สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
ดิฉันมีเรื่องอยากรบกวนปรึกษาตอนนี้มีเรื่องทุกข์ใจมาก รวมถึงอยากแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาเผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่นบ้างค่ะ
ดิฉันเพิ่งพ้นจากตำแหน่งพนักงานของ สถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่ง
ขอเล่าสาเหตุที่ต้องลาออก และสาเหตุที่ต้องทุกข์ใจแบบนี้นะคะ
เนื่องด้วยสถานประกอบการ มีการอบรมเกี่ยวกับใบหน้าเป็นระยะเวลาสั่นไม่เกิน
1 อาทิตย์
ปกติแล้ว ทางแทรนเนอร์จะขอให้พนักงาน สับเปลี่ยนกันเป็นโมเดลให้เพื่อนๆ ทดลองหัดทำหน้า
ซึ่งดิฉันเป็นคนที่หน้าแพ้ง่ายมากๆ หากใช้อะไรที่แปลกปลอมกับหน้า หน้าก็จะเกิดสิวขึ้นทันที และในการอบรมครั้งนี้ ดิฉันก็พยายามที่จะขอกับเทรนเนอร์แล้วว่าดิฉันขอไม่เป็นโมเดล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขัดไม่ได้เลยต้องยอมจำใจเป็น
คนที่หน้าแพ้ง่ายต้องโดนขัด โดนถู โดนนวด วันละหลายๆครั้ง ทำให้หน้าดิฉันก็เริ่มเกิดปัญหา เริ่มมีสิวผุดขึ้น ดิฉันขอคำปรึกษากับเทรนเนอร์ผู้สอนก็บอกว่าตอนนี้ให้หยุดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันใช้ไปเสียก่อน ดิฉันเชื่อ ดิฉันไม่ใช้และทำอะไรกับใบหน้าทั้งสิ้น ระหว่างการอบรมจนมาถึง
วันเทรน 2 วันสุดท้าย ซึ่งต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาทำทรีทเม้น และเครื่องตัวนี้ข้อห้ามของมันคือ คนที่ผิวหน้าเป็นฝ้า เป็นสิว ที่เลเซอร์มา ห้ามทำโดนเด็ดขาดเพราะมันจะมีผลข้างเคียงตามมา หน้าของดิฉันที่เริ่มมีสิวเกิดขึ้นพอสมควร ดิฉัน ปฏิเสธที่จะต้องเป็นโมเดลแล้ว แต่ก็สุดท้าย ก็ ต้องจำยอมเป็นโมเดลเพราะขัดไม่ได้ ในขณะที่เครื่องลงบนใบหน้า ถ้าจุดไหนที่เป็นสิวมันก็จะสปาร์คดิฉันสะดุ้งไปหลายรอบ หลังจากนอนเป็นโมเดลเรียบร้อย ผ่านมาไม่กี่วันสิวมันก็เริ่มดันออกๆ เพิ่มจำนวนขึ้น แป้งเด็กอ่อนธรรมดาที่เคยใช้ก็ยังใช้ไม่ได้ และก็เป็นสิวหัวหนอง สิวอักเสบ เต็มใบหน้า แต่ดิฉันยังคิดในแง่บวกว่าเดียวมันจะต้องดีขึ้น จึงพยายามอดทนกับใบหน้าที่มีแต่สิว (ด้วยความชะล่าใจตรงนี้คิดว่าเดี๋ยวก็หายเอง บวกกับกลัวต้องไปพบแพทย์ กลัวต้องมีค่าใช้จ่าย จึงปล่อยเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนๆ โดยที่ผิวหน้าก็อักเสบอยู่แบบนั้น )
ระหว่างนั้นดิฉันยังมาทำงานปกติ จนในวันหนึ่งมีลูกค้าที่รับบริการจากดิฉันพูดกับดิฉันว่า "ไม่มีพนักงานหน้าตาที่ไมาน่ากลัวมาทำให้แล้วเหรอ?? "
ดิฉันเสียใจมากแต่ก็ต้องปฏิบัติงานไปตามหน้าที่จนแล้วเสร็จ ดิฉันรู้สึกท้อแท้และอายมากๆ ที่หน้าเป็นแบบนี้รวมไปถึงรู้สึกปวดแสบบริเวณหน้าที่อักเสบมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เวลาทำงาน จึงขอหยุดงานในวันที่ 6 สิงหาคม และตัดสินใจลาออกในวันที่ 9 สิงหาคม
หลังจากออก ดิฉันก็ได้แต่เก็บตัวอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน จนวันที่ 11 สิงหาคม แม่ขอให้ไปธุระด้วยกัน ณ วันนั้นแม่เพิ่งจะได้เห็นหน้าของดิฉันชัดๆว่าหน้ามันสาหัสขนาดไหน แม่จึงพาดิฉันไปหาหมอ เพื่อทำการรักษาแบบเร่งด่วนที่สุด ดิฉันจึงตัดสินใจไปหาสถาบันที่รักษาหน้าแห่งหนึ่ง เมื่อหมอเห็น หมอก็แสดงอาการตกใจและถามถึงสาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดิฉันจึงได้เล่าให้คุณหมอฟัง คุณหมอบอกว่ามันไม่ถูกต้องและไม่เป็นการสมควรเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้ทั้งรู้ว่ามันจะมีผลกระทบต่อใบหน้าอย่างไรก็ยังให้ดิฉันฝืนเป็นโมเดล การรักษามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งดิฉันไม่ได้มีรายได้ ณ ขณะนี้ จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากทางบริษัทมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวของดิฉันไว้ และบอกให้รอการติดต่อกลับ
จนในวันที่ 14 สิงหาคม 2556 หัวหน้าฝ่ายเทรนเนอร์ได้โทรมาหาดิฉัน โทรมาต่อว่าดิฉันว่า “การที่เข้ามาเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งนี้ เป็นการไม่ฉลาดเอาเสียเลย และได้กล่าวอ้างว่า คนที่เข้าร่วมอบรมทุกคนเป็นพยานได้ว่าดิฉันขออาสาเป็นโมเดลในการอบรมในครั้งนี้ด้วยตนเอง และเงินที่บริษัทยังค้างจ่าย ( ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องได้จากการขายเครื่องสำอางและจุกจิกอื่นๆ ประมาณ 6000 บาท ) อย่าหวังว่าจะได้เงิน และยังพูดอีกว่าจะทำการแบล็คลิสดิฉันในสายงานที่ดิฉันทำ"
ดิฉันแค่อยากทราบว่า สิ่งที่ดิฉันเข้าไปขอความช่วยเหลือจากทางบริษัทเรื่องค่ารักษาใบหน้านั้นจะกลายเป็นเรื่องถึงขนาดจะตัดอนาคตกันเลยหรอ?
แค่ ณ ตอนนี้หน้าดิฉันที่เป็นอยู่ดิฉันก็ไม่กล้าที่จะออกไปไหนอยู่แล้ว แล้วจะให้ดิฉันดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป.........
จึงอยากขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆในนี้ว่าดิฉันควรทำอย่างไรต่อไป ควรเงียบรักษาตัวเองต่อ แล้วการที่ดิฉันเข้าไปขอความช่วยเหลือจากบริษัทเป็นสิ่งที่ควรทำไหม และหากเพื่อนๆท่านใดมีประสบการณ์ในการแพ้เครื่องสำอางรุนแรงพอจะแชร์ได้ไหมคะว่าต้องใช้เวลารักษานานเท่าไหร่จนกว่าหน้าจะหายดี ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล.แตกกระทู้จาก
http://ppantip.com/topic/30863476 เพื่อเพิ่มแท๊กค่ะ
*ขอความกรุณาด้วยค่ะ ทุกข์ใจมากๆ ดิฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้วค่ะ*
ดิฉันมีเรื่องอยากรบกวนปรึกษาตอนนี้มีเรื่องทุกข์ใจมาก รวมถึงอยากแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาเผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่นบ้างค่ะ
ดิฉันเพิ่งพ้นจากตำแหน่งพนักงานของ สถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่ง
ขอเล่าสาเหตุที่ต้องลาออก และสาเหตุที่ต้องทุกข์ใจแบบนี้นะคะ
เนื่องด้วยสถานประกอบการ มีการอบรมเกี่ยวกับใบหน้าเป็นระยะเวลาสั่นไม่เกิน 1 อาทิตย์
ปกติแล้ว ทางแทรนเนอร์จะขอให้พนักงาน สับเปลี่ยนกันเป็นโมเดลให้เพื่อนๆ ทดลองหัดทำหน้า
ซึ่งดิฉันเป็นคนที่หน้าแพ้ง่ายมากๆ หากใช้อะไรที่แปลกปลอมกับหน้า หน้าก็จะเกิดสิวขึ้นทันที และในการอบรมครั้งนี้ ดิฉันก็พยายามที่จะขอกับเทรนเนอร์แล้วว่าดิฉันขอไม่เป็นโมเดล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขัดไม่ได้เลยต้องยอมจำใจเป็น
คนที่หน้าแพ้ง่ายต้องโดนขัด โดนถู โดนนวด วันละหลายๆครั้ง ทำให้หน้าดิฉันก็เริ่มเกิดปัญหา เริ่มมีสิวผุดขึ้น ดิฉันขอคำปรึกษากับเทรนเนอร์ผู้สอนก็บอกว่าตอนนี้ให้หยุดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันใช้ไปเสียก่อน ดิฉันเชื่อ ดิฉันไม่ใช้และทำอะไรกับใบหน้าทั้งสิ้น ระหว่างการอบรมจนมาถึงวันเทรน 2 วันสุดท้าย ซึ่งต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาทำทรีทเม้น และเครื่องตัวนี้ข้อห้ามของมันคือ คนที่ผิวหน้าเป็นฝ้า เป็นสิว ที่เลเซอร์มา ห้ามทำโดนเด็ดขาดเพราะมันจะมีผลข้างเคียงตามมา หน้าของดิฉันที่เริ่มมีสิวเกิดขึ้นพอสมควร ดิฉัน ปฏิเสธที่จะต้องเป็นโมเดลแล้ว แต่ก็สุดท้าย ก็ ต้องจำยอมเป็นโมเดลเพราะขัดไม่ได้ ในขณะที่เครื่องลงบนใบหน้า ถ้าจุดไหนที่เป็นสิวมันก็จะสปาร์คดิฉันสะดุ้งไปหลายรอบ หลังจากนอนเป็นโมเดลเรียบร้อย ผ่านมาไม่กี่วันสิวมันก็เริ่มดันออกๆ เพิ่มจำนวนขึ้น แป้งเด็กอ่อนธรรมดาที่เคยใช้ก็ยังใช้ไม่ได้ และก็เป็นสิวหัวหนอง สิวอักเสบ เต็มใบหน้า แต่ดิฉันยังคิดในแง่บวกว่าเดียวมันจะต้องดีขึ้น จึงพยายามอดทนกับใบหน้าที่มีแต่สิว (ด้วยความชะล่าใจตรงนี้คิดว่าเดี๋ยวก็หายเอง บวกกับกลัวต้องไปพบแพทย์ กลัวต้องมีค่าใช้จ่าย จึงปล่อยเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนๆ โดยที่ผิวหน้าก็อักเสบอยู่แบบนั้น )
ระหว่างนั้นดิฉันยังมาทำงานปกติ จนในวันหนึ่งมีลูกค้าที่รับบริการจากดิฉันพูดกับดิฉันว่า "ไม่มีพนักงานหน้าตาที่ไมาน่ากลัวมาทำให้แล้วเหรอ?? "
ดิฉันเสียใจมากแต่ก็ต้องปฏิบัติงานไปตามหน้าที่จนแล้วเสร็จ ดิฉันรู้สึกท้อแท้และอายมากๆ ที่หน้าเป็นแบบนี้รวมไปถึงรู้สึกปวดแสบบริเวณหน้าที่อักเสบมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เวลาทำงาน จึงขอหยุดงานในวันที่ 6 สิงหาคม และตัดสินใจลาออกในวันที่ 9 สิงหาคม
หลังจากออก ดิฉันก็ได้แต่เก็บตัวอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน จนวันที่ 11 สิงหาคม แม่ขอให้ไปธุระด้วยกัน ณ วันนั้นแม่เพิ่งจะได้เห็นหน้าของดิฉันชัดๆว่าหน้ามันสาหัสขนาดไหน แม่จึงพาดิฉันไปหาหมอ เพื่อทำการรักษาแบบเร่งด่วนที่สุด ดิฉันจึงตัดสินใจไปหาสถาบันที่รักษาหน้าแห่งหนึ่ง เมื่อหมอเห็น หมอก็แสดงอาการตกใจและถามถึงสาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดิฉันจึงได้เล่าให้คุณหมอฟัง คุณหมอบอกว่ามันไม่ถูกต้องและไม่เป็นการสมควรเป็นอย่างยิ่งเพราะรู้ทั้งรู้ว่ามันจะมีผลกระทบต่อใบหน้าอย่างไรก็ยังให้ดิฉันฝืนเป็นโมเดล การรักษามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งดิฉันไม่ได้มีรายได้ ณ ขณะนี้ จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากทางบริษัทมีเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวของดิฉันไว้ และบอกให้รอการติดต่อกลับ
จนในวันที่ 14 สิงหาคม 2556 หัวหน้าฝ่ายเทรนเนอร์ได้โทรมาหาดิฉัน โทรมาต่อว่าดิฉันว่า “การที่เข้ามาเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการรักษาครั้งนี้ เป็นการไม่ฉลาดเอาเสียเลย และได้กล่าวอ้างว่า คนที่เข้าร่วมอบรมทุกคนเป็นพยานได้ว่าดิฉันขออาสาเป็นโมเดลในการอบรมในครั้งนี้ด้วยตนเอง และเงินที่บริษัทยังค้างจ่าย ( ค่าคอมมิชชั่นที่ต้องได้จากการขายเครื่องสำอางและจุกจิกอื่นๆ ประมาณ 6000 บาท ) อย่าหวังว่าจะได้เงิน และยังพูดอีกว่าจะทำการแบล็คลิสดิฉันในสายงานที่ดิฉันทำ"
ดิฉันแค่อยากทราบว่า สิ่งที่ดิฉันเข้าไปขอความช่วยเหลือจากทางบริษัทเรื่องค่ารักษาใบหน้านั้นจะกลายเป็นเรื่องถึงขนาดจะตัดอนาคตกันเลยหรอ?
แค่ ณ ตอนนี้หน้าดิฉันที่เป็นอยู่ดิฉันก็ไม่กล้าที่จะออกไปไหนอยู่แล้ว แล้วจะให้ดิฉันดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป.........
จึงอยากขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆในนี้ว่าดิฉันควรทำอย่างไรต่อไป ควรเงียบรักษาตัวเองต่อ แล้วการที่ดิฉันเข้าไปขอความช่วยเหลือจากบริษัทเป็นสิ่งที่ควรทำไหม และหากเพื่อนๆท่านใดมีประสบการณ์ในการแพ้เครื่องสำอางรุนแรงพอจะแชร์ได้ไหมคะว่าต้องใช้เวลารักษานานเท่าไหร่จนกว่าหน้าจะหายดี ขอบคุณมากๆค่ะ
ปล.แตกกระทู้จาก http://ppantip.com/topic/30863476 เพื่อเพิ่มแท๊กค่ะ