สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
การออกำลังกายแบบแอโรบิคทำให้กระชับและมวลไขมันสะสมลดลงครับ
ตรงข้ามกับการออกกำลังแบบ อแนโรบิค ครับ ตัวจะใหญ่
เช่นนักวิ่งมาราธอน จะคุมการออกกำลังในการวิ่งให้อยู่ในแอโรบิคโซนเช่น พยายามให้ อัตราการเต้นหัวใจ-หายใจ อยู่ในโซน2-3ตลอดเวลานักปั่นก็เช่นกัน จะเห็นว่าพวกนี้ตัวผอมมาก คิดถึงภาพนักวิ่งมาราธอนโอลิมปิคที่เป็นคนนิโกรตัวผอมๆมีนาฬิกาข้อมือเล็กๆไว้กดตอนเข้าเส้นชัยอ่ะครับ
ส่วนพวกนักวิ่งลมกรดหรือพวกยกน้ำหนัก จะใช้กล้ามเนื้อนั้นๆให้อยู่ในอแนโรบิคโซนเป็นส่วนใหญ่ กล้ามเนื้อแถวนั้นจะใหญ่ และมวลไขมันสะสมในร่างกายไม่ได้ลดลงจึงทำให้ดูตัวใหญ่
ดังนั้นหากต้องการปั่นให้น่องเล็ก ต้องใช้เกียร์ต่ำๆแล้วเพิ่มรอบขา(แรงกดน้อยๆ แต่ซอยยิ๊กๆ) แต่หากอยากได้น่องโตต้องปั่นโดยใช้เกียร์สูงๆออกแรงกดบันไดหนักๆแต่รอบขาไม่จำเป็นต้องเยอะ และต้องมีช่วงพักเพื่อป้องกันกรดแลคติกสะสมในกล้ามเนื้อมากเกินไป เหมือนนักยกน้ำหนักที่ต้องเล่นเป็นเซ็ตและวนกล้ามเนื้อเช่นเล่นไบเซพแล้วไปไตรเซพแล้วไปอกแล้วกลับมาไบเซพใหม่อีกรอบประมาณนี้
ส่วนเรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะไม่เหมือนกัน
พวกแอโรบิค กล้ามเนื้อจะไม่มีแรงมากคือไม่แข็งแต่มีความยืดหยุ่นตัวสูงและเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดและอากาศที่เข้าสู่เซลมากจะทำให้วิ่งได้นานแต่แรงเค้นต่ำเพราะร่างกายไม่เคยชินกับโซนสูงๆ พวกนี้จะออกตัวช้าแต่วิ่งได้ยาว และขาไม่ได้มีแรงถีบสูงอะไรเลย
ส่วนพวกอแนโรบิคกล้ามเนื้อจะแข็งใหญ่แต่ความยืดหยุ่นต่ำพวกนี้แรงเค้นจะดีแต่วิ่งนานไม่ได้กรดแลคติกในกล้ามเนื้อจะสูงมากดังนั้นการวิ่งระยะสั้นจึงพุ่งเหมือนหัวกระสุนแต่วิ่งได้ไม่ไกลก็หมด
ตรงข้ามกับการออกกำลังแบบ อแนโรบิค ครับ ตัวจะใหญ่
เช่นนักวิ่งมาราธอน จะคุมการออกกำลังในการวิ่งให้อยู่ในแอโรบิคโซนเช่น พยายามให้ อัตราการเต้นหัวใจ-หายใจ อยู่ในโซน2-3ตลอดเวลานักปั่นก็เช่นกัน จะเห็นว่าพวกนี้ตัวผอมมาก คิดถึงภาพนักวิ่งมาราธอนโอลิมปิคที่เป็นคนนิโกรตัวผอมๆมีนาฬิกาข้อมือเล็กๆไว้กดตอนเข้าเส้นชัยอ่ะครับ
ส่วนพวกนักวิ่งลมกรดหรือพวกยกน้ำหนัก จะใช้กล้ามเนื้อนั้นๆให้อยู่ในอแนโรบิคโซนเป็นส่วนใหญ่ กล้ามเนื้อแถวนั้นจะใหญ่ และมวลไขมันสะสมในร่างกายไม่ได้ลดลงจึงทำให้ดูตัวใหญ่
ดังนั้นหากต้องการปั่นให้น่องเล็ก ต้องใช้เกียร์ต่ำๆแล้วเพิ่มรอบขา(แรงกดน้อยๆ แต่ซอยยิ๊กๆ) แต่หากอยากได้น่องโตต้องปั่นโดยใช้เกียร์สูงๆออกแรงกดบันไดหนักๆแต่รอบขาไม่จำเป็นต้องเยอะ และต้องมีช่วงพักเพื่อป้องกันกรดแลคติกสะสมในกล้ามเนื้อมากเกินไป เหมือนนักยกน้ำหนักที่ต้องเล่นเป็นเซ็ตและวนกล้ามเนื้อเช่นเล่นไบเซพแล้วไปไตรเซพแล้วไปอกแล้วกลับมาไบเซพใหม่อีกรอบประมาณนี้
ส่วนเรื่องความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะไม่เหมือนกัน
พวกแอโรบิค กล้ามเนื้อจะไม่มีแรงมากคือไม่แข็งแต่มีความยืดหยุ่นตัวสูงและเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดและอากาศที่เข้าสู่เซลมากจะทำให้วิ่งได้นานแต่แรงเค้นต่ำเพราะร่างกายไม่เคยชินกับโซนสูงๆ พวกนี้จะออกตัวช้าแต่วิ่งได้ยาว และขาไม่ได้มีแรงถีบสูงอะไรเลย
ส่วนพวกอแนโรบิคกล้ามเนื้อจะแข็งใหญ่แต่ความยืดหยุ่นต่ำพวกนี้แรงเค้นจะดีแต่วิ่งนานไม่ได้กรดแลคติกในกล้ามเนื้อจะสูงมากดังนั้นการวิ่งระยะสั้นจึงพุ่งเหมือนหัวกระสุนแต่วิ่งได้ไม่ไกลก็หมด
แสดงความคิดเห็น
ทำไมนักวิ่ง และ นักปั่นจักรยาน มืออาชีพ ขาถึงไม่ใหญ่ค่ะ
หรือนักออกกำลังกายอาชีพ ทั่วไปเขามีรูปแบบการปั่นหรือวิ่งที่แตกต่างออกไป เช่น ที่เรารู้มาคือ วิ่งลงส้น วงลงปลายเท้า หรือ ปั่นเกียร์เบา ไม่นับจำนวนรอบ อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ แต่เคยไปอ่านกระทู้นึง เขาบอกว่า วิ่งแรกๆปั่นแรกๆจะมีกล้ามเนื้อแต่พอทำไปนานๆมากเข้า กล้ามเนื้อจะเผาผลาญเล็กลงไปเอง อันนี้จริงมั้ยค่ะ แล้วนักวิ่ง นักปั่น ส่วนใหญ่ที่ขาเขาเล็กๆกันเพราะเขามีทักษะการวิ่งการปั่น หรือ วิ่งไปปั่นไปนานๆมันก็ลดเองค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้