แชร์อันตรายจากการให้ลูกเล่นของเล่นประเภทปืนอัดลมพลาสติกค่ะ

คนไข้ I.C.U. = คนไข้เตียงที่ 2 Brain injury (บาดเจ็บในสมอง)

คนไข้ชื่อ น้องต้น เด็กชายอายุ 9 ขวบ ติดป้ายโรคไว้หน้าเตียงว่า Brain injury (บาดเจ็บในสมอง)
ดูไปแล้ว เหมือนน้องต้นกำลังนอนหลับ ใบหน้าของเขาอ่อนเยาว์ ริมฝีปากแดงเรื่อตามธรรมชาติ
แต่น้องต้นหลับไม่ตื่นอีกแล้ว...

"โป้ง โป้ง" น้องต้นถือปืนวิ่งใล่ยิงกับเพื่อนๆ วัยเดียวกันอย่างสนุกสนาน เด็กๆ ต่างก็มีปืนยาวคนละกระบอก
ปืนนี้เป็นปืนอัดลมพลาสติก ที่ทำเหมือนของจริง กระสุนพลาสติกเม็ดเล็กๆ แต่มีความแรงและความเร็วสูง
"ห้ามยิงใส่กันนะลูก" แม่ของน้องต้นเตือน
"ครับๆ" เด็กๆต่างรับปาก ทำให้แม่ของน้องต้นเบาใจ เธอหันไปเข้าครัวทำกับข้าวกับปลามื้อเย็น

"โอ๊ยยย!" เสียงน้องต้นร้อง พาแม่ใจหายวาบ วิ่งมาดูทันที
"ตายแล้ว กรี้ด!" เห็นอาการของลูกต้น แม่กรีดร้องอย่างตกใจ

"ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมทำกันอย่างนี้" แม่โวยวาย
เพื่อนของน้องต้น นึกว่าปืนไม่มีกระสุนแล้ว เขาหันปากกระบอกปืนมาหยอกล้อน้องต้น และยิง...

กระสุนเม็ดพลาสติกแล่นตรงเข้าที่ลูกตาขวาของน้องต้นทันที เลือดไหลทะลักไม่ขาดสาย

แม่และพ่อของน้องต้นรีบพาเด็กชายวัยเก้าขวบมาโรงพยาบาลทันที ภายในครึ่งชั่วโมงหลังเกิดเหตุ
หมอตรวจร่างกาย ตรวจตาน้องต้น แล้วบอกว่า "คุณพ่อ

คุณแม่ครับ ลูกตาของน้องต้นแตกเละ คงไม่สามารถเย็บได้ คงต้องเอาลูกตาออก และค่อยใส่ตาปลอมทีหลังนะครับ"

แม่ร้องไห้จนเป็นลมไปครั้งแล้วครั้งเล่า อุทานซ้ำๆ อยู่ว่า
"ต้นลูกแม่ อายุแค่ 9 ปีเท่านั้น ตาต้องบอดไปข้างหนึ่ง"
หมอรีบพาต้นเข้าห้องผ่าตัด ดมยาสลบ ควักลูกตาที่เละออก ล้างเบ้าตา เย็บเส้นเลือด ห้ามเลือด และเย็บแผลให้เรียบร้อย

หมอฉงนใจที่ไม่เห็นลูกปืน เลยถามแม่น้องต้น
"คงจะกระเด็นตกไปตรงไหนแล้วมั้ง" แม่สันนิษฐาน มองลูกที่ต้องตาบอดเพราะปืนเด็กเล่นแล้ว ทำใจไม่ได้ เธอร้องไห้ตลอดเวลา

หมดฤทธิ์ยาสลบแล้ว แต่น้องต้นไม่ฟื้นตามปกติ ทั้งๆที่ตอนดมยาสลบไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ
"คุณแม่ครับ กระสุนปืนนั้นได้กระเด็นออกจริงหรือครับ" หมอย้ำถาม

"จริงๆแล้วฉันเองก็ไม่เห็น" แม่ตอบ
หมอรีบส่งน้องต้น ตรวจซีทีแสกน (ตรวจคอมพิวเตอร์สมอง) จากฟิลม์ซีทีแสกน พบว่า กระสุนปืนนั้น อยู่ในเนื้อสมอง!!!

มันคงแล่นผ่านลูกตา กระบอกตา ทำลายประสาทตา ทำลายเนื้อสมอง พุ่งเข้าไปตุงตรงใจกลางสมอง
ไม่น่าเชื่อว่าแค่กระสุนพลาสติกอันเล็กๆ ยังมีผลทะลุทะลวงได้มากขนาดนั้น

กลับจากเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์สมอง อาการของน้องต้นแย่ลงอย่างรวดเร็ว รูม่านตาที่เคยมีปฏิกิริยาต่อแสงตามปกติ กลับขยายใหญ่ ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง
เพราะสมองของน้องต้นมีอาการบวมอย่างรุนแรง เป็นปฏิกิริยาของสมองต่อการบาดเจ็บที่เกิดขื้น
ประสาทศัลยแพทย์ ได้ผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถทำให้การทำงานของสมองกลับคืนปกติ

น้องต้นกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ต้องหายใจโดยอาศัยเครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถลุกขื้นมาพูดคุย กินข้าว เล่นกับเพื่อนๆ ของเขาได้อีกแล้ว

หัวอกของพ่อแม่แทบฉีกขาด

แต่แรกร้องไห้ เพราะลูกตนเองต้องตาบอด

แต่กลับกลายเป็นว่า เหตุการณ์ร้ายแรงกว่าการตาบอดยิ่งนัก

น้องต้นนอนอยู่ในไอซียูเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในสภาพไม่รู้ตัว ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ
การใช้เครื่องช่วยหายใจนานๆ ทำให้ปอดของน้องต้นติดเชื้อในที่สุด และจากพ่อแม่ของเขาไปชั่วนิจนิรันดร์
เป็นความโศกสลด และเสียดายยิ่งนัก ที่เห็นเด็กอายุน้อยๆ หน้าตาน่ารัก เป็นขวัญใจของทุกคนในครอบครัว ต้องจากโลกนี้ไป

แม้จะปลอบตนเองตามคำพระที่ว่า
"ม นิยยมานสส ภวนติ ตาณา ...เมื่อสัตว์จะตาย ไม่มีผู้ไดป้องกัน"

ความตายทางพุทธศาสนา จำแนกเป็นสี่อย่างคือ ตายเพราะหมดอายุ ตายเพราะกรรม ตายเพราะชรา และตายเพราะอุบัติเหตุ

ฉันเชื่อว่า...น้องต้น ตายเพราะอุบัติเหตุ...ที่ป้องกันได้
ถึงบัดนี้ ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อว่า กระสุนปืนเม็ดพลาสติกเล็กๆ เม็ดเดียว สามารถคร่าชีวิตคนที่เป็นที่รักของพ่อแม่และญาติมิตรได้

เมื่อเจอเด็กเล่นปืนอัดลมทุกครั้ง ฉันก็จะยกเรื่องของน้องต้นมาเป็นอุทาหรณ์ให้พวกเขาและพ่อแม่ของเขาฟังเสมอ
เพราะฉัน ไม่อยากพบเห็นการสูญเสียแบบนี้อีก คนเดียว...ก็เกินพอแล้ว

============================
จากหนังสือ 108 คนไข้ I.C.U.
โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
ตีพิมพ์ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2545
สำนักพิมพ์สนุกอ่าน
============================

เราแชร์มาจากเฟสบุคคุณหมอจ๊วด Ittaporn Kanacharoen เห็นว่าเป็นประโยชน์ดีค่ะ เลยอยากมาเตือนแม่ๆ ส่วนตัวเรายังไม่มีลูกค่ะ แต่รักเด็กมากถึงมากที่สุด รักจริงๆนะคะ ถึงจะไม่ใช่นางงามค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่