มีประสบการณ์การขอวีซ่าเชงเก้นมาเล่าค่ะ
เรามีแผนจะไปเที่ยวยุโรปตอนกลางเดือนกันยา 18 กันยา ถึง 8 ตุลา ไปทั้งหมด 5 ประเทศ ก็ต้องขอทั้งวีซ่าอังกฤษกัยเชงเก้น จำไม่ได้แล้วว่าอ่านที่ไหนว่าควรขออังกฤษก่อน ... ไม่ทราบว่าเพื่อนชาวห้องบลูมีคำตอบไหมคะ ยังคงอยากรู้อยู่จนถึงทุกวันนี้
อันนี้เป็นประสบการณ์การยื่นเรื่องที่สิงคโปร์นะคะ แต่เราคิดว่าน่าจะพอเป็นไอเดียให้เพื่อนๆห้องบลูได้บ้างเลยเอามาเล่าให้ฟัง
เอาหล่ะเข้าเรื่อง เราก็ไปขอวีซ่าอังกฤษมา ยื่นเรื่องไปตั้งแต่วันที่ 3 กค ได้ข้อความให้ไปรับเล่มวันที่ 15 กค ยื่นเรื่องผ่านตัวแทน VFS เลยคิดว่าทำให้ค่อนข้างนาน เสียค่าสมัครตั้ง $160
พอได้วีซ่ามาเราก็กลับไทย จากแพลน เราจะขอวีซ่าอิตาลี เพื่อนก็เชคก่อนกลับบ้านว่าเค้ายังไม่เปิดให้จอง แล้วก็ว่างมาก เราเลยไม่หนักใจอะไร กลับบ้าน 6 วันเพื่อนเชคอีกที วันที่ 3 สิงหา จองได้เร็วสุดวันที่ 23 สิงหา แล้วได้แค่ 1 คน อีกคนต้องจองวันที่ 4 กันยา โอ้แม่เจ้า!! มันจะทันได้อย่างไร หนูจะเดินทางวันที่ 18 กันยา ต้องเข้าไปเลือกสลอตเอาเอง จากรูปการณ์ เปิดให้จองแค่สัปดาห์ละ 4 วัน 4 คนต่อวัน (คือมีสองช่วงเวลา ตั้งต้นมาเขียวหมด พอมีคนเลือก 1 คนจะเป็นเหลือง พอเลือกอีก 1 คนก็เป็นแดง) ยังไม่พอ บางวันมีให้เลือกแค่ 1 ช่วงเวลา!!! ขอโทษนะคะ ก็รู้ว่าคนที่นี่ถ้าไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่พี่ช่วยเพิ่มจำนวนคนสมัรรต่อวันได้ไหมคะ โกรธ!!
ไม่ได้การ.. เราเปลี่ยนแผนดีกว่า ไปขอที่สวิส ก็ตบแต่งแพลนเล็กน้อย จองโรงแรมขึ้นมาหลอกๆ เพิ่ม 1 คืนที่สวิส อันนี้ต้องอีเมลล์จองวันสัมภาษณ์ หรือโทรจองแต่ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง (วันละ 1 ชั่วโมงถ้วน) เพื่อนส่งอีเมลล์ไปวันเสาร์ วันจันทร์ตอนบ่ายโทรหา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังเคลียร์อีเมลล์อยู่ วันถัดมาได้อีเมลล์ตอบกลับให้ไปสมัครวันที่ 20 สค ... เอาละ อย่างน้อยก็เร็วกว่าอิตาลีสองอาทิตย์ ส่งอีเมลล์วันที่ 3 สิงหา ได้อีเมลตอบกลับวันที่ 6 สิงหา โอเคมีเวลา 14 วันเตรียมเอกสาร
เอกสารก็ปกตินะคะ
1. ใบสมัคร กรอก 5 หน้า ไม่เหมือนอังกฤษกรอก 16 หน้า ถามกระทั่งชื่อพ่อแม่ เพื่อ???
2. รูปถ่ายพื้นหลังขาว 2 ใบ
3. พาสปอร์ตและสำเนา
4. ใบ employment pass และสำเนา
5. เอกสารทางการเงิน --> เรายื่นสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 3 เดือนพร้อมตัวจริง แต่เขาคืนตัวจริงให้ (ที่อังกฤษเก็บตัวจริงไปด้วย สลิปเงินเดือนก็เอา) แล้วเค้าไม่ดูสลิปเงินเดือนเลย .. ที่หวั่นก็คือจาก FAQ บอกว่า online statement ไม่เพียงพอ เราเลยยื่นสำเนาสมุดบัญชี แต่เค้าก็โอนะคะ
5. แผนการเดินทาง (ของเราทำละเอียดมากถึงมากที่สุด), ใบจองโรงแรมรวมถึงตั๋วรถไฟข้ามคืน (เราเปรี้ยวค่ะ จองทุกอย่างก่อนขอวีซ่า 555), ตั๋วรถไฟ, ตั๋วเครื่องบิน, ใบเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
6. จดหมายรับรองจากที่ทำงาน
7. เงินค่าสมัคร $100 (เหรียญสิงคโปร์)
ที่ประหลาดใจมากคือ เจ้าหน้าที่ให้ไปรับเล่มวันที่ 28 สิงหาค่ะ เพิ่งยื่นเรื่องไปวันนี้ (20/8) เร็วมาก!!! ในขณะที่เพื่อนอีกคนยื่นเรื่องจากไทยตั้งแต่วันที่ 26 กค กับสถานฑูตอิตาลี ยังไม่ได้เล่มคืนเลย >.< อาจเป็นเพราะว่าเราสมัครกับสถานฑูตโดยตรงไม่ผ่านเอเจนซี่ แต่ก็เร็วมากอยู่ดี รออิตาลีไม่รู้นานเท่าไร ไม่อยากได้เล่มคืนวันเดินทางอะค่ะ เสียวเกิน
เลยอยากแนะนำเพื่อนห้องบลูว่า เราว่าลองพิจารณาสวิสไว้ ไม่เสียหาย จากประสบการณ์ตรง อิตาลีคิวแน่นมาก แน่นอนการพิจารณาก็ต้องนานเป็นธรรมดา >.<
ได้แต่หวังว่าเมื่อไรพาสปอร์ตไทยจะไปยุโรปได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า ยุ่งยากมาก ยังจะเสียค่าวีซ่าฟรีๆ หมดไป $260 แค่กับค่าวีซ่า เสียใจ
แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าเชงเก้น
เรามีแผนจะไปเที่ยวยุโรปตอนกลางเดือนกันยา 18 กันยา ถึง 8 ตุลา ไปทั้งหมด 5 ประเทศ ก็ต้องขอทั้งวีซ่าอังกฤษกัยเชงเก้น จำไม่ได้แล้วว่าอ่านที่ไหนว่าควรขออังกฤษก่อน ... ไม่ทราบว่าเพื่อนชาวห้องบลูมีคำตอบไหมคะ ยังคงอยากรู้อยู่จนถึงทุกวันนี้
อันนี้เป็นประสบการณ์การยื่นเรื่องที่สิงคโปร์นะคะ แต่เราคิดว่าน่าจะพอเป็นไอเดียให้เพื่อนๆห้องบลูได้บ้างเลยเอามาเล่าให้ฟัง
เอาหล่ะเข้าเรื่อง เราก็ไปขอวีซ่าอังกฤษมา ยื่นเรื่องไปตั้งแต่วันที่ 3 กค ได้ข้อความให้ไปรับเล่มวันที่ 15 กค ยื่นเรื่องผ่านตัวแทน VFS เลยคิดว่าทำให้ค่อนข้างนาน เสียค่าสมัครตั้ง $160
พอได้วีซ่ามาเราก็กลับไทย จากแพลน เราจะขอวีซ่าอิตาลี เพื่อนก็เชคก่อนกลับบ้านว่าเค้ายังไม่เปิดให้จอง แล้วก็ว่างมาก เราเลยไม่หนักใจอะไร กลับบ้าน 6 วันเพื่อนเชคอีกที วันที่ 3 สิงหา จองได้เร็วสุดวันที่ 23 สิงหา แล้วได้แค่ 1 คน อีกคนต้องจองวันที่ 4 กันยา โอ้แม่เจ้า!! มันจะทันได้อย่างไร หนูจะเดินทางวันที่ 18 กันยา ต้องเข้าไปเลือกสลอตเอาเอง จากรูปการณ์ เปิดให้จองแค่สัปดาห์ละ 4 วัน 4 คนต่อวัน (คือมีสองช่วงเวลา ตั้งต้นมาเขียวหมด พอมีคนเลือก 1 คนจะเป็นเหลือง พอเลือกอีก 1 คนก็เป็นแดง) ยังไม่พอ บางวันมีให้เลือกแค่ 1 ช่วงเวลา!!! ขอโทษนะคะ ก็รู้ว่าคนที่นี่ถ้าไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่พี่ช่วยเพิ่มจำนวนคนสมัรรต่อวันได้ไหมคะ โกรธ!!
ไม่ได้การ.. เราเปลี่ยนแผนดีกว่า ไปขอที่สวิส ก็ตบแต่งแพลนเล็กน้อย จองโรงแรมขึ้นมาหลอกๆ เพิ่ม 1 คืนที่สวิส อันนี้ต้องอีเมลล์จองวันสัมภาษณ์ หรือโทรจองแต่ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง (วันละ 1 ชั่วโมงถ้วน) เพื่อนส่งอีเมลล์ไปวันเสาร์ วันจันทร์ตอนบ่ายโทรหา เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังเคลียร์อีเมลล์อยู่ วันถัดมาได้อีเมลล์ตอบกลับให้ไปสมัครวันที่ 20 สค ... เอาละ อย่างน้อยก็เร็วกว่าอิตาลีสองอาทิตย์ ส่งอีเมลล์วันที่ 3 สิงหา ได้อีเมลตอบกลับวันที่ 6 สิงหา โอเคมีเวลา 14 วันเตรียมเอกสาร
เอกสารก็ปกตินะคะ
1. ใบสมัคร กรอก 5 หน้า ไม่เหมือนอังกฤษกรอก 16 หน้า ถามกระทั่งชื่อพ่อแม่ เพื่อ???
2. รูปถ่ายพื้นหลังขาว 2 ใบ
3. พาสปอร์ตและสำเนา
4. ใบ employment pass และสำเนา
5. เอกสารทางการเงิน --> เรายื่นสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 3 เดือนพร้อมตัวจริง แต่เขาคืนตัวจริงให้ (ที่อังกฤษเก็บตัวจริงไปด้วย สลิปเงินเดือนก็เอา) แล้วเค้าไม่ดูสลิปเงินเดือนเลย .. ที่หวั่นก็คือจาก FAQ บอกว่า online statement ไม่เพียงพอ เราเลยยื่นสำเนาสมุดบัญชี แต่เค้าก็โอนะคะ
5. แผนการเดินทาง (ของเราทำละเอียดมากถึงมากที่สุด), ใบจองโรงแรมรวมถึงตั๋วรถไฟข้ามคืน (เราเปรี้ยวค่ะ จองทุกอย่างก่อนขอวีซ่า 555), ตั๋วรถไฟ, ตั๋วเครื่องบิน, ใบเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
6. จดหมายรับรองจากที่ทำงาน
7. เงินค่าสมัคร $100 (เหรียญสิงคโปร์)
ที่ประหลาดใจมากคือ เจ้าหน้าที่ให้ไปรับเล่มวันที่ 28 สิงหาค่ะ เพิ่งยื่นเรื่องไปวันนี้ (20/8) เร็วมาก!!! ในขณะที่เพื่อนอีกคนยื่นเรื่องจากไทยตั้งแต่วันที่ 26 กค กับสถานฑูตอิตาลี ยังไม่ได้เล่มคืนเลย >.< อาจเป็นเพราะว่าเราสมัครกับสถานฑูตโดยตรงไม่ผ่านเอเจนซี่ แต่ก็เร็วมากอยู่ดี รออิตาลีไม่รู้นานเท่าไร ไม่อยากได้เล่มคืนวันเดินทางอะค่ะ เสียวเกิน
เลยอยากแนะนำเพื่อนห้องบลูว่า เราว่าลองพิจารณาสวิสไว้ ไม่เสียหาย จากประสบการณ์ตรง อิตาลีคิวแน่นมาก แน่นอนการพิจารณาก็ต้องนานเป็นธรรมดา >.<
ได้แต่หวังว่าเมื่อไรพาสปอร์ตไทยจะไปยุโรปได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า ยุ่งยากมาก ยังจะเสียค่าวีซ่าฟรีๆ หมดไป $260 แค่กับค่าวีซ่า เสียใจ