เซ้าท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักวิเคราะห์ชี้ การจ้างงานลูกหลานคนใหญ่คนโตแห่งแดนมังกร เข้ามาทำงานในสถานบันการเงินชั้นนำของโลก ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่รู้กันทั่วไปในแวดวงการธนาคารโลกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีทางการสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกน เชส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รับลูกชาย และ ลูกสาวของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน เข้าทำงาน ซึ่งกลายเป็นข่าวครึกโครมนั้น นับเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เนื่องจากผู้ถูกว่าจ้างเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำงานในรัฐวิสาหกิจของจีน และพบพิรุธว่า เป็นการให้สินบนทางอ้อม เพื่อหวังชนะสัญญาจากรัฐวิสาหกิจ
สืบเนื่องจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันอาทิตย์ ( 18 ส.ค.) โดยอ้างเอกสารลับของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า ทางการได้เปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกน ซึ่งอาจมีการกระทำ อันเป็นการทุจริตให้สินบนในกรณีการรับลูกชายของนายถัง สวงหนิง อดีตเจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการธนาคารของจีน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มการเงินไชน่าเอเวอร์ไบรต์ (China Everbright Group) รวมทั้งตำแหน่งประธานธนาคารไชน่าเอเวอร์ไบรต์ ( China Everbright Bank) เข้าทำงาน และกรณีการรับลูกสาวของนายจาง ซูกวง อดีตรองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของกระทรวงการรถไฟของจีน เข้าทำงานในสำนักงานของเจพี มอร์แกน ที่เกาะฮ่องกง
รายงานของนิวยอร์กไทมส์สอดคล้องกับการชี้แจงของโฆษกทางเจพี มอร์แกนเอง ที่ระบุว่า ธนาคารให้ความร่วมมือกับผู้คุมกฎอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา ทางธนาคารได้รับการร้องขอจากแผนกต่อต้านการทุจริตของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานอดีตพนักงานบางรายในฮ่องกง และ ความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเจพี มอร์แกนกับลูกค้าบางรายด้วย
ข่าวการสอบสวนอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นก่อนหน้า ที่ธนาคารไชน่าเอเวอร์ไบรต์ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปลายปีนี้ ด้วยการเสนอขายหุ้นไอพีโอ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งวาณิชธนกิจของสหรัฐฯ และ ยุโรปหลายสิบราย รวมทั้งเจพี มอร์แกน กำลังช่วงชิง ที่จะได้เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ ( underwrite) ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การเปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกนไม่เป็นข่าว ที่ทำให้แวดวงการธนาคารแดนมังกรรู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด โดยผู้เข้าอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตบางรายแสดงความเห็นว่า การรับลูกหลานคนใหญ่คนโตเข้าทำงานเป็น "ระเบียบปฏิบัติที่ทำกันในทั่วโลกและเป็นความลับที่ไม่ลับ" ขณะเดียวกัน ลูกสาวลูกชายของผู้นำชาติตะวันตกหลายคนก็มักเข้าทำงานในสถาบันการเงินชั้นนำเช่นกัน ยกตัวอย่างของ เชลซี คลินตัน บุตรสาวคนเดียวของอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ก็เข้าทำงานร่วมกับอะเวนิว แคปปิตอล กรุ๊ป ( Avenue Capital Group) ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549 ขณะเธออายุ 26 ปี
ขณะที่แหล่งข่าวในแวดวงธุรกิจระบุว่า มิได้มีแค่ลูกชายของนายถัง และ ลูกสาวของนายจางเท่านั้น ยังมีลูกของนักการเมืองคนสำคัญอื่น ๆ เช่นลูกสาวของรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยังก็เคยทำงานกับวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรปรายหนึ่งอยู่นานหลายปีในฮ่องกง ส่วนบุตรสาวของนายหาน เจิง เคยทำงานกับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เ้ตอร์ ในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่บิดาเป็นผู้ว่าการของเมืองแห่งนี้
จากความเห็นของนายเดวิด เว็บบ์ อดีตนักการธนาคารด้านวาณิชธนกิจ และปัจจุบัน เป็นนักลงทุนอิสระ และนักวิเคราะห์ผู้มีชื่อเสียงของฮ่องกงนั้น การรับบุคคลจากตระกูลดี หรือลูกหลานของลูกค้า ที่มีศักยภาพเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่จีน หรือในประเทศอื่น ๆ นั้น ถือเป็นเรืองปกติ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปในลักษณะการให้เงินสินบน หรือเงินใต้โต๊ะทางอ้อม เช่น มีการจ่ายเงินโบนัสก้อนโต ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว จะเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับการได้สัญญาธุรกิจจากบริษัท หรือหน่วยงาน ของพ่อของผู้เป็นพนักงาน หรือกรณีการจ่ายเงินเดือนให้โดยที่พนักงาน ซึ่งมีพ่อเป็นคนใหญ่คนโต มิได้มีหน้าที่การงานชัดเจนนั้น ย่อมแสดงว่า อาจมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ซึ่งทางการควรมีการสอบสวนให้กระจ่าง
ทั้งนี้ ในรายลูกสาวของนายจาง ซูกวง อดีตรองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของกระทรวงการรถไฟของจีน นั้น พบว่า เธอเข้าเป็นพนักงานของสำนักงานของเจพี มอร์แกนที่ฮ่องกงในช่วงเวลาที่ช่างเหมาะเจาะกับที่ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป ( China Railway Group) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจก่อสร้างทางรถไฟให้กับรัฐบาลจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาคัดเลือกให้เจพี มอร์แกนเข้ามาทำหน้าที่ให้การปรึกษาแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นของบริษัทพอดี และจากการทำอันเดอร์ไรต์ ของเจพี มอร์แกน ไชน่าเรลเวย์กรุ๊ปสามารถขายหุ้นไอพีโอได้สูงกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2550
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103657
สถานบันการเงินชั้นนำ "เจพี มอร์แกน" ถูกสอบสวน รับลูกคนใหญ่คนโตในประเทศจีนเข้าทำงาน ส่อพิรุธจ่ายสินบนทางอ้อม
อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีทางการสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกน เชส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รับลูกชาย และ ลูกสาวของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน เข้าทำงาน ซึ่งกลายเป็นข่าวครึกโครมนั้น นับเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เนื่องจากผู้ถูกว่าจ้างเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำงานในรัฐวิสาหกิจของจีน และพบพิรุธว่า เป็นการให้สินบนทางอ้อม เพื่อหวังชนะสัญญาจากรัฐวิสาหกิจ
สืบเนื่องจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันอาทิตย์ ( 18 ส.ค.) โดยอ้างเอกสารลับของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า ทางการได้เปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกน ซึ่งอาจมีการกระทำ อันเป็นการทุจริตให้สินบนในกรณีการรับลูกชายของนายถัง สวงหนิง อดีตเจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาคการธนาคารของจีน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มการเงินไชน่าเอเวอร์ไบรต์ (China Everbright Group) รวมทั้งตำแหน่งประธานธนาคารไชน่าเอเวอร์ไบรต์ ( China Everbright Bank) เข้าทำงาน และกรณีการรับลูกสาวของนายจาง ซูกวง อดีตรองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของกระทรวงการรถไฟของจีน เข้าทำงานในสำนักงานของเจพี มอร์แกน ที่เกาะฮ่องกง
รายงานของนิวยอร์กไทมส์สอดคล้องกับการชี้แจงของโฆษกทางเจพี มอร์แกนเอง ที่ระบุว่า ธนาคารให้ความร่วมมือกับผู้คุมกฎอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา ทางธนาคารได้รับการร้องขอจากแผนกต่อต้านการทุจริตของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ให้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานอดีตพนักงานบางรายในฮ่องกง และ ความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเจพี มอร์แกนกับลูกค้าบางรายด้วย
ข่าวการสอบสวนอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นก่อนหน้า ที่ธนาคารไชน่าเอเวอร์ไบรต์ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปลายปีนี้ ด้วยการเสนอขายหุ้นไอพีโอ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งวาณิชธนกิจของสหรัฐฯ และ ยุโรปหลายสิบราย รวมทั้งเจพี มอร์แกน กำลังช่วงชิง ที่จะได้เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ ( underwrite) ครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การเปิดการสอบสวนเจพี มอร์แกนไม่เป็นข่าว ที่ทำให้แวดวงการธนาคารแดนมังกรรู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด โดยผู้เข้าอ่านข่าวในอินเทอร์เน็ตบางรายแสดงความเห็นว่า การรับลูกหลานคนใหญ่คนโตเข้าทำงานเป็น "ระเบียบปฏิบัติที่ทำกันในทั่วโลกและเป็นความลับที่ไม่ลับ" ขณะเดียวกัน ลูกสาวลูกชายของผู้นำชาติตะวันตกหลายคนก็มักเข้าทำงานในสถาบันการเงินชั้นนำเช่นกัน ยกตัวอย่างของ เชลซี คลินตัน บุตรสาวคนเดียวของอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ก็เข้าทำงานร่วมกับอะเวนิว แคปปิตอล กรุ๊ป ( Avenue Capital Group) ซึ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549 ขณะเธออายุ 26 ปี
ขณะที่แหล่งข่าวในแวดวงธุรกิจระบุว่า มิได้มีแค่ลูกชายของนายถัง และ ลูกสาวของนายจางเท่านั้น ยังมีลูกของนักการเมืองคนสำคัญอื่น ๆ เช่นลูกสาวของรองนายกรัฐมนตรี หวัง หยังก็เคยทำงานกับวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของยุโรปรายหนึ่งอยู่นานหลายปีในฮ่องกง ส่วนบุตรสาวของนายหาน เจิง เคยทำงานกับธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เ้ตอร์ ในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่บิดาเป็นผู้ว่าการของเมืองแห่งนี้
จากความเห็นของนายเดวิด เว็บบ์ อดีตนักการธนาคารด้านวาณิชธนกิจ และปัจจุบัน เป็นนักลงทุนอิสระ และนักวิเคราะห์ผู้มีชื่อเสียงของฮ่องกงนั้น การรับบุคคลจากตระกูลดี หรือลูกหลานของลูกค้า ที่มีศักยภาพเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่จีน หรือในประเทศอื่น ๆ นั้น ถือเป็นเรืองปกติ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปในลักษณะการให้เงินสินบน หรือเงินใต้โต๊ะทางอ้อม เช่น มีการจ่ายเงินโบนัสก้อนโต ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว จะเห็นว่ามีความเชื่อมโยงกับการได้สัญญาธุรกิจจากบริษัท หรือหน่วยงาน ของพ่อของผู้เป็นพนักงาน หรือกรณีการจ่ายเงินเดือนให้โดยที่พนักงาน ซึ่งมีพ่อเป็นคนใหญ่คนโต มิได้มีหน้าที่การงานชัดเจนนั้น ย่อมแสดงว่า อาจมีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ซึ่งทางการควรมีการสอบสวนให้กระจ่าง
ทั้งนี้ ในรายลูกสาวของนายจาง ซูกวง อดีตรองหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของกระทรวงการรถไฟของจีน นั้น พบว่า เธอเข้าเป็นพนักงานของสำนักงานของเจพี มอร์แกนที่ฮ่องกงในช่วงเวลาที่ช่างเหมาะเจาะกับที่ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป ( China Railway Group) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจก่อสร้างทางรถไฟให้กับรัฐบาลจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาคัดเลือกให้เจพี มอร์แกนเข้ามาทำหน้าที่ให้การปรึกษาแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นของบริษัทพอดี และจากการทำอันเดอร์ไรต์ ของเจพี มอร์แกน ไชน่าเรลเวย์กรุ๊ปสามารถขายหุ้นไอพีโอได้สูงกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2550
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103657