เรื่องมันเกิดขึ้นมานานมากแล้วค่ะ ตอนที่ดิฉันอยู่ในชั้นประถมต้น ประมาณป.1 นะคะ ดิฉันมีพี่คนหนึ่งอยู่ ป.2 เราไปโรงเรียนด้วยกันทุกวันค่ะ โดยคุณแม่ตอนนั้นไม่สะดวกไปส่งเลยจ้างวินมอไซด์รับจ้างเพื่อไปส่งดิฉันกับพี่ทุกวัน เพราะไปคนเดียวมันอันตรายและซอยบ้านของดิฉันในสมัยนั้นติดกับโรงแรมม่านรูดด้วย
แต่เมื่อวันหนึ่ง ดิฉันได้ยินพี่ของดิฉันร้องแผ่วๆตอนที่นั่งมอเตอไซด์ได้กลางทางค่ะ พี่ชายร้องตลอดทางเลย "โอ้ย โอ้ยย" ตอนแรกดิฉันไม่ได้สังเกตอะไรค่ะ อาจเพราะเรายังเด็กเลยไม่ได้สนใจอะไรนึกว่าพี่ชายอำค่ะ แต่พอใกล้ถึงโรงเรียนพี่ก็ยังร้องไม่หยุด มอไซด์คงคิดว่าผิดสังเกตค่ะ ตอนนั่นรถก็จอดหน้าโรงเรียนพอดีเลย แต่พอฉันหันไปแทบค้างเลย คือส้นเท้าของพี่ชายของดิฉันถูกโซ่เครื่องจักรมอเตอร์ไซด์ปั่นค่ะ เลือดนี่นองพื้นเลยทีเดียว จำได้ว่าตอนนั้นดิฉันทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ได้แต่ยืนตัวสั่นเพราะความตกใจกลัว คุณครูที่ยืนหน้าโรงเรียนก็ให้เข้าไปในโรงเรียนก่อน ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ดิฉันก็ไม่เห็นไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ดิฉันรู้อีกทีคือพี่ชายนอนโรงพยาบาลแล้วค่ะ เหมือนเพราะว่า เชือกร้องเท้าของพี่เข้าไปพันก็โซ่รถจักรยานค่ะ แล้วพี่ชายก็เอาส้นเท้าลง โซ่มอไซด์เลยปั่นเข้าให้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็นานพอสมควรก็หายแล้วค่ะ มีแต่รอยแผลที่ไม่น่าพิศมัย คือส้นเท้าข้างซ้ายของพี่ชายเป็นรอยบุ๋มลงไปเกือบเห็นกระดูกอ่อนค่ะ มีแต่หนังจากท้องและขาอ่อนที่มาหุ้มส้นเท้าไว้ พูดง่ายๆว่าเสียหล่อไปเลยค่ะ
พอโตขึ้นมาก็เหมือนเป็นแผลใจทำให้ไม่ค่อยใส่กางเกงขาสั้น และต้องใส่ถุงเท้าตลอดเวลาเพื่อความมั่นใจค่ะ
เลยอยากเตือนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกยังเล็กๆหรือว่าพี่ๆที่มีน้องที่วุฒิภาวะยังไม่มี ช่วยตรวจเช็ครายละเอียดเล็กๆน้อยๆด้วยนะคะ เพราะอาจจะนำไปสู่แผลใจที่บาดลึกแบบนี้ก็ได้
เตือนภัย!! คุณพ่อคุณแม่ที่จ้างมอไซด์มารับลูกเพื่อไปโรงเรียนนะคะ
แต่เมื่อวันหนึ่ง ดิฉันได้ยินพี่ของดิฉันร้องแผ่วๆตอนที่นั่งมอเตอไซด์ได้กลางทางค่ะ พี่ชายร้องตลอดทางเลย "โอ้ย โอ้ยย" ตอนแรกดิฉันไม่ได้สังเกตอะไรค่ะ อาจเพราะเรายังเด็กเลยไม่ได้สนใจอะไรนึกว่าพี่ชายอำค่ะ แต่พอใกล้ถึงโรงเรียนพี่ก็ยังร้องไม่หยุด มอไซด์คงคิดว่าผิดสังเกตค่ะ ตอนนั่นรถก็จอดหน้าโรงเรียนพอดีเลย แต่พอฉันหันไปแทบค้างเลย คือส้นเท้าของพี่ชายของดิฉันถูกโซ่เครื่องจักรมอเตอร์ไซด์ปั่นค่ะ เลือดนี่นองพื้นเลยทีเดียว จำได้ว่าตอนนั้นดิฉันทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ได้แต่ยืนตัวสั่นเพราะความตกใจกลัว คุณครูที่ยืนหน้าโรงเรียนก็ให้เข้าไปในโรงเรียนก่อน ซึ่งเหตุการณ์ต่อจากนี้ดิฉันก็ไม่เห็นไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ดิฉันรู้อีกทีคือพี่ชายนอนโรงพยาบาลแล้วค่ะ เหมือนเพราะว่า เชือกร้องเท้าของพี่เข้าไปพันก็โซ่รถจักรยานค่ะ แล้วพี่ชายก็เอาส้นเท้าลง โซ่มอไซด์เลยปั่นเข้าให้ค่ะ แต่ตอนนี้ก็นานพอสมควรก็หายแล้วค่ะ มีแต่รอยแผลที่ไม่น่าพิศมัย คือส้นเท้าข้างซ้ายของพี่ชายเป็นรอยบุ๋มลงไปเกือบเห็นกระดูกอ่อนค่ะ มีแต่หนังจากท้องและขาอ่อนที่มาหุ้มส้นเท้าไว้ พูดง่ายๆว่าเสียหล่อไปเลยค่ะ
พอโตขึ้นมาก็เหมือนเป็นแผลใจทำให้ไม่ค่อยใส่กางเกงขาสั้น และต้องใส่ถุงเท้าตลอดเวลาเพื่อความมั่นใจค่ะ
เลยอยากเตือนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกยังเล็กๆหรือว่าพี่ๆที่มีน้องที่วุฒิภาวะยังไม่มี ช่วยตรวจเช็ครายละเอียดเล็กๆน้อยๆด้วยนะคะ เพราะอาจจะนำไปสู่แผลใจที่บาดลึกแบบนี้ก็ได้