ปัญหาของการดูแลเสื้อหน้าฝนมีอยู่มากมายหลายประการด้วยกัน ตั้งแต่การเลอะเทอะเปรอะเปื้อนระหว่างวันหรือระหว่างเดินทางที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ทันตั้งตัว เช่น ผ้าอาจไปสัมผัสกับโคลนอย่างไม่ตั้งใจ น้ำที่ขังนอกบนถนนที่อาจกระเซ็นมาโดนเสื้อผ้าจากรถที่ขับอย่างไม่ระมัดระวัง กลิ่นไม่น่าพิสมัยที่เกิดจากผ้าอับชื้นเพราะไม่มีแดดสำหรับตากผ้า หรือการเกิดจุดราสีดำบนเนื้อผ้าที่มาพร้อมกับความชื้นของอากาศ
เมื่อชุดเก่งเลอะโคลนเสียแล้ว
หากเห็นว่าเลอะโคลนในทันที ควรทำความสะอาดเบื้องต้นให้เร็วที่สุด ด้วยการขยี้ด้วยน้ำสะอาดจนกระทั่งเหลือรอยเปื้อนที่เจือจางที่สุด แต่หากเป็นโคลนที่ติดแห้งกรัง ให้ใช้แปรงที่มีขนอ่อนนุ่มค่อยๆ ขูดส่วนที่แห้งให้หลุดออกไป แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าจนเหลือรอยจางของโคลนเบาบางที่สุดเช่นกัน จากนั้นใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายบริเวณที่เปื้อนโคลน ก่อนนำไปซักตามปกติ
คราบจากน้ำสกปรก
ทันทีที่น้ำสกปรกกระเซ็นมาโดนชุดที่สวมอยู่ ให้ใช้น้ำเปล่าล้างออกโดยเร็วที่สุด เมื่อกลับถึงบ้านให้ถอดซักทันที ซึ่งรอยสกปรกที่ไม่ฝังแน่นนี้สามารถซักออกได้ง่ายด้วยน้ำเปล่า แต่หากทิ้งไว้นานแล้วน้ำที่กระเซ็นมาโดนชุดนี้เจือปนมากับสีหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น อาจทิ้งคราบให้กังวลได้ ก่อนซักด้วยผงซักฟอก ควรใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายลงบนบริเวณที่เป็นคราบ ทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนขยี้แล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
รอยสนิมกำจัดได้
หน้าฝนทำให้โลหะเกิดสนิมได้ง่าย และก็มีโอกาสที่เราจะเผลอไปสัมผัสจนคราบสนิมติดมากับตัวผ้า วิธีแก้ไขให้นำกระดาษชำระวางรองหลายๆ แผ่นใต้ผ้าบริเวณที่ติดคราบสนิม แล้วใช้น้ำมะนามผสมเกลือถูลงไปตรงบริเวณที่เป็นคราบ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนซักให้ป้ายด้วยน้ำยาขจัดคราบอีกครั้งหนึ่ง ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วล้างออก ก่อนนำไปผ้าไปซักทั้งชิ้นอีกครั้งหนึ่ง
จุดราสีดำไม่ใช่เรื่องใหญ่
ราบนเนื้อผ้าเกิดขึ้นจากทิ้งผ้าให้เปียกชื้นเป็นเวลานาน วิธีป้องกันในเบื้องต้นคือ ก่อนนำผ้าไปเก็บเข้าตู้ หรือก่อนทิ้งไว้ในตะกร้าสำหรับซัก ตรวจดูให้แน่ใจเสียก่อนว่าผ้าชิ้นนั้นแห้งสนิทแล้วจริงๆ แต่หากเกิดราขึ้นแล้ว ให้ใช้น้ำมะนาวกับเกลือทาลงในบริเวณที่เกิดรา หากเป็นผ้าสีขาวให้ใช้น้ำยาขจัดคราบสำหรับผ้าขาวที่ไม่ทำให้ผ้าเหลืองร่วมด้วยได้ แต่หากเป็นผ้าสีควรใช้น้ำยาขจัดคราบสำหรับผ้าสีเท่านั้น ทิ้งไว้สัก 15 นาทีเป็นอย่างน้อยแล้วล้างออก แล้วอย่าลืมผึ่งแดดให้แห้งก่อนพับเก็บ
กลิ่นอับที่มาพร้อมหน้าฝน
กลิ่นอับเกิดจากผ้าแห้งช้าเพราะไม่มีแสงแดดเพียงพอหรือมีฝนตก เพื่อให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นในหน้าฝน ควรปั่นผ้าจนหมาดที่สุดก่อนนำไปแขวนในบริเวณที่อากาศถ่ายเทดี เช่น ข้างประตูหรือข้างหน้าต่าง และใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้งเร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่หากเกิดกลิ่นอับขึ้นแล้ว ก่อนนำไปซักใหม่ให้นำผ้าไปแช่ในน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดา ก่อนทำการซักล้างตามขั้นตอนปกติ วิธีการนี้ใช้ได้กับการซักถุงเท้าที่เปียกชื้นได้เช่นกัน
ปล. หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะค่ะ ^^
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.dailyintrend.com/
เสื้อผ้าหน้าฝน ดูแลไม่ยากอย่างที่คิด
เมื่อชุดเก่งเลอะโคลนเสียแล้ว
หากเห็นว่าเลอะโคลนในทันที ควรทำความสะอาดเบื้องต้นให้เร็วที่สุด ด้วยการขยี้ด้วยน้ำสะอาดจนกระทั่งเหลือรอยเปื้อนที่เจือจางที่สุด แต่หากเป็นโคลนที่ติดแห้งกรัง ให้ใช้แปรงที่มีขนอ่อนนุ่มค่อยๆ ขูดส่วนที่แห้งให้หลุดออกไป แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าจนเหลือรอยจางของโคลนเบาบางที่สุดเช่นกัน จากนั้นใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายบริเวณที่เปื้อนโคลน ก่อนนำไปซักตามปกติ
คราบจากน้ำสกปรก
ทันทีที่น้ำสกปรกกระเซ็นมาโดนชุดที่สวมอยู่ ให้ใช้น้ำเปล่าล้างออกโดยเร็วที่สุด เมื่อกลับถึงบ้านให้ถอดซักทันที ซึ่งรอยสกปรกที่ไม่ฝังแน่นนี้สามารถซักออกได้ง่ายด้วยน้ำเปล่า แต่หากทิ้งไว้นานแล้วน้ำที่กระเซ็นมาโดนชุดนี้เจือปนมากับสีหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น อาจทิ้งคราบให้กังวลได้ ก่อนซักด้วยผงซักฟอก ควรใช้น้ำยาขจัดคราบป้ายลงบนบริเวณที่เป็นคราบ ทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนขยี้แล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ
รอยสนิมกำจัดได้
หน้าฝนทำให้โลหะเกิดสนิมได้ง่าย และก็มีโอกาสที่เราจะเผลอไปสัมผัสจนคราบสนิมติดมากับตัวผ้า วิธีแก้ไขให้นำกระดาษชำระวางรองหลายๆ แผ่นใต้ผ้าบริเวณที่ติดคราบสนิม แล้วใช้น้ำมะนามผสมเกลือถูลงไปตรงบริเวณที่เป็นคราบ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง ก่อนซักให้ป้ายด้วยน้ำยาขจัดคราบอีกครั้งหนึ่ง ทิ้งไว้สัก 10 นาที แล้วล้างออก ก่อนนำไปผ้าไปซักทั้งชิ้นอีกครั้งหนึ่ง
จุดราสีดำไม่ใช่เรื่องใหญ่
ราบนเนื้อผ้าเกิดขึ้นจากทิ้งผ้าให้เปียกชื้นเป็นเวลานาน วิธีป้องกันในเบื้องต้นคือ ก่อนนำผ้าไปเก็บเข้าตู้ หรือก่อนทิ้งไว้ในตะกร้าสำหรับซัก ตรวจดูให้แน่ใจเสียก่อนว่าผ้าชิ้นนั้นแห้งสนิทแล้วจริงๆ แต่หากเกิดราขึ้นแล้ว ให้ใช้น้ำมะนาวกับเกลือทาลงในบริเวณที่เกิดรา หากเป็นผ้าสีขาวให้ใช้น้ำยาขจัดคราบสำหรับผ้าขาวที่ไม่ทำให้ผ้าเหลืองร่วมด้วยได้ แต่หากเป็นผ้าสีควรใช้น้ำยาขจัดคราบสำหรับผ้าสีเท่านั้น ทิ้งไว้สัก 15 นาทีเป็นอย่างน้อยแล้วล้างออก แล้วอย่าลืมผึ่งแดดให้แห้งก่อนพับเก็บ
กลิ่นอับที่มาพร้อมหน้าฝน
กลิ่นอับเกิดจากผ้าแห้งช้าเพราะไม่มีแสงแดดเพียงพอหรือมีฝนตก เพื่อให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นในหน้าฝน ควรปั่นผ้าจนหมาดที่สุดก่อนนำไปแขวนในบริเวณที่อากาศถ่ายเทดี เช่น ข้างประตูหรือข้างหน้าต่าง และใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้งเร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่หากเกิดกลิ่นอับขึ้นแล้ว ก่อนนำไปซักใหม่ให้นำผ้าไปแช่ในน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดา ก่อนทำการซักล้างตามขั้นตอนปกติ วิธีการนี้ใช้ได้กับการซักถุงเท้าที่เปียกชื้นได้เช่นกัน
ปล. หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะค่ะ ^^
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dailyintrend.com/