สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ส่วนตัวคิดว่าเพลงคลาสสิกเป็นเรื่องใกล้ตัวเหมือนกันค่ะ
เป็นเหมือนศิลปะที่ฟังแล้วต้องใช้จินตนาการส่วนบุคคล
อาจเป็นเพราะเรียนมาทางสายศิลปะและการออกแบบ
ทำให้เข้าใจอารมณ์ของทำนองดนตรีที่ต้องการสื่อสารออกมาได้
ซึ่งคนฟังแต่ละคนก็อาจจะตีความได้แตกต่างกันออกไป
แต่เนื่องจากคนประเทศเรา ไม่ได้ถูกปลูกฝังในเรื่องศิลปะและจินตนาการมากนัก
การเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นแบบป้อนเข้าปากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ปล่อยให้คิดวิเคราะห์และจินตนาการมากนัก
ทำให้เวลาฟังดนตรีคลาสสิกแล้วไม่เก็ต ไม่ผ่อนคลาย ไม่ปล่อยตัวเองให้จินตนาการตามเสียงเพลงที่บรรเลงออกมา
เหมือนกับรากฐานของดนตรีบ้านเราไม่ได้เกิดจากการเข้าโบสถ์ ที่ใช้ดนตรีในการบำบัดจิตใจ
คนส่วนใหญ่ชอบอะไรที่ตรงๆ ไม่ต้องคิดวิเคราะห์อะไรเยอะ ฟังเพลงที่เนื้อหาของคำร้องและเมโลดี้เป็นหลัก เรื่องทำนองดนตรีเป็นรอง
ดูง่ายๆ แค่เพลงไทยที่มีเนื้อหาต้องตีความ มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าเพลงที่มีเนื้อหาตรงๆ รักก็บอกว่ารัก เสียใจก็เสียใจ เป็นต้น
เป็นเหมือนศิลปะที่ฟังแล้วต้องใช้จินตนาการส่วนบุคคล
อาจเป็นเพราะเรียนมาทางสายศิลปะและการออกแบบ
ทำให้เข้าใจอารมณ์ของทำนองดนตรีที่ต้องการสื่อสารออกมาได้
ซึ่งคนฟังแต่ละคนก็อาจจะตีความได้แตกต่างกันออกไป
แต่เนื่องจากคนประเทศเรา ไม่ได้ถูกปลูกฝังในเรื่องศิลปะและจินตนาการมากนัก
การเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นแบบป้อนเข้าปากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ปล่อยให้คิดวิเคราะห์และจินตนาการมากนัก
ทำให้เวลาฟังดนตรีคลาสสิกแล้วไม่เก็ต ไม่ผ่อนคลาย ไม่ปล่อยตัวเองให้จินตนาการตามเสียงเพลงที่บรรเลงออกมา
เหมือนกับรากฐานของดนตรีบ้านเราไม่ได้เกิดจากการเข้าโบสถ์ ที่ใช้ดนตรีในการบำบัดจิตใจ
คนส่วนใหญ่ชอบอะไรที่ตรงๆ ไม่ต้องคิดวิเคราะห์อะไรเยอะ ฟังเพลงที่เนื้อหาของคำร้องและเมโลดี้เป็นหลัก เรื่องทำนองดนตรีเป็นรอง
ดูง่ายๆ แค่เพลงไทยที่มีเนื้อหาต้องตีความ มักจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าเพลงที่มีเนื้อหาตรงๆ รักก็บอกว่ารัก เสียใจก็เสียใจ เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
สำหรับทุกท่าน ดนตรีคลาสสิกฟังยากและต้องปีนกระไดฟังจริงหรือ? แบบที่หมอนี่พูด...
ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจว่ามันฟังยากยังไง มันก็เพลงแนวนึงนั่นแหละ แค่มันมีความเป็นศิลปะ (Art music) มากกว่า Pop เท่านั้นเอง แต่ไม่ถึงขนาดฟังยากจนต้องปีนกระไดหรอก ที่เขาว่ายุคคลาสสิกแต่งให้ขุนนางฟัง มันก็ถูก แต่ก่อนหน้านั้นมันก็แต่งให้โบสถ์เพื่อใช้ร้องหรือฟังกันในโบสถ์ ซึ่งมันก็หมายถึงแต่งให้ชาวบ้านฟังนั่นแหละ และเขาคงลืมไปว่ายุคโรแมนติกก็ไม่ได้นิยมแต่งให้ขุนนางแล้ว แต่แต่งเพื่อคนทั่วไปฟังกันทั้งนั้น นักประพันธ์ก็มีวงเป็นของตนเอง ไม่ได้มีขุนนางอุปถัมป์อีกแล้ว ธุรกิจเอกชนด้านดนตรีคลาสสิกด้านนี้ก็ชัดเจนโคดๆเลยนะเพื่อนในยุคนั้น
สำหรับทุกท่าน เพลงคลาสสิกมันฟังยากจนเป็นเรื่องไกลตัวจริงหรือ?
สำหรับผมมันก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ผมอยู่กับมันตลอดเวลา ผมไม่เห็นจะรู้สึกแปลกแยกกับดนตรีแนวนี้เลยนะ
ลองฟังเพลงนี้สิ ผมว่ามันเพราะมากและฟังง่ายจนไม่ต้องปีนกระไดฟังนะ