รวยกระจุกจนกระจาย ภายใต้ระบบทุนนิยมสามานย์

กระทู้สนทนา
การพัฒนาตนอย่างรวดเร็วโดยอาศัยประชาชนผู้ยากไร้ ยินยอมให้บรรดาหัวหน้ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ไพร่” เหยียบบ่าก้าวสู่การเป็นอำมาตย์ สูบเลือดอันมีน้อยนิดของคนยากจน กลายเป็นคนร่ำรวยทั้งอำนาจและเงินด้วยกลวิธีที่เรียกว่า “มะกอกสามตะกร้า”

บรรดาไพร่ที่กำลังเป็นอำมาตย์พวกนี้ กำลังทำลายสภาพของสังคมไทย โดยยอมสยบเป็นขี้ข้าของบรรดา นายทุนสามานย์ ทั้งในภาคการเมืองและเอกชนที่ร่วมกันสูบเลือดประชาชนผู้หลงนิยมชมชอบนโยบายที่เรียกเสียสวยหรูว่า ประชานิยม

ประชาชนที่หลงใหลในนโยบายนี้คงลืมสุภาษิตที่ว่า อัฐยายซื้อขนมยาย ด้วยนโยบายที่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันใช้ คือ ใช้เงินของประชาชน ใช้ภาษีที่ประชาชนเสีย เอาไปซื้อประชาชน รวมทั้งกินส่วนแบ่งอันมโหฬารที่เรียกว่า คอร์รัปชั่นโดยนโยบาย หรือ นโยบายเงินทอน

นโยบายเช่นนี้ ถ้าใครชอบนิทานเรื่อง ผีดิบ ก็เปรียบเสมือนผู้มีอำนาจ คือ ผีดิบสูบเลือดประชาชน ถ้าเลือดประชาชนถูกสูบหมด
จนประเทศล้มละลาย พวกเขาก็จะออกไปเสวยสุขในต่างแดน เพราะเขานำทรัพย์สินส่วนที่เกิดจากคอร์รัปชั่นโดยนโยบายหรือเงินทอน

ซึ่งจะยกตัวอย่างเล็กๆ ให้เห็น อย่างการสร้างโครงการขึ้นมาและมีผู้สนใจ ก็จะใช้การจ้างวิธีพิเศษ เช่น ผู้เสนอ เสนอราคาหนึ่งร้อยบาท เจ้าของโครงการบอกว่า ถ้าจะได้ ต้องเสนอหนึ่งร้อยสี่สิบ แต่เมื่อได้รับการอนุมัติ ต้องคืนให้ผู้อนุมัติสี่สิบบาท หรือถ้าจะเปิดประมูลก็ใช้กลวิธีเดียวกัน ต้องมีเงินทอนไม่น้อยกว่าร้อยละสามสิบหรือมากกว่า ผลคือ ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของชาติจนอาจถึงล้มละลายได้

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ ถ้าใครติดตามการพัฒนาตนเองของนักการเมืองขี้ฉ้อ จะเห็นว่าพื้นเพเดิมเป็นคนยากจน บางคนที่เป็นหัวหน้าไพร่ เมื่อตอนเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัย ยังต้องอาศัยเพื่อนดำรงชีวิต ตอนเป็นหัวหน้าไพร่ก็ได้น้ำเลี้ยงจากนายทุนสามานย์ แต่บัดนี้กลายเป็นอำมาตย์มีตำแหน่งใหญ่โตทางการเมือง กลายเป็นเศรษฐีไป

นักการเมืองที่เลวของไทยส่วนใหญ่จึงฝักใฝ่กับพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง เพราะหวังจะได้ทั้งเงินและตำแหน่ง เพื่อหาประโยชน์เพื่อตัวเอง

นักการเมืองประเภทนี้ปากก็ตะโกนว่าทำเพื่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผลก็คือ ประชาชนที่ยากไร้ ได้รับแต่เศษเงินที่เขาโยนให้ในรูปประชานิยม ผลที่สุด ประชาชนที่สนับสนุนเขาก็ยังคงจนดักดาน ตัวอย่างเช่น โครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด ซึ่งส่งผลร้ายต่อชาวนาและประชาชนทุกคนในที่สุด

การที่กล่าวว่า ภายใต้ระบบทุนนิยมสามานย์สังคมไทยเป็นสังคมที่รวยกระจุกจนกระจายนั้น จะเห็นได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะชาวไร่ชาวนา ยังคงยากจนเช่นเคย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งเฉพาะที่ประสานผลประโยชนกับนักการเมือง (รวมทั้งข้าราชการประจำ) รวยมากๆ กลุ่มคนพวกนี้หากินกับความทุกข์ยากของคนยากจนมีความเป็นอยู่หรูหรา ฟุ่มเฟือย

สำหรับข้าราชการขี้ฉ้อมีความเป็นอยู่ เมื่อคำนวณเปรียบเทียบกับเงินเดือนแล้ว ตั้งแต่ทำงานจนเกษียณราชการยังไม่พอซื้อรถหรูสักคันแต่คนพวกนี้ ได้แก่ นักการเมืองรวมหัวกับนักธุรกิจและข้าราชการขี้ฉ้อ รวมหัวกันโกงทำให้รวยกัน มีผลประโยชน์มากกว่าประชาชนที่เหลือทั้งหมด

นั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า รวยกระจุก จนกระจาย

ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/8234

ปล.ประชาชน จนถึงจุก เลยงานนี้...เอิ๊ก ๆ ๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่