ะ แต่เราไม่ปิดกรงใช่มั้ยคะ แล้วหลานเราก็เอามาพูดกับหมาเราในช่วงตอนกลางวันค่ะ หมาเราก็เดินไปเข้ากรง แล้วหลานก็จะปิดกรงขังหมาไว้ หมาเราก็งงๆค่ะ เราก็ยืนดูอยู่ว่าหลานจะทำอะไรต่อ แล้วหลานก็เปิดกรงค่ะแล้วบอกให้หมาออกมา หมาเราก็ออกมา ยืนงง หลานก็บอกให้มันกลับไปเข้ากรงอีก หมาเราก็ไปเข้ากรงอีกแล้วก็โดนขังซักอึดใจนึง แล้วหลานบอกให้ออกหมาก็ออกมาใหม่ แบบนี้ค่ะ เราเลยบอกหลานว่าอย่าทำแบบนี้หมามันงง แต่เค้าก็ยังทำทุกครั้งค่ะ แม่เค้าไม่ห้ามด้วย
เราโกรธหลานมากแต่เราก็ยังทำดีกับเค้านะคะ คือไม่ได้เก็บมาเคียดแค้นแล้วลงที่เค้า เวลาเล่นกับเค้าหรือเฝ้าเค้าตอนพี่สาวไม่อยู่ เราก็ไม่เคยดุด่าว่าร้ายหรือทำร้ายร่างกายแกล้งเค้ากลับที่ทำกับหมาเราค่ะ เพราะเราคิดว่าถ้าเราทำครั้งนึงคงเป็นเรื่องใหญ่เลยแล้วมันจะไม่คุ้มกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เลยสะกดอารมณ์ไว้

6. พี่สาวคุยโทรศัพท์กับสามีเค้าทุกวัน ทะเลาะกันทางโทรศัพท์ทุกวัน ตะโกนด่าสามีใส่โทรศัพท์ทุกวัน เรากับลูกชายเค้าก็นั่งฟังค่ะ แต่เราจะพยายามหลอกล่อให้ลูกเค้าทำอย่างอื่นแทนที่จะตั้งใจฟังว่าแม่พูดอะไร พี่สาวมีอาการหดหู่ซึมเศร้าบ่นบ้างว่าไม่อยากอยู่แล้ว หาทางออกไม่เจอ(ไปหาจิตแพทย์หลายที่แล้วไม่หาย หมอให้ยามาไม่เคยกิน บอกแต่ว่าต้องแก้ที่ต้วสามี แต่สามีไม่ให้ความร่วมมือ ทุกวันนี้อยู่กันเพราะลูกค่ะ) และชอบตวาดลูกด้วยค่ะ ดราม่ากันแทบทุกเช้ากะแค่ตอนจะอาบน้ำไปโรงเรียน
แล้วบ้านที่เคยสงบเงียบของเรากับสามีและหมาหนึ่งตัว ก็มีอันกลายเป็นบ้านที่มีแต่เสียงตะโกนกีดร้อง(ของลูกเค้าเวลาแม่ขัดใจ) ทำให้สามีเราไม่อยากอยู่บ้าน(สามีก็ไม่ยอมบอกพี่สาวตรงๆ เราว่าลึกๆเค้าก็คงเห็นใจพี่สาว แต่ไม่อยากทน) และเหตุการณ์นี้ก็กระทบต่อหมาเราค่ะ หมาเราเริ่มมีอาการเครียดค่ะ (เคยเป็นมาก่อนตอนอยู่บ้านเก่าแล้วข้างบ้านต่อเติมบ้านเสียงดัง) พอมันเครียดตามันจะเริ่มแดงค่ะ สัตวแพทย์บอกว่ามันเซ้นสิทีฟแล้วความดันขึ้นไปที่เส้นเลือดตาทำให้ตาแดง และสิ่งที่ตามมาคือหมาเราจะท้องเสียค่ะ(เคยเป็นมาก่อน แต่อาการนี้หายไปนานแล้วเพราะเรากับสามีจับจุดได้ว่าอะไรจะทำให้มันเครียด ก็จะหลีกเลี่ยงค่ะ เอาอึมันไปตรวจแล้วไม่พบเชื้อโรคที่ทำให้ท้องเสียงซักอย่างค่ะ สัตวแพทย์เลยบอกว่าเป็นเพราะเครียด เกิดได้กับหมาบางตัว)
สุดท้ายหมาเราก็อึแตกจริงๆค่ะ แล้วอึแตกแต่ละครั้งจะทุกๆชั่วโมงนะคะ เป็นเวลาติดต่อกันห้าวันห้าคืน(เป็นปกติของมัน ทำใจแล้วค่ะ ตื่นกลางดึกมาพามันออกไปอึทุกคืน ทุกๆสองสามชั่วโมง) เราก็เหนื่อยอีกค่ะ หมาอุตส่าห์ไม่เป็นมานานแล้ว พอมาเป็นอีกเรายิ่งโมโหพี่สาวกับลูกค่ะ แต่ก็ยังไม่แสดงออกโจ่งแจ้งอยู่ดีค่ะ คิดว่าเค้าคงจะอยู่อีกไม่นานน่ะ และช่วงที่อึแตกหมาเราก็ซึมค่ะ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ยกเว้นเรากับสามี ถ้าพี่สาวหรือลูกเข้าใกล้ หมาเราจะเดินหนีก่อนค่ะ ถ้าลูกเค้ายังมาต้อนหมาเรา หมาเราจะแยกเขี้ยวเลยค่ะ พี่สาวเลยบอกว่าหมาเราก้าวร้าวมาก หมาแบบนี้ไม่ควรเก็บไว้นะ หมาเค้าอยู่กับเค้ามาสิบกว่าปีไม่เคยมีซักครั้งเลยที่ขู่แยกเขี้ยวใส่เค้าหรือลูก เราก็แบบ เหอๆๆ ก็มันเครียด อย่าไปยุ่งกับมันสิ เค้าก็ดูไม่พอใจเราค่ะ เค้าบอกรู้สึกไม่ปลอดภัยละที่จะปล่อยให้ลูกอยู่ห้องเดียวกับหมาเรา (ปกติหมาเราเข้าออกได้ทุกที่ในบ้านค่ะ เลี้ยงแบบเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว) เค้าเลยแสดงอาการแบบว่าพูดประชดเราว่าคงต้องขังลูกเค้าให้เล่นอยู่แต่ในห้องนอนละมั้ง กลัวหมาเรากัดลูกเค้า เราก็ทำเป็นหูทวนลมค่ะ เอือมระอา

7. หมาเราจะดีใจเวลาเห็นคนกลับมาบ้านค่ะ เวลาพี่สาวกับหลานกลับมาบ้าน หมาเราจะวิ่งไปพันแข้งพันขา หลานก็จะเตะหมาออก ส่วนพี่สาวก็จะตวาดหมาเราว่าไปให้พ้น! เราฟังแล้วก็รู้สึกแย่นะคะนี่มันบ้านเรา แต่เราก็เข้าใจค่ะ เราก็จะมาอุ้มหมาออกไปพ้นเค้า ไม่ก็ถ้าได้ยินเสียงรถเค้ามาเราจะเอาหมาไปอยู่ในห้องครัวแล้วเอารั้วกั้นขึ้นค่ะ

หลังจากเรื่องทั้งหมดทั้งปวงนี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ครึ่ง สามีเราก็ระเบิดลงค่ะ ไล่พี่สาวกับหลานกลับบ้าน โทรหาพี่เขยว่าขอโทษนะรู้ว่าก็ไม่อยากให้พี่สาวกลับไป(ซึ่งก็จริง) แต่ไม่ไหวแล้ว เครียดจากงานกลับมาบ้านเหนื่อยๆ ต้องมาเจอพี่สาวกับหลานกรีดร้องใส่กัน(เรื่องอาบน้ำ กินข้าว ฯลฯ) พี่สาวไม่เคยช่วยเหลืองานบ้านอะไรซักอย่าง ไม่เคยเก็บของของตัวเอง ของเล่นลูกกองไว้ยังไงก็ยังงั้น ฯลฯ (เรื่องนิสัยพี่สาวที่แสดงออกมามีเยอะมากแต่ขอโฟกัสแต่เรื่องหมาค่ะ) พี่เขยเลยโทรบอกพี่สาวให้กลับบ้าน พี่สาวก็เสียใจค่ะ ด่าเรากับสามีว่าเห็นแก่ตัว โทรไปหาแม่บอกว่าโดนไล่ออกจากบ้าน แม่สามีโกรธโทรมาต่อว่าสามี สามีไม่แคร์แล้ว ณ จุดนี้ ตัดพี่ตัดน้องไปก็ไม่ต่างอะไรจากเดิมก่อนหน้านี้ สรุปพี่สาวก็หอบลูกกับหมากลับบ้านค่ะ แล้วตอนนี้เลิกคุยกันถาวรเลย เราโทรไปก็ไม่รับ (คือวันที่โดนไล่เราอยู่ฟังแค่ตอนสามีคุยโทรศัพท์แล้วเราออกไปทำงานรับจ๊อบเฝ้าเด็ก กลับมาเค้าหายไปกันหมดแล้ว) เค้าคงจะโกรธเราด้วย เราเลยอยากรู้ว่าแบบนี้เรียกได้ว่าเราเห็นแก่ตัวมั้ยคะที่รู้สึกดีที่เค้าออกไปซะได้ ไม่ห้ามสามี ไม่เป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์พี่น้องอย่างที่เราเคยตั้งใจว่าจะทำ หรือว่าเราทำถูกแล้วคะ ตอนนี้ไม่สบายใจมากๆค่ะ แต่ไม่รู้จะแก้ยังไง สามีไม่แคร์พี่สาวเลย เค้าบอกแต่ว่าที่ผ่านมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เค้าเห็นเค้าเป็นน้องชายรึเปล่าเพราะโทรไปก็ไม่เคยรับ ไม่เคยสนใจชีวิตสามีเรา แล้วยังมาสร้างความลำบากกายลำบากใจให้ครอบครัวเราอีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่